ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นเทียนหยวน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและเต็มไปด้วยความแค้น ที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจที่รอวันชำระแค้นกับอดีตสหายเก่า หากแต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความด้านชา กลับปรากฏหมอหญิงจากสกุลหลิง ผู้มาจากยุคปัจจุบัน ผุดขึ้นอยู่ภายในหัวใจ หยกบุบผานำเธอให้มาพบกับแม่ทัพจอมโหด และหลิงลี่ย่านางคือสตรีที่แม่ทัพหนุ่มต้องตามจับเธอ !!!
คริสต์ศักราช 2018
เที่ยวบินปักกิ่ง-ตุนหวง
เมืองตุนหวงตั้งอยู่ในเขตมณฑลกานซู่ ซึ่งอยู่แถบทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน บริเวณนี้มีการตั้งหลักปักฐานมาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาประมาณ 2,000 ปี เดิมถูกเรียกว่าเมืองสีทอง เป็นทางผ่านที่สำคัญของเส้นทางสายไหมในยุคโบราณ และถูกป้องกันการรุกรานจากชนเผ่านอกด่านด้วยกำแพงเมืองจีน
เขตตุนหวงอยู่ใกล้กับทะเลทรายดังนั้นสภาพอากาศในเวลากลางวันจึงร้อนระอุ หากแต่ในเวลากลางคืนจะหนาวจัดและจะมีหิมะตกในทะเลทรายเมื่อถึงฤดูหนาว ภายในบริเวณแผ่นดินสีทองเหลืองอร่าม กินเนื้อที่เป็นอาณาบริเวณอย่างกว้างขวาง มองไปแห่งหนใดเห็นแต่เม็ดทรายร้อนระอุไกลจนสุดฟากฟ้าและสุดเอื้อมสายตาเลยทีเดียว
แผ่นดินแห้งแล้ง ร้อนระอุเต็มไปด้วยความร้อนที่แผดเผากลางทะเลทราย และภายใต้ความแห้งแล้งของแผ่นดินสีทองดังกล่าว ใจกลางทะเลทรายมีทะเลสาบพระจันทร์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่ และอยู่มานานนับหลายพันปี ในอดีตกาลทะเลสาบดังกล่าวถูกผู้คนในยุคสมัยโบราณเรียกว่าบึงพระจันทร์
ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวมีชื่อภาษจีนว่า เย่ว์หยาเฉวียน ตั้งอยู่ณ.เมืองตุนหวง มณฑลกานซู บริเวณทางภาคตะวันตกของจีน ลักษณะของทะเลสาบมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ถูกล้อมรอบด้วยเนินทราย
และอีกหนึ่งความน่าสนใจของสถานที่แห่งนี้นั่นก็คือ ปรากฎการณ์พิเศษของทิศทางกระแสลม ซึ่งจะไม่พัดลงล่าง กลับพัดขึ้นบนเสมอ ทรายจึงไม่ทับถมแหล่งน้ำ ตามหลักทฤษฎีกลศาสตร์อากาศ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวจึงไม่ถูกกลืนหายไป ท่ามกลางเนินทรายสูงประหนึ่งขุนเขาสูง
เมืองตุนหวง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู ทางภาคตะวันตกของจีน เป็นเมืองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของจีน ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมและยังเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญจากจีนไปยังเขตซีอวี้ เอเชียกลางและยุโรป และเคยเป็นชุมทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต
ตุนหวง ในฐานะเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ล้ำค่าแห่งหนึ่งในโลกของจีน ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักสำคัญแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม ยังเป็นแหล่งบรรจบที่มีความสำคัญของอารยธรรมจีนกับอารยธรรมตะวันตก ตุนหวงลือชื่อในด้านถ้ำหินตุนหวงกับงานจิตรกรรมผนังถ้ำตุนหวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลก เช่น ถ้ำมั่วเกาคู ด่านอวี้เหมินกวน และด่านหยังกวนของกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น
แม้ว่าจะมีดินแดนที่ติดทะเลทรายก็ตามแต่ท่ามกลางเนินทรายสูงและอากาศที่ร้อนระอุ กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมายอยู่ภายในเขตเมืองตุนหวง นอกจากทะเลสาบพระจันทร์แล้วยังมี ถ้ำมั่วเกา ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในสมัย “เฉียนฉินแห่งสิบหกประเทศ” ราวๆ ค.ศ.300-400
และได้ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุค 16 ประเทศ (ช่วงสามก๊กตอนปลาย) , เป่ยเฉา, สุ่ย, ถัง, ห้าราชวงศ์, ซีเซี่ย, หยวน (มองโกล) ได้มีการก่อสร้าง และทำนุบำรุง มาไม่อย่างหยุดหย่อนทำให้ขนาดของสถานที่นี้มีขนาดใหญ่มาก ปัจจุบันมีถ้ำอยู่ถึง 492 แห่งและมีภาพฝาผนัง 45000 ตารางเมตร รูปปั้นดินลงสี 2415 องค์ ถือเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเนินทรายหมิงซาซาน เทือกเขาทะเลทรายที่มีความยาวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 40 กิโลเมตร จากทิศเหนือไปทิศใต้ 20 กิโลเมตร ยอดเขามีความสูงประมาณ 100 เมตร ทรายมีสีสันต่างกัน 5 สี คือ สีแดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ที่มาของภูเขาหมิงซาซานแปลว่าภูเขาทรายร้องไห้
ตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพ 2 กองทัพกำลังสู้รบกันอยู่และในขณะนั้นได้เกิดพายุทรายพัดกระหน่ำ จึงทำให้ทั้ง 2 กองทัพถูกฝังทั้งเป็นภายใต้กองทราย ปัจจุบันภูเขาหมิงซาซานเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองตุนหวง สามารถขี่อูฐชมทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เดินตามกันเป็นทิวแถวไปตามสันทรายที่โค้งไปมา ภูเขาทรายดูเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ตัดกับฟ้าสวยสีครามใสจนทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
ว้าว! เสียงอุทานดังออกมาจากร่างของหญิงสาวใบหน้าสวยคม ดวงตาหวานซึ้งเมื่อเธออ่านรายละเอียดผ่านทางหน้าจอมือถือเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางมาในครั้งนี้ของเธอ
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าตุนหวงจะมีสถานที่เที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆ เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลทรายแต่กลับมีสถานที่เที่ยวแปลกตาและไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในสถานที่ทั้งแห้งและร้อนแทบบ้าแบบนั้น ว่าแต่พี่สามอยู่ในเมืองนี้ได้มาตั้งนานสองนาน มันก็จะต้องมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอนเพราะคนอย่างพี่สามไม่มีทางลงที่จะทุนอะไรและต้องพบกับการขาดทุนเป็นแน่”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
มือเรียวทัชหน้าจอปิดการทำงานของมือถือ ก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นว่าเบาะนั่งที่อยู่ติดกับเธอฝั่งทางเดินนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีผู้โดยสารมานั่งประจำแต่อย่างใด
“ที่นั่งติดกับเราว่างอย่างนั้นเหรอ แต่ตอนเรากำลังซื้อตั๋วเครื่องบินเจ้าหน้าที่บอกว่าที่นั่งเบาะนี้มีคนซื้อที่นั่งตรงนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นร่างอรชรอ้อนแอ่นของพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินกำลังเดินตรงมาที่หญิงสาว ราวกับล่วงรู้ว่าลี่ย่ากำลังขอความช่วยเหลือ
“คุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”พนักงานคนดังกล่าวเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึง
“แหม...เหมือนมีญาณวิเศษเลยว่าเรากำลังจะถามอะไรพอดีเลย”หญิงสาวรำพึงในใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ที่นั่งตรงเบาะนี้คนที่ซื้อตั๋วตกลงไม่มานั่งแล้วเหรอคะ”หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้
พนักงานต้อนรับคนดังกล่าวระบายยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
“ที่นั่งตรงนี้ไม่มีคนนั่งแล้วค่ะ เลื่อนตั๋วการเดินทางไปเป็นพรุ่งนี้แทน ก็เลยทำให้ที่นั่งตรงนี้ว่างลง”
อ่อ...เสียงที่บ่งบอกว่าเข้าใจถึงสาเหตุดังกล่าวนั้นยาวออกมาในลักษณะยานคางก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมากนะคะ ถ้าเช่นนั้นเบาะนั่งว่างแบบนี้จะได้วางของใช้ส่วนตัวที่นำติดตัวมาได้ ไม่ต้องเอาไปเก็บไว้ด้านบน”หญิงสาวบอกกลับไป
“ตามสบายเลยค่ะ คุณผู้หญิงต้องการให้นำสัมภาระจากช่องเก็บด้านบนมาวางไว้บนเบาะเลยไหมคะ”พนักงานคนดังกล่าวพูดพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ต้องการอย่างมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจพร้อมยกสองมือรับสัมภาระของเธอจากพนักงานต้อนรับ นำมาวางไว้บนเบาะนั่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย”เธอกล่าวขอบคุณกลับไปพร้อมร่างสูงโปร่งของพนักงานต้อนรับก้าวเดินต่อไปเพื่อคอยดูแลผู้โดยสารคนอื่นๆ หลังจากช่วยเหลือหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย
ท่ามกลางรอยยิ้มแย้มเยือนของหญิงสาว เริ่มทยอยนำกระเป๋าเป้และกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คนำมาจัดเรียงวางไว้บนเบาะนั่งให้เรียบร้อยก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นสร้อยหยกสีขาวที่ห้อยคล้องติดอยู่กับตะขอซิปกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาวอยู่ในเวลานี้
“เฮ้ย! สร้อยหยกสีขาวของใครกันเนี่ย...ทำไมมาห้อยอยู่ในกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คของเราได้อย่างไง”เธอพูดพลางยกมือเกาศีรษะของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือปลดสร้อยหยกที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คพร้อมนำขึ้นมาสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ตัวสร้อยก็เป็นหยกสีขาวแผ่นหยกก็สีขาว รูปร่างแบบนี้น่าจะเป็นเพราะหยกถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้นเสียมากกว่าแตกหักเอง เพราะว่าส่วนที่ถูกแบ่งออกไปนั้นเรียบเนียนเสมอกันทักส่วนเลย น่าจะถูกแบ่งออกจากกันด้วยความตั้งใจให้เป็นสองชิ้นเสียมากกว่า ว่าแต่ตัวอักษรที่แกะอยู่บนหยกอ่านไม่ออกเลยแฮะ ดูคล้ายตัวอักษรโบราณ”หญิงสาวพูดพลางจับจ้องแผ่นหยกที่มีเพียงครึ่งซีกอยู่บนมือพร้อมกับภาพบางอย่างจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
พรึบ! ภาพเบื้องหน้าคือท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้างจนสุดลูกหูลูกตาปรากฏออกมาให้เห็น ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นเมืองโบราณที่ไหนสักแห่ง ซึ่งลี่ย่าเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ภาพที่เห็นอยู่ในเวลานี้เต็มไปด้วยกลุ่มควันขาวและเปลวเพลิงสีส้มแสด และบริเวณพื้นดินปรากฏศพมากมายทั้งชาย หญิง คนชราและไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กทารกนอนตายเกลื่อนเมือง
พรึบ! ภาพดังกล่าวดับวูบลงไปโดยพลันพร้อมเสียงบ่นพึมพำดังลอดออกมาเบาๆ
ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง
คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม
เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์
ว่านฉีฉี ลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกส่งตัวไปเมืองปักกิ่ง เพื่อความปลอดภัยจึงต้องแยกจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลครองเมือง หญิงสาวเข้าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่ง และสถานที่แห่งนั้นทำให้เธอ ถูกนำกลับไปเมืองหลวงจี้ แห่งเมืองต้าเยียน ซึ่งกำลังถูกฆ่าล้างเมืองอยู่ในเวลานั้น หลี่เหวินฉาง แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ ได้พบกับว่านฉีฉี ในวันคือพระจันทร์สีเลือด แม่ทัพหนุ่มนำลูกสาวเจ้าพ่อในยุคอนาคตมาเป็นสตรีบำเรอ โดยไม่รู้ว่าเธอมีพลังปีศาจของนางพญามาร และเขาคือแม่ทัพปีศาจแห่งเฉียนฉิน
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"