ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ในโรงภาพยนตร์ส่วนตัวอันกว้างขวาง กำลังฉายการประมูลเครื่องประดับที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้
“ห้าล้านครั้งที่หนึ่ง”
เมื่อเสียงของผู้ประมูลดังขึ้น เวินซื่อถูกเติมเต็มจนเต็มที่โดยชายที่อยู่เบื้องล่างเธอ
เธอแทบจะไม่สามารถทนทานต่อความดุดันของเขาได้ จึงกัดไหล่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของเขา
ชายคนนั้นครางเสียงต่ำออกมา
“ปล่อยหน่อย” เขาบีบเอวของเธอแน่นขึ้น น้ำเสียงของเขาแหบพร่าด้วยความยากลำบาก
เวินซื่อรู้ว่าการกัดทำให้เจ็บ
เธอจึงเริ่มผ่อนคลายลงและคลายฟันออกทีละนิด
จังหวะที่เธอกำลังจะขอโทษ กลับได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากชายหนุ่ม “ผมไม่ได้ให้คุณคลายปากนี้”
เวินซื่อชะงัก
ความรู้สึกผิดกลายเป็นความอับอายดั่งเปลวไฟที่ลุกโชนจนเธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
เวลาผ่านไป ความดุดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
จนกระทั่งผู้ประมูลเคาะราคาปิดประมูล “ห้าสิบล้าน!”
“ขอเสียงปรบมือให้กับคุณเซ่หลินโจวเลยครับ!”
ชื่อที่ถูกเอ่ยนั้นทำให้เวินซื่อแข็งทื่อไปทั้งร่างในทันที
ความเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจนมาก จนชายคนนั้นชะงักการเคลื่อนไหว เขาเปิดเปลือกตาขึ้นมองจอภาพอย่างเกียจคร้าน
กล้องจับหันไปภาพใบหน้าของเซ่หลินโจวพอดี
“คุณชายรองตระกูลเซ่ คนรู้จักเหรอ?” เขากดจูบที่ใบหูของเวินซื่อ พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
เวินซื่อขมวดคิ้ว เธอไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
“การสอดรู้สอดเห็นเรื่องซุบซิบเป็นส่วนหนึ่งของบริการของคุณด้วยหรือไง?”
ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยิน
บริการ?
เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ค่อย ๆ บีบเอวของเธอแน่นขึ้นอีก และเคลื่อนไหวด้วยความรุนแรงที่ไม่ทันตั้งตัว
รอบข้างมืดสลัว ความปรารถนาล้นทะลัก
เสียงที่แสนคลุมเคลือและเสียงหัวใจที่ว้าวุ่นสอดประสานกันอย่างเร่าร้อน
จนกระทั่งถึงจุดสุดยอด
……
หลังจากทุกอย่างสิ้นสุด เวินซื่อฉวยโอกาสตอนที่ชายคนนั้นเข้าห้องน้ำ หยิบเงินสดสิบกว่าใบจากกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้
จากนั้นเธอก็เดินออกไปโดยใช้มือประคองเอว
เมื่อลี่ซือเหนียนออกมาและพบเงินที่วางอยู่บนเก้าอี้ เขาก็กระตุกมุมปาก
ชายหนุ่มจุดบุหรี่อย่างใจเย็น นั่งลงแล้วหยิบเงินขึ้นมาเล่นในมือ
ไม่นานนัก ผู้ช่วยของเขา ซ่งชวน ก็พรวดเข้ามาอย่างรีบร้อน
กลิ่นอายของความเหนื่อยล้ายังคงไม่จางหาย ทำให้ซ่งชวนรู้สึกชาหนึบที่หนังศีรษะขึ้นมาทันที “ขอโทษครับคุณลี่ ผมพลาดไปชั่วขณะ ขอเวลาอีกหน่อย ผมจะจับเธอกลับมาให้ได้”
พวกเขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แม้จะคอยระวังทุกอย่าง แต่กลับไม่ทันระวังผู้หญิงคนเดียว
ลี่ซือเหนียนพ่นควันบุหรี่ออกมา ดวงตาเขาดูเฉยเมย
“ไม่ต้อง ฉันเต็มใจเอง”
ซ่งชวนอึ้งไป
เขามองรอยข่วนชวนคิดลึกที่หน้าอกของลี่ซือเหนียนอีกครั้ง สมองของเขากลับกลายเป็นว่างเปล่า
อยู่กับเขามานานขนาดนี้ ลี่ซือเหนียนไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย แม้แต่การสัมผัสกันก็ไม่มี
ถึงขนาดในโลกภายนอกต่างลือกันว่าเขามีปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
แต่ตอนนี้ ข่าวลือกลับถูกชี้แจงไปแล้วทั้งแบบนี้
ยังไม่ทันที่ซ่งชวนจะคิดอะไรมาก เสียงทุ้มลึกของลี่ซือเหนียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ตรวจสอบชีวิตส่วนตัวของเซ่หลินโจวให้ละเอียด ภายในครึ่งชั่วโมงฉันต้องได้ข้อมูลทั้งหมดของเขา”
เมื่อคืนนี้เธอวิ่งเข้ามาอย่างสับสน ทั้งตัวร้อนเป็นไฟ
เห็นได้ชัดว่าเธอโดนวางยา
เขาที่อดทนมาเนิ่นนานก็ไม่อาจต้านทานการยั่วยวนอย่างซุ่มซ่ามของเธอได้
แต่ในตอนที่เขาครอบครองเธอนั้น เขากลับพบกับอุปสรรคที่ชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกของเธอ
แต่ว่าเธอแต่งงานกับเซ่หลินโจวมาสองปีแล้ว
ครั้งแรกอย่างนั้นหรือ?
ลี่ซือเหนียนนึกถึงรสชาติที่หอมหวานนั้น พลางยกยิ้มมุมปากอย่างลึกซึ้ง
เขาชอบความประหลาดใจนี้อย่างมาก
แต่ก็รู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่เธอเหมือนจะไม่จำเขาได้
……
เมื่อเวินซื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
เธอกัดฟันเล็กน้อย
ถึงสองสามรอบหลังจะเหนื่อยล้าจนเธอขยับตัวไม่ได้ แต่ชายคนนั้นก็ยังคงดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขนและเอาเธอไม่หยุดหย่อน
ใครกันแน่ที่เป็นลูกค้า?
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ หลินไห่ถัง เพื่อนสนิทของเธอก็โทรมาหา
“ซื่อซื่อ!” เสียงแหลมสูงของเธอดังลั่นเข้ามาในสาย “เธอตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เวินซื่อถอนรองเท้าออกอย่างเหนื่อยล้า “ดีขึ้นมากแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนแรงของเธอ หลินไห่ถังก็ออกปากด่าอย่างอดไม่ได้ “เซ่หลินโจวไอ้คนน่ารังเกียจ เขาทำตัวน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากอยู่ด้วยกันก็หย่าไปสิ ทำไมต้องใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้เล่นงานเธอ เขายังเป็นผู้ชายอยู่ไหม?”
หัวใจของเวินซื่อรู้สึกเจ็บแปลบ
เมื่อวานเป็นวันครบรอบสองปี เซ่หลินโจวส่งข้อความมาบอกว่าจะเลี้ยงฉลอง เธอก็แต่งตัวสวยไปพบเขา แต่กลับถูกทิ้งให้รอเก้อ น้ำเปล่าที่ถูกส่งมาให้ดื่มนั้นก็ทำให้เธอต้องพบกับค่ำคืนอันบ้าคลั่ง
เขาเป็นคนทำหรือเปล่านะ?
เวินซื่อกลั้นความขมขื่นและเสียดสีในใจไว้ แล้วเดินขึ้นบันไดไปช้า ๆ “ไม่เป็นไรหรอก ไห่ถัง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
หลินไห่ถังรู้ดีว่าเพื่อนของเธอเป็นคนยอมใจอ่อนง่าย “ถ้ามีอะไรเธอบอกฉันได้เลยนะ ฉันจะใส่ส้นสูงแหลม ๆ ไปเตะไข่เขาให้ระเบิดเอง!”
เวินซื่อยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ซื่อซื่อ” หลินไห่ถังถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่เธอไปหามาได้เมื่อคืนนี้คือใครเหรอ?”
เวินซื่อชะงัก ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น “ไม่ใช่ผู้ชายขายตัวที่เธอจ้างมาให้ฉันหรอกเหรอ?”
“ฉันจ้างแล้ว แต่เธอไม่ได้ไปหาเขา ผู้ชายคนนั้นโทรหาฉันแต่เช้า บอกว่ารอเธอทั้งคืนแต่ไม่เจอ ฉันเลยโทรมาถามเธอนี่แหละ”
เวินซื่อ “……”
ในขณะที่เธอกำลังสับสน จู่ ๆ ประตูห้องนอนตรงหน้าก็เปิดออกอย่างกะทันหัน
เธอเงยหน้าขึ้นมอง
เซ่หลินโจวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวหลุบตามองลงมาที่เธอจากมุมสูง
“ผู้ชายขายตัวอะไร?”
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด