ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที
“โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา
“นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง
“ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง
“นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง
“เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี”
“ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย
“ก็พ่อของลูกพี่ไง”
“ไม่ใช่ พ่อเราเป็นรัฐมนตรี นายอย่ามามั่วพูดไปเรื่อย มาลดตำแหน่งพ่อของเรา”
“ลูกพี่นี่เป็นอะไรเนี่ย ตื่นมาก็สติสตังไม่เต็มซะนี่”
“นายนั่นแหละไม่เต็ม”
“อย่าพูดมากเลยลูกพี่ รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกไปกินข้าวได้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเรา ถ้าเราหิวเดี๋ยวจะไปกินเอง แต่ที่นี่มันที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“โอ๊ย ผมไม่คุยกับลูกพี่แล้ว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำดีกว่า”ไก่ลุกขึ้นยืนและกำลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน นายเป็นใคร”
“ก็ลูกพี่ผมไง จำไม่ได้อีกเหรอ”
“ชื่อไร”
“ชื่อไก่”
“เหรอ เราไม่เคยมีลูกน้อง ที่มีที่บ้านก็แก่ๆทั้งนั้น”
“อ้าว อยากได้แก่ๆเหรอ เดี๋ยวผมจะให้พ่อมาเป็นลูกน้องเอาไหม”
“ไม่เอา นายนั่นแหละอยู่ก่อน”
“อะไรอีกล่ะลูกพี่ มีอะไรก็พูดมา”
“ที่นี่บ้านกำนันบุญมี แล้วเรามาอยู่นี่ได้อย่างไรกัน”
“อ้าว ก็ลูกพี่เป็นลูกชายกำนันบุญมี จะไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
“จริงเหรอ”มิคกี้รู้สึกมึนงง และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เห็นในช่วงเวลานี้ที่แปลกออกไป
“ป่ะโธ่ ลูกพี่เป็นอะไรไปเนี่ย บอกแล้วว่าอย่าหนีกำนันไปเที่ยวงานวัด โดนตัวอะไรเข้าสิงล่ะเนี่ย”
“งานวัดอะไรไม่เคยไป เราไปเล่นฟุตบอลมา”
“ฟุตบงฟุตบอลอะไรไม่เคยเห็นเล่น มีแต่เมื่อคืนช่วงหัวค่ำ ขึ้นไปต่อยมวยแล้วโดนน็อค สลบล้มฟุบคาเวที”ไก่แอบหัวเราะนิดๆ
“นายนั่นแหละบ้า เราไม่เคยชกมวยเลย”
“ไม่เคยก็ไม่เคย ผมไปก่อนนะเดี๋ยวมาหา ไปอาบซะหน่อย เมื่อคืนกว่าจะพาลูกพี่มาได้เล่นเอาผมเหนื่อยเลยนะ”ไก่รีบเดินออกจากห้องนอนในทันที
“เดี๋ยวก่อน”มิคกี้เรียกไก่ไม่ทัน เพราะไก่รีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มิคกี้นั่งลงบนเตียงแล้วครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างหน้าประหลาดใจยิ่งนัก มิคกี้จำได้ลางๆว่ากำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ และในช่วงเวลานั้นที่เขาไล่เลี้ยงฟุตบอลมาถึงหน้าประตู พอได้จังหวะเหมาะเขาเตะลูกฟุตบอลเพื่อหวังทำประตู แต่ดันพลาดโดนคานประตู ลูกฟุตบอลกระเด็นมาโดนที่ศีรษะของเขา จนล้มลงฟุบกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ ณ ที่แห่งนี้
มิคกี้ก้มหน้าก้มตาด้วยความสับสน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน มิคกี้นั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง เขาก็คิดถึงคำพูดของไก่ที่บอกให้อาบน้ำและไปกินข้าว มิคกี้จึงทำตามสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน สิ่งแรกที่เขาต้องหาคือผ้าเช็ดตัวเพื่อมาผลัดเสื้อผ้า แต่ก็หาไม่เจอเขาวนหาจนรอบห้อง เจอแต่ผ้าขาวม้าลายแดงขาว มิคกี้หยิบขึ้นมาดูซึ่งมันบางมาก แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงนุ่งผ้าขาวม้าเพื่อถอดกางเกงออก หลังจากนั้นเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้อง
พอมิคกี้เข้ามาภายในห้องน้ำเขามองหาฝักบัว แต่ก็ไม่พบได้แต่เห็นโอ่งน้ำลายมังกรที่มีขันสีเขียววางอยู่บนฝาอลูมินเนียม มิคกี้จึงเปิดหยิบขันออกเปิดฝาโอ่งวางไว้ หลังจากนั้นมองซ้ายมองขวามองบน เพราะเขากลัวคนมาแอบดูเมื่อคิดว่าปลอดภัย มิคกี้จึงถอดผ้าขาวม้าพาดไว้ หลังจากนั้นตักน้ำในโอ่งราดตัวร่วมสิบขัน
เมื่อตัวเปียกซุ่มมิคกี้หาครีบอาบน้ำแต่ไม่เจอ เห็นมีสบู่ตรานกแก้วมิคกี้จึงจำเป็นต้องหยิบมาใช้ถูตัว มิคกี้อดคิดไม่ได้ว่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน ข้าวของเครื่องใช้ทำไมไม่คุ้นเคย เหมือนอย่างที่เขาเคยดูในหนังละครไม่ผิดเพี้ยน มิคกี้ทนอาบน้ำที่แสนจะเย็นจนขนลุก เขาจึงรีบอาบรีบออกมาจากห้องน้ำ และเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีแต่ชุดที่ไม่ใช่แนวของเขาเลย มิคกี้ถึงกับกุมขมับด้วยความมึนงง เพราะในชีวิตของมิคกี้มีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม
มิคกี้ไม่รู้จะใส่ชุดอะไรเขาจึงเลือกกางยีนส์ตัดขาสั้น และมีรอยขาดตรงต้นขากับเสื้อยืดสีดำสกรีนลายรูปปิศาจ เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จก็ยืนนิ่งอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี เขาสับสนอลหม่านจิตใจเพราะคิดอะไรไม่ออก ถ้าจะถูกจับตัวมาทำไมถึงอยู่ในห้องแบบสบายๆ มิคกี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเปิดประตูออกไป
สิ่งที่มิคกี้เห็นไปลานกว้างๆที่พื้นเป็นไม้ขนาดใหญ่ เขามองไปรอบๆซึ่งกว้างมาก และผนังบ้านก็เป็นไม้เช่นกัน มีรูปผู้หญิงผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆติดไว้ และอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของเขาเอง มิคกี้ยืนมองดูรูปตัวเองอยู่นาน จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“ไอ้ต่อมึงยืนทำซากอะไร มากินข้าวซิวะ”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
มิคกี้หันหน้าไปมองทันที ซึ่งชายที่เรียกก็เป็นคนเดียวกับคนในรูป มิคกี้หันมองรูปถ่ายอีกรอบ และเขาได้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าเหมือนคนในรูปถ่าย
“ต่อเอ่ย มากินข้าวเร็วลูก”หญิงสาววัยกลางคนเรียก
มิคกี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากทำตัวเนียนและหาจังหวะหลบหนีจากที่แห่งนี้ให้จงได้ เขาเดินไปเรื่อยๆและนั่งลงกับพื้นไม้ใกล้ๆชายหญิงคู่นั้นที่เรียกขานเขา
“ของโปรดของเองเลย น้ำพริกแมงดา”จันทราหญิงสาวพูดขึ้น
“ครับ”มิคกี้สะอึกกับคำว่าแมงดา แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก
“ตักข้าวซิไอ้ต่อมึงจะให้แม่มึงตักให้เหรอ”กำนันบุญมีอดรำคาญลูกชายที่นั่งนิ่งๆไม่ได้
“ที่นี่ที่ไหนครับ”มิคกี้กลั้นใจพูด
“ก็บ้านกูซิวะ”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ลุงเป็นใครเอาผมมาอยู่ด้วยทำไม”
“มึงก็ลูกกูซิไอ้ต่อ มึงเป็นบ้าอะไรของมึง”
“ผมไม่ใช่ลูกลุง พ่อผมเป็นรัฐมนตรี”
“ต่อ ทำไมพูดกับพ่ออย่างนั้น แม่ไม่ชอบเลยที่ลูกพูดจาฟังไม่ได้”จันทราพูดแทรกทันที
“คุณไม่ใช่แม่ผม แม่ผมเป็นคุณหญิง”
“ต่อเป็นอะไรมากไหมนี่ลูก เมื่อคืนลูกไปไหนมาโดนอะไรมาหรือเปล่า”จันทรารู้สึกสงสัย เพราะเธอพึ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าว่าลูกชายไปเที่ยวงานวัด และได้ขึ้นชกมวยแต่แพ้น็อคสลบกลางเวทีมวย
“มันคงยังมึนๆอยู่ เมื่อคืนพี่งแพ้น็อคคาเวที เสียชื่อลูกกำนันหมด ทีหลังถ้าอ่อนซ้อมก็ไม่ต้องไปชกมวยอายเขา”
“ผมไม่ได้ไปชกมวย ผมเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วลูกฟุตบอลมันกระเด็นมาโดนศีรษะผมเลยสลบ ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่”
“มึงประสาทกลับแล้วมั้งไอ้ต่อ พูดจาเลอะเลือนฟังไม่ได้เลยนะ”
“ผมไม่ได้ประสาทกลับ ผมไม่ได้ชื่อต่อ ผมชื่อมิคกี้อยู่กรุงเทพ ไม่ใช่ที่ต่างจังหวัดอย่างนี้”
“พ่อลูกเราอาการหนักน่าจะพาไปหาหมอไหม”จันทราหันมามองกำนันบุญมี
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมว่าพวกคุณมากว่าที่ต้องไปหาหมอ จูจู่ก็พาผมมาที่นี่แล้วหาว่าเป็นลูก”
“แม่ ดูมันพูด นั่นปากมันเหรอนะ แบบนี้มันต้องโดนหวาย”กำนันบุญมีรีบเรียกลูกน้องทันที
“ไอ้ไก่ เอาหวายมาที”
“ครับ” ไก่วิ่งมาพร้อมถือหวายมาด้วย
“กำนันจะเอามาทำอะไรเหรอครับ”ไก่ถาม
“เอามาตีไอ้ลูกทรพีนะซิ กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มันยังหาว่ากูไม่ใช่พ่อมันอีก ให้เรียนหนังสือก็ไม่เรียน จบมอหกแล้วให้สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ไป เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วก็จะหมดเขต”
มิคกี้ฉุกคิดได้ทันทีเมื่อได้ยินว่าต้องไปสอบเอ็นทรานซ์ เขาจึงหยุดพูดตอบโต้กำนันบุญมี เพราะมิคกี้คิดว่าขืนเขายังไม่หยุดอาจโดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่
“ถ้าคุณตีผม ผมก็จะไม่ไปสอบเอ็นทรานซ์”
“มึงพูดอะไรนะ พูดอีกที”กำนันบุญพูดขึ้น
“ผมจะเรียนต่อ แล้วก็จะไปสอบเอ็นทรานซ์”
“ไอ้ไก่ เอาหวายทิ้งไปไกลๆเลย เผาไฟยิ่งดี”
“อะไรของกำนันเนี่ย”ไก่พูดขึ้น
“ไอ้ไก่มึงอย่าพูดมาก กูบอกให้เอาไปทิ้ง กูจะไม่ใช้มันแล้ว”
“ครับพ่อกำนัน”
“ต่อ พูดจริงใช่ไหม”จันทราหันหน้ามามองมิคกี้
“จริงครับ แม่”มิคกี้พยายามทำตัวเนียน เพราะเขาดูแล้วว่าชายหญิงคู่นี้ไม่ได้หวังร้ายกับเขา
“แหม ลูกพี่พอเจอหวายนี่สมองกลับทันทีเลยนะ”
“ไอ้ไก่ถ้าไม่หุบปากเดี๋ยวกูจะตีมึงแทน”
“ไม่พูดแล้วกำนัน”
“แล้วมึงจะเรียนคณะอะไร”กำนันบุญมีถามด้วยความอยากรู้
“บริหารธุรกิจครับ”มิคกี้พูดอย่างหนักแน่น
“เรียนรัฐศาสตร์ดีกว่าไหมลูก”กำนันบุญมีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ได้ครับ”มิคกี้รับคำไปอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าพอไปสอบแล้วก็จะหาทางกลับบ้านไปด้วย
“มึงนี่เวลาไม่ดื้อก็น่ารักดีไอ้ลูกพ่อ”กำนันบุญมียิ้มไม่หุบ
“ดีแล้วลูก”จันทราปลื้มใจอย่างที่สุด ที่ลูกชายเปลื่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ไอ้เรื่องสอบอย่าไปเครียดเลย ถ้าสอบไม่ได้เอกชนก็มีพ่อมีปัญญาส่งมึงเรียน ขอแค่ให้มึงเรียนแค่นั้นแหละ”
“ครับพ่อ”มิคกี้เผลอพูดคำว่าพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วมึงจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”
“มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”
“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ ที่นี่เขาว่าเข้าอยากมากนะ”
“ผมเคยเรียนที่นี่แล้ว ไม่น่าอยากสำหรับผม”
“มึงเข้าไปเรียนตอนไหนวะ”กำนันบุญมีเกาหัวด้วยความมึนงง
“เอ่อ ในฝัน ผมฝันว่าอยากเข้าเรียนที่นี่ครับ”
“เอ่อดี ที่ไหนก็ได้พ่อสนับสนุน”
“ครับพ่อ”
“แม่ตักข้าวให้ไอ้ต่อมันซิ ปานนี้หิวแย่แล้ว มัวแต่คุยกันตั้งนาน”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ไหนพ่อไม่ให้ตักไง ให้ลูกตักข้าวกินเอง”
“แม่จันทราก็ อันนั้นมันเมื่อกี้แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“จ๊ะ”จันทราอดยิ้มไม่ได้
เมื่อจันทราตักข้าวมาให้มิคกี้ เขาก็นั่งมองข้าวที่เต็มจาน พร้อมอาหารตรงหน้าที่มีน้ำพริกแมงดา ผักบุ้งต้ม ข้างๆก็เป็นแกงส้มมะละกอ มิคกี้มองไปมองมา แล้ววางช้อนไว้ในจานข้าวอย่างเดิม
“ทำไมไม่กินล่ะลูก”จันทราพูดขึ้น
“ผมกินเผ็ดไม่ได้ครับ”
“ใช่ๆ มันพึ่งโดนต่อยปากนะ ดูซิเจ่อเลย”กำนันบุญมองไปที่ริมฝีปากของลูกชาย
“เดี๋ยวแม่ไปทอดไข่เจียวให้กินนะ”
“ครับแม่”
มิคกี้นั่งมองจันทราที่รีบลุกขึ้นไปทอดไข่เจียวในห้องครัว ส่วนเขาก็นั่งนิ่งๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนกำนันบุญมีก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้แปลกไปมาก แต่เขาก็ไม่สนถ้าแปลกในแง่ที่ดีขึ้น
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
ภารกิจสำคัญของนักเขียนที่ข้ามเวลามาเกิดใหม่ในยุคโบราณคือการเป็นผู้ช่วยมารดาหลบหนีจากบิดาไร้หัวใจ และพามารดาไปพบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันงดงาม เมิ่งสืออีถูก ย่าและอนุของหานชางเหยียนผู้เป็นสามีรังแกจนเกือบจะต้องตายไปพร้อมกับลูก ในเวลานี้สามีที่จากไปรบที่ชายแดนกลับมาแล้ว หวังในใจว่าสามีที่กลับมาจะคอยปกป้องดูแล ทว่านางกลับได้รับความเจ็บช้ำที่มากยิ่งกว่าจนแทบทนไม่ไหวและคิดหนี กรุณาอ่านตัวอย่างก่อนกดซื้อ ซื้อหน้าเว็บถูกกว่าแอปเปิ้ลค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะที่อุดหนุน
เจน ไอไออายุยี่สิบปี ถึงเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือคุณหนูตระกูลมหาเศรษฐี แต่ยังไม่ทันดีใจได้นาน ก็ได้รู้ว่าพ่อแม่แท้ ๆ จะให้เธอไปแต่งงานแทนคุณหนูตัวปลอมคนนั้น กับผู้ชายพิการ อารมณ์ร้าย แถมครอบครัวก็ใกล้จะล้มละลายอีกต่างหาก? ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการช่วยยายที่ป่วยอยู่ เธอคงไม่ยอมทนแบบนี้หรอก แต่หลังจากแต่งงานไป เจน ไอไอถึงค่อย ๆ รู้ว่าผู้ชายที่ว่าพิการ อารมณ์ร้าย และกำลังจะล้มละลายนั่น แท้จริงแล้วกลับเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่ทั้งหลงและเอาใจภรรยาสุด ๆ ! แย่แล้ว! พวกเขาทำข้อตกลงกันไว้ว่าสองปีหลังจากนี้จะต้องหย่ากัน! ซือเชียนฮานโอบเจน ไอไอไว้แน่น แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยนว่า “ที่รัก…เธอตัดใจหย่ากับฉันได้จริงเหรอ?” เจน ไอไอลูบเอวพลางพูดว่า “ไม่หย่า ไม่หย่าแล้วได้ไหม?”
ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY