ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
ความรัก ความทรงจำ จะอยู่ตลอดไป
บ้านทรงไทยยกสูงในพื้นที่บริ เวณหลายสิบไร่ ภายในบ้านมีร่วมสิบห้องและหนึ่งในห้องนั้น ได้มีชายหนุ่มนอนหลับอย่างสบายกายและใจ จนจวบได้เวลายามเช้าตรู่ที่เขาต้องตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นและเขาก็พบกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยพานพบได้เจอ เขารีบลุกขึ้นทันทีและมองไปรอบบริเวณห้อง ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรแต่ไม่ใช้ปูน ที่ชายหนุ่มเห็นนั้นเป็นไม้รอบห้องส่วนพื้นก็ไม่ต่างกัน ชาหนุ่มผู้นั้นรีบลุกยืนขึ้นและลงจากเตียง แต่เขากับต้องไปเหยียบเนื้อนุ่มๆ จนสร้างความตื่นตระหนกตกใจเขารีบกระโดดขึ้นตียงทันที
“โอ๊ย ลูกพี่ มาเหยียบกันทำไม”ไก่หนุ่มน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่ออเขารู้สึกเจ็บที่อก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้เหยียบที่หน้าอกของเขา
“นายเป็นใคร เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”มิคกี้มีสีหน้าตกใจ เพราะสิ่งที่เขาพบเจอและได้เห็นมันช่างแตกต่างจากห้องของเขาสิ้นเชิง
“ลูกพี่ กินยาผิดสำแดงอะไรอีกล่ะ”ไก่เกาศีรษะแก๊กๆด้วยความมึนงง
“นายจับเรามาเรียกค่าไถ่ใช่ไหม”มิคกี้มองหน้าไก่ที่กำลังมีสีหน้ามึนงง
“เรียกค่าไถ่อะไรล่ะลูกพี่ ที่นี่มันบ้านของลูกพี่ บ้านกำนันบุญมี”
“ใครกันกำนันบุญมี”มิคกี้มีสีหน้าที่สงสัย
“ก็พ่อของลูกพี่ไง”
“ไม่ใช่ พ่อเราเป็นรัฐมนตรี นายอย่ามามั่วพูดไปเรื่อย มาลดตำแหน่งพ่อของเรา”
“ลูกพี่นี่เป็นอะไรเนี่ย ตื่นมาก็สติสตังไม่เต็มซะนี่”
“นายนั่นแหละไม่เต็ม”
“อย่าพูดมากเลยลูกพี่ รีบอาบน้ำแต่งตัวและออกไปกินข้าวได้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเรา ถ้าเราหิวเดี๋ยวจะไปกินเอง แต่ที่นี่มันที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“โอ๊ย ผมไม่คุยกับลูกพี่แล้ว เดี๋ยวจะไปอาบน้ำดีกว่า”ไก่ลุกขึ้นยืนและกำลังเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน นายเป็นใคร”
“ก็ลูกพี่ผมไง จำไม่ได้อีกเหรอ”
“ชื่อไร”
“ชื่อไก่”
“เหรอ เราไม่เคยมีลูกน้อง ที่มีที่บ้านก็แก่ๆทั้งนั้น”
“อ้าว อยากได้แก่ๆเหรอ เดี๋ยวผมจะให้พ่อมาเป็นลูกน้องเอาไหม”
“ไม่เอา นายนั่นแหละอยู่ก่อน”
“อะไรอีกล่ะลูกพี่ มีอะไรก็พูดมา”
“ที่นี่บ้านกำนันบุญมี แล้วเรามาอยู่นี่ได้อย่างไรกัน”
“อ้าว ก็ลูกพี่เป็นลูกชายกำนันบุญมี จะไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
“จริงเหรอ”มิคกี้รู้สึกมึนงง และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและได้เห็นในช่วงเวลานี้ที่แปลกออกไป
“ป่ะโธ่ ลูกพี่เป็นอะไรไปเนี่ย บอกแล้วว่าอย่าหนีกำนันไปเที่ยวงานวัด โดนตัวอะไรเข้าสิงล่ะเนี่ย”
“งานวัดอะไรไม่เคยไป เราไปเล่นฟุตบอลมา”
“ฟุตบงฟุตบอลอะไรไม่เคยเห็นเล่น มีแต่เมื่อคืนช่วงหัวค่ำ ขึ้นไปต่อยมวยแล้วโดนน็อค สลบล้มฟุบคาเวที”ไก่แอบหัวเราะนิดๆ
“นายนั่นแหละบ้า เราไม่เคยชกมวยเลย”
“ไม่เคยก็ไม่เคย ผมไปก่อนนะเดี๋ยวมาหา ไปอาบซะหน่อย เมื่อคืนกว่าจะพาลูกพี่มาได้เล่นเอาผมเหนื่อยเลยนะ”ไก่รีบเดินออกจากห้องนอนในทันที
“เดี๋ยวก่อน”มิคกี้เรียกไก่ไม่ทัน เพราะไก่รีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มิคกี้นั่งลงบนเตียงแล้วครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างหน้าประหลาดใจยิ่งนัก มิคกี้จำได้ลางๆว่ากำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ และในช่วงเวลานั้นที่เขาไล่เลี้ยงฟุตบอลมาถึงหน้าประตู พอได้จังหวะเหมาะเขาเตะลูกฟุตบอลเพื่อหวังทำประตู แต่ดันพลาดโดนคานประตู ลูกฟุตบอลกระเด็นมาโดนที่ศีรษะของเขา จนล้มลงฟุบกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้ ตื่นมาอีกทีก็อยู่ ณ ที่แห่งนี้
มิคกี้ก้มหน้าก้มตาด้วยความสับสน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน มิคกี้นั่งนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง เขาก็คิดถึงคำพูดของไก่ที่บอกให้อาบน้ำและไปกินข้าว มิคกี้จึงทำตามสถานการณ์ตรงหน้าไปก่อน สิ่งแรกที่เขาต้องหาคือผ้าเช็ดตัวเพื่อมาผลัดเสื้อผ้า แต่ก็หาไม่เจอเขาวนหาจนรอบห้อง เจอแต่ผ้าขาวม้าลายแดงขาว มิคกี้หยิบขึ้นมาดูซึ่งมันบางมาก แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงนุ่งผ้าขาวม้าเพื่อถอดกางเกงออก หลังจากนั้นเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้อง
พอมิคกี้เข้ามาภายในห้องน้ำเขามองหาฝักบัว แต่ก็ไม่พบได้แต่เห็นโอ่งน้ำลายมังกรที่มีขันสีเขียววางอยู่บนฝาอลูมินเนียม มิคกี้จึงเปิดหยิบขันออกเปิดฝาโอ่งวางไว้ หลังจากนั้นมองซ้ายมองขวามองบน เพราะเขากลัวคนมาแอบดูเมื่อคิดว่าปลอดภัย มิคกี้จึงถอดผ้าขาวม้าพาดไว้ หลังจากนั้นตักน้ำในโอ่งราดตัวร่วมสิบขัน
เมื่อตัวเปียกซุ่มมิคกี้หาครีบอาบน้ำแต่ไม่เจอ เห็นมีสบู่ตรานกแก้วมิคกี้จึงจำเป็นต้องหยิบมาใช้ถูตัว มิคกี้อดคิดไม่ได้ว่ามาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน ข้าวของเครื่องใช้ทำไมไม่คุ้นเคย เหมือนอย่างที่เขาเคยดูในหนังละครไม่ผิดเพี้ยน มิคกี้ทนอาบน้ำที่แสนจะเย็นจนขนลุก เขาจึงรีบอาบรีบออกมาจากห้องน้ำ และเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีแต่ชุดที่ไม่ใช่แนวของเขาเลย มิคกี้ถึงกับกุมขมับด้วยความมึนงง เพราะในชีวิตของมิคกี้มีแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม
มิคกี้ไม่รู้จะใส่ชุดอะไรเขาจึงเลือกกางยีนส์ตัดขาสั้น และมีรอยขาดตรงต้นขากับเสื้อยืดสีดำสกรีนลายรูปปิศาจ เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จก็ยืนนิ่งอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรดี เขาสับสนอลหม่านจิตใจเพราะคิดอะไรไม่ออก ถ้าจะถูกจับตัวมาทำไมถึงอยู่ในห้องแบบสบายๆ มิคกี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเปิดประตูออกไป
สิ่งที่มิคกี้เห็นไปลานกว้างๆที่พื้นเป็นไม้ขนาดใหญ่ เขามองไปรอบๆซึ่งกว้างมาก และผนังบ้านก็เป็นไม้เช่นกัน มีรูปผู้หญิงผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆติดไว้ และอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของเขาเอง มิคกี้ยืนมองดูรูปตัวเองอยู่นาน จนสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังมาจากข้างหลัง
“ไอ้ต่อมึงยืนทำซากอะไร มากินข้าวซิวะ”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
มิคกี้หันหน้าไปมองทันที ซึ่งชายที่เรียกก็เป็นคนเดียวกับคนในรูป มิคกี้หันมองรูปถ่ายอีกรอบ และเขาได้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าเหมือนคนในรูปถ่าย
“ต่อเอ่ย มากินข้าวเร็วลูก”หญิงสาววัยกลางคนเรียก
มิคกี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากทำตัวเนียนและหาจังหวะหลบหนีจากที่แห่งนี้ให้จงได้ เขาเดินไปเรื่อยๆและนั่งลงกับพื้นไม้ใกล้ๆชายหญิงคู่นั้นที่เรียกขานเขา
“ของโปรดของเองเลย น้ำพริกแมงดา”จันทราหญิงสาวพูดขึ้น
“ครับ”มิคกี้สะอึกกับคำว่าแมงดา แต่เขาไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมากนัก
“ตักข้าวซิไอ้ต่อมึงจะให้แม่มึงตักให้เหรอ”กำนันบุญมีอดรำคาญลูกชายที่นั่งนิ่งๆไม่ได้
“ที่นี่ที่ไหนครับ”มิคกี้กลั้นใจพูด
“ก็บ้านกูซิวะ”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ลุงเป็นใครเอาผมมาอยู่ด้วยทำไม”
“มึงก็ลูกกูซิไอ้ต่อ มึงเป็นบ้าอะไรของมึง”
“ผมไม่ใช่ลูกลุง พ่อผมเป็นรัฐมนตรี”
“ต่อ ทำไมพูดกับพ่ออย่างนั้น แม่ไม่ชอบเลยที่ลูกพูดจาฟังไม่ได้”จันทราพูดแทรกทันที
“คุณไม่ใช่แม่ผม แม่ผมเป็นคุณหญิง”
“ต่อเป็นอะไรมากไหมนี่ลูก เมื่อคืนลูกไปไหนมาโดนอะไรมาหรือเปล่า”จันทรารู้สึกสงสัย เพราะเธอพึ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าว่าลูกชายไปเที่ยวงานวัด และได้ขึ้นชกมวยแต่แพ้น็อคสลบกลางเวทีมวย
“มันคงยังมึนๆอยู่ เมื่อคืนพี่งแพ้น็อคคาเวที เสียชื่อลูกกำนันหมด ทีหลังถ้าอ่อนซ้อมก็ไม่ต้องไปชกมวยอายเขา”
“ผมไม่ได้ไปชกมวย ผมเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วลูกฟุตบอลมันกระเด็นมาโดนศีรษะผมเลยสลบ ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่”
“มึงประสาทกลับแล้วมั้งไอ้ต่อ พูดจาเลอะเลือนฟังไม่ได้เลยนะ”
“ผมไม่ได้ประสาทกลับ ผมไม่ได้ชื่อต่อ ผมชื่อมิคกี้อยู่กรุงเทพ ไม่ใช่ที่ต่างจังหวัดอย่างนี้”
“พ่อลูกเราอาการหนักน่าจะพาไปหาหมอไหม”จันทราหันมามองกำนันบุญมี
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมว่าพวกคุณมากว่าที่ต้องไปหาหมอ จูจู่ก็พาผมมาที่นี่แล้วหาว่าเป็นลูก”
“แม่ ดูมันพูด นั่นปากมันเหรอนะ แบบนี้มันต้องโดนหวาย”กำนันบุญมีรีบเรียกลูกน้องทันที
“ไอ้ไก่ เอาหวายมาที”
“ครับ” ไก่วิ่งมาพร้อมถือหวายมาด้วย
“กำนันจะเอามาทำอะไรเหรอครับ”ไก่ถาม
“เอามาตีไอ้ลูกทรพีนะซิ กูเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มันยังหาว่ากูไม่ใช่พ่อมันอีก ให้เรียนหนังสือก็ไม่เรียน จบมอหกแล้วให้สอบเอ็นทรานซ์ก็ไม่ไป เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วก็จะหมดเขต”
มิคกี้ฉุกคิดได้ทันทีเมื่อได้ยินว่าต้องไปสอบเอ็นทรานซ์ เขาจึงหยุดพูดตอบโต้กำนันบุญมี เพราะมิคกี้คิดว่าขืนเขายังไม่หยุดอาจโดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่
“ถ้าคุณตีผม ผมก็จะไม่ไปสอบเอ็นทรานซ์”
“มึงพูดอะไรนะ พูดอีกที”กำนันบุญพูดขึ้น
“ผมจะเรียนต่อ แล้วก็จะไปสอบเอ็นทรานซ์”
“ไอ้ไก่ เอาหวายทิ้งไปไกลๆเลย เผาไฟยิ่งดี”
“อะไรของกำนันเนี่ย”ไก่พูดขึ้น
“ไอ้ไก่มึงอย่าพูดมาก กูบอกให้เอาไปทิ้ง กูจะไม่ใช้มันแล้ว”
“ครับพ่อกำนัน”
“ต่อ พูดจริงใช่ไหม”จันทราหันหน้ามามองมิคกี้
“จริงครับ แม่”มิคกี้พยายามทำตัวเนียน เพราะเขาดูแล้วว่าชายหญิงคู่นี้ไม่ได้หวังร้ายกับเขา
“แหม ลูกพี่พอเจอหวายนี่สมองกลับทันทีเลยนะ”
“ไอ้ไก่ถ้าไม่หุบปากเดี๋ยวกูจะตีมึงแทน”
“ไม่พูดแล้วกำนัน”
“แล้วมึงจะเรียนคณะอะไร”กำนันบุญมีถามด้วยความอยากรู้
“บริหารธุรกิจครับ”มิคกี้พูดอย่างหนักแน่น
“เรียนรัฐศาสตร์ดีกว่าไหมลูก”กำนันบุญมีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ได้ครับ”มิคกี้รับคำไปอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าพอไปสอบแล้วก็จะหาทางกลับบ้านไปด้วย
“มึงนี่เวลาไม่ดื้อก็น่ารักดีไอ้ลูกพ่อ”กำนันบุญมียิ้มไม่หุบ
“ดีแล้วลูก”จันทราปลื้มใจอย่างที่สุด ที่ลูกชายเปลื่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
“ไอ้เรื่องสอบอย่าไปเครียดเลย ถ้าสอบไม่ได้เอกชนก็มีพ่อมีปัญญาส่งมึงเรียน ขอแค่ให้มึงเรียนแค่นั้นแหละ”
“ครับพ่อ”มิคกี้เผลอพูดคำว่าพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วมึงจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”
“มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธาครับ”
“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ ที่นี่เขาว่าเข้าอยากมากนะ”
“ผมเคยเรียนที่นี่แล้ว ไม่น่าอยากสำหรับผม”
“มึงเข้าไปเรียนตอนไหนวะ”กำนันบุญมีเกาหัวด้วยความมึนงง
“เอ่อ ในฝัน ผมฝันว่าอยากเข้าเรียนที่นี่ครับ”
“เอ่อดี ที่ไหนก็ได้พ่อสนับสนุน”
“ครับพ่อ”
“แม่ตักข้าวให้ไอ้ต่อมันซิ ปานนี้หิวแย่แล้ว มัวแต่คุยกันตั้งนาน”กำนันบุญมีพูดขึ้น
“ไหนพ่อไม่ให้ตักไง ให้ลูกตักข้าวกินเอง”
“แม่จันทราก็ อันนั้นมันเมื่อกี้แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“จ๊ะ”จันทราอดยิ้มไม่ได้
เมื่อจันทราตักข้าวมาให้มิคกี้ เขาก็นั่งมองข้าวที่เต็มจาน พร้อมอาหารตรงหน้าที่มีน้ำพริกแมงดา ผักบุ้งต้ม ข้างๆก็เป็นแกงส้มมะละกอ มิคกี้มองไปมองมา แล้ววางช้อนไว้ในจานข้าวอย่างเดิม
“ทำไมไม่กินล่ะลูก”จันทราพูดขึ้น
“ผมกินเผ็ดไม่ได้ครับ”
“ใช่ๆ มันพึ่งโดนต่อยปากนะ ดูซิเจ่อเลย”กำนันบุญมองไปที่ริมฝีปากของลูกชาย
“เดี๋ยวแม่ไปทอดไข่เจียวให้กินนะ”
“ครับแม่”
มิคกี้นั่งมองจันทราที่รีบลุกขึ้นไปทอดไข่เจียวในห้องครัว ส่วนเขาก็นั่งนิ่งๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนกำนันบุญมีก็รู้สึกว่าลูกชายคนนี้แปลกไปมาก แต่เขาก็ไม่สนถ้าแปลกในแง่ที่ดีขึ้น
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
โปรยปราย... เมื่ออยากให้มหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘ปวีร์’ ช่วยให้ ‘พิมพ์พิศา’ หลุดพ้นจากสภาพของสาวค้าบริการอย่างไม่สมยอม ไหนจะ ‘พ่อเลี้ยง’ บ้ากามที่จ้องคุกคามพรหมจรรย์ หญิงสาวบริสุทธิ์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ‘จับ’ เขาไว้ให้อยู่หมัด ด้วยรู้ว่าอิทธิพลของเขาจะช่วยคุ้มภัยให้เธอไปตลอดกาล แต่นักธุรกิจทุกกระเบียดอย่างเขา จะช่วยใครย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง... ข้อนั้นพิมพ์พิศารู้ดี แต่ไม่รู้เลยว่า... เพียงเพื่อแลกกับอิสรภาพ เธอจะต้องมีทายาทให้เขา +++++++++++++++
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
กาย กันต์ธีร์ พิสิฐกุลวัตรดิลก ฉายาราชาแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนุ่มหล่อแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ ปี 4 เขาหล่อ เขาเฟียร์ส เขาเฟี้ยว เขาซ่าส์ แต่โคตรทะลึ่ง และสุดแสนจะทะเล้น จีบหญิงไม่เก่ง แต่ผมเยเก่งนะครับที่สำคัญผมโสดสนิท!!แต่อยู่ดีๆดันมาเสียหัวใจให้กับยัยตัวร้ายแบบเธอ!!!อลิส อังสุมาลิน "รักนะไอ้ต้าวลิส" อลิส อังสุมาลิน ฐิศานันตกุล นิเทศศาสตร์ ปี 2 เธอสวย เธอเซ็กซี่ เจ้าแม่แห่ง Sex appeal ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอตบ!!หลงรักกายหนุ่มหล่อแสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ๆก็มาจูบปากเธอ แถมเล่นเกินเบอร์เรียกเธอว่าเมีย!! น่ารักเบอร์นี้อลิสยินดีตกหลุมรักจ้ะพี่จ๋า ชาตินี้ไม่ได้พี่กายเป็นผัว อลิสจะโสดคอยดู!!ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก🥰มารยาหญิงร้อยเก้าเล่มเกวียนงัดมาให้หมด ☺️☺️ "รักนะน้อนพี่กาย"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด