รักคือการแก้แค้น
รักคือการแก้แค้น
ค่ำคืนอันดึกดื่นกัสนักศึกษาหนุ่มผู้มีความฝัน อยากมีนิยายสักเรื่องหนึ่งที่เขาจินตนาการไว้ และอยากหาเงินจากการเขียนนิยายเพื่อยังชีพ เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลงมือเขียน แต่ยังไม่ทันได้เขียน เขื่อนเพื่อนร่วมห้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ และยังเห็นกัสนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเขาจึงอดถามไถ่ไม่ได้
“กัสมัวทำอะไรอยู่ถึงยังไม่นอนสักที”
“เรากำลังจะเขียนนิยายตอนแรก”
“เอาแน่ใช่ไหม เห็นว่าจะเขียนหลายรอบแล้ว”
“ครั้งนี้แน่นอน”
“เอาใจช่วยนะ แต่เราขอตัวนอนต่อ นายก็อย่าโหมเขียนยันแจ้งล่ะ ถ้าง่วงก็นอน แต่เราของตัวนอนก่อนก็แล้วกัน”เขื่อนล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันที
ส่วนกัสก็ไม่รอรีอีกต่อไป เขากดแป้นพิมพ์ ตามจินตนาการที่วางไว้ เพื่อหวังว่าสักวันเขาจะประสบความสำเร็จทางด้านนี้ กัสจึงเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรก นักรักบันลือโลก
ท่ามกลางแคว้นโสรยาที่กำลังเกิดศึกสงคราม โดยมีแม่ทัพวิศรุฒแห่งแคว้นศิลานคร ได้นำทัพมาตีเมืองโสรยาที่อ่อนแอ ไร้ผู้นำที่เข้มแข็งจึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้แม่ทัพวิศรุฒ ตีเมืองโสรยาจนพ่ายเมืองแตก บรรดาเจ้าเมืองและองค์ชายที่หลบหนีไม่ทัน แม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ฆ่าฟันไม่มีเหลือซาก เพื่อป้องกันมาแก้แค้นภายหลัง ส่วนบรรดาองค์หญิงได้หลบหนีเปลื่ยนเป็นสามัญชนได้แฝงตัวหายไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลือต่างตายเป็นเบือ พวกกลุ่มที่ศิโรราบยอมแพ้อยู่แบบไร้ศักศรีก็มี แต่ก็อยู่แบบทาสรับใช้และกำลังจะถูกเกณฑ์กลับเมื่อศิลานคร
แม่ทัพวิศรุฒเมื่อเสร็จศึกสงครามที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งเขาได้เหน็ดพอสมควรจากการกล่ำศึกสงคราม แม่ทัพวิศรุฒจึงเข้ามาพักผ่อนในห้องบรรทมของ เจ้าครองเมืองโสรยาที่ถูกเขาฆ่าตายไปเมื่อช่วงบ่าย พร้อมกับบรรดาโอรสและเชื้อพระวงค์ ในระหว่างที่เขากำลังจะหลับนั้นก็ได้มีทหารคนสนิทเข้ามาหา
“ท่านแม่ทัพมีองค์ชายเหลืออีกพระองค์หนึ่ง กระผมได้พามาอยู่ที่หน้าห้อง ท่านแม่ทัพจะจัดการอย่างไรดีขอรับ”ทันทหารคนสนิทได้เจอผู้ชายคนนี้นี้ที่ท้องพระโรง ทันจึงทึกทักว่าเป็นองค์ชาย ด้วยรูปร่างหน้าตาผิ วพรรณไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เขาจึงนำตัวมาให้แม่ทัพวิศรุฒจัดการ
“ถ้าเป็นองค์ชายก็ต้องฆ่าอย่าให้เหลือ”แม่ทัพวิศรุฒพูดอย่างเย็นชา
“แต่องค์ชายองค์นี้แต่งตัวแปลกประหลาดมากขอรับ”
“แปลกอย่างไงวะมึงว่ามา”แม่ทัพวิศรุฒมีท่าทีสงสัย
“ตัดผมสั้นแต่ก็ไม่สั้นมากแต่ก็ไม่ยาว เสื้อผ้าที่ใส่เป็นลายดอกไม้ เสื้อกับกางเกงแยกออกจากกัน รองเท้าก็ไม่ใส่ ผิวขาวมากยังกับผู้หญิง ตอนแรกกระผมก็คิดว่าเป็นผู้หญิง ดูไปดูมาน่าจะเป็นผู้ชายขอรับ”
“องค์ชายเมืองนี้คงจะปลอมตัวเป็นผู้หญิง เตรียมตัวจะหนี เห็นเองพูดแล้วอยากเห็นหน้าตาซักหน่อย ไปพามาให้ข้าดูตัวหน่อยสิ”
“ขอรับ”
ทันทหารคนสนิทแม่ทัพวิศรุฒ เดินไปเปิดประตู และพายิวที่เมื่อครู่กำลังอ่านนิยายนักรักบันลือโลกในแอปอ่านนิยาย ทางโทรศัพท์มือถือ เขาอ่านยังไม่ถึงตอนก็หลับ และมารู้ตัวอีกทีในห้องโถงท้องพระโรง ที่กำลเข่นฆ่าฟันกันอย่างโหดเหี้ยม ยิวจึงรีบไปหลบใต้ฐานที่นั่งของเจ้าเมือง
หลังจากเหตุการณ์สงบเหล่าบรรดาทหาร ได้ตรวจสอบความเรียบร้อยและหาผู้รอดชีวิต เพื่อจะจัดการไม่ให้เหลือซาก ซึ่งชั่วเวลาไม่นาน ยิวก็ถูกค้นพบและถูกพาตัวมาหาท่านแม่ทัพวิศรุฒ
เมื่อทหารสองนายหิ้วปีกยิว เดินมาตรงหน้าของแม่ทัพวิศรุฒและโยนลงตรงใกล้ๆปลายเท้าของท่านแม่ทัพวิศรุฒ เมื่อไร้พันธนาการยิวจึงลุกขึ้นยืน แม่ทัพวิศรุฒก้มมองหน้ายิวที่ขาวใสเนียนไร้ริ้วรอย ริมฝีปากสีชมพูดอวบอิ่ม รูปร่างบอบบางอย่างกับอิสตรี
“องค์ชายเมืองนี้ขี้ขลาดไม่สมชายชาตรีเลย ยอมกระทั้งแต่งตัวเป็นหญิง แต่ข้าก็ไม่เข้าใจทำไมถึงตัดผมทรงอะไรข้าไปไม่เคยเห็น”แม่ทัพวิศรุฒเดินวนรอบร่างของยิว
“นายก็เหมือนกันเสื้อก็ไม่ใส่ ผมก็ไม่ตัดแต่ดันมวยทำเป็นจุกอยู่บนหัว”ยิวมองหน้าแม่ทัพวิศรุฒชัดๆ
“ปากคอเลาะร้ายน่ะองค์ชาย”แม่ทัพวิศรุฒบีบที่คอของยิว
“ปล่อยนะ”ยิวใช้สองมือจับแขนและมือของแม่ทัพวิศรุฒเพื่อดึงออก เพราะตอนนี้เขาหายใจไม่ออกแท่บจะขาดใจ
แม่ทัพวิศรุฒเห็นสีหน้าของยิวกำลังเหมือนคนจะขาดใจ เขาจึงปล่อยมือและมองต้นคอของยิว ที่เป็นรอยแดงจากรอยมือของเขาที่บีบเมื่อครู่
“พ่อขององค์ชายเลี้ยงดูองค์ชายแบบไหนกัน ถึงช่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างกับอิสตรี รูปร่างขององค์ชายก็ช่างอรชรอ้อนแอ่นยิ่งกว่าเผู้หญิงเสียอีก”
“แม่ทัพเอาไปฆ่าเลยไหมจะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อนท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพวิศรุฒครุ่นคิดเขามองพินิจรูปร่างของยิวที่ดุจอิสตรี แต่ก็ยังหลงเหลือความเป็นชายอยู่อย่างมาก
“อย่าพึ่ง ข้ากำลังคิดว่าจะเลี้ยงองค์ชายไว้ดูเล่น เพราะดูจากรูปร่างหน้าตา ไม่น่าจะมีผิดสงอะไรหรอก”
“ตามแต่ท่านแม่ทัพเห็นสมควรขอรับ แต่เราต้องเดินทางกลับเมืองศิลานคร ซึ่งกินเวลาหลายเดือน กระผมว่าองค์ชายจะไหวหรือไม่ กลัวจะตายก่อนถึงเมืองศิลานครซิขอรับ”
“ตายก็ช่างมัน ก็แค่องค์ชายองค์เดียว”แม่ทัพวิศรุฒมองยิวอย่างเย้ยหยัน
“ก็ได้เราจะไปกับนาย”
“กล้าดีเหมือนกัน แต่ยังมีองค์ชายหลงเหลืออยู่อีกเหรอ”แม่ทัพวิศรุฒมีท่าทีสงสัย
“ใช่ กระผมก็ว่าฆ่าตายหมดแล้วนี่ แต่ที่กระผมพามาหาท่านแม่ทัพ เพราะหน้าตาผิวพรรณ และการแต่งกายน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา มีความเป็นไปได้น่าจะเป็นองค์ชายเมืองนี้”
“ว่ามาเจ้าเป็นใคร”
“ข้าชื่อองค์ชายโสพล”ยิวคิดไม่ออกเลยเอาชื่อเมืองนี้เป็นชื่อตัวเอง
“ข้าไม่ได้เคยได้ยินชื่อนี้ หรือว่าเจ้าเป็นเชื้อพระวงค์ชั้นปลายแถว”
“ไม่ใช่ เราเป็นลูกสนมมือใหม่ เป็นลูกสนมคนสุดท้าย เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจจากใคร วันๆหนึ่งอยู่แต่กับแม่ในห้องไม่ค่อยได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถ้าออกมาจะโดนกลั่นแกล้งจากพี่ๆ เพราะกลัวจมาแย่งตำแหน่งรัชทายาท”
“น่าจะจริงขอรับเพราะเจ้าเมืองโสรยามีสนมนับสิบคน”ทันทหารคนสนิทพูดขึ้น
“ตำแหน่งรัชทายาทคงน้อยไป เพราะตอนนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แล้ว องค์ชายก็น่าจะเป็นเจ้าเมืองได้ แต่ช้าก่อนอย่าพึ่งดีใจ เพราะเจ้าเมืองศิลานครเตรียมได้เตรียมให้โอรสองค์เล็กมาครองนครแห่งนี้”แม่ทัพวิศรุฒหัวเราะดังลั่น
“ท่านแม่ทัพจะเก็บองค์ชายโสพลไว้ทำอะไรขอรับ”ทันทหารคนสนิทพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“เอามาเป็นคนรับใช้ของข้า เอ็งจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น”
“ขอรับ กระผมดีใจอย่างยิ่ง”ทันทหารคนสนิทยิ้ม
“พวกเองออกไปได้แล้ว ยกเว้นองค์ชายโสพล”
“ขอรับ”
ทันและทหารอีกสองคนได้ออกไปจากห้อง ปล่อยให้แม่ทัพวิศรุฒกับยิวอยู่ด้วยกัน ภายในห้องอันเงียบสงัด
กัสเริ่มรู้สึกง่วงนอนเขาจึงหยุดเขียนเพียงแค่นี้ และขึ้นไปบนเตียงนอนข้างๆเขื่อน ที่เขาแอบยืมคาแรกเตอร์ไปใช้ในนิยาย เพียงแต่เปลื่ยนชื่อเท่านั้น นอกนั้นใส่ความเป็นเขื่อนทุกอย่าง]ลงไปในนิยายของตัวเอง
กัสและเขื่อนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม พอเรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนทีเดียวกัน แต่คนละคณะ กัสเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ส่วนเขื่อนเรียนคณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ทั้งคู่จึงมีความสนิทสนมกันมาก
เช้าอีกวันทั้งสองมาเรียนพร้อมกัน ช่วงเช้านั้นแยกกันไปเรียนพอช่วงบ่ายทั้งคู่ต้องมาอยู่ด้วยกัน เพราะวันนี้เป็นวันที่กัสและเขื่อน มาคัดเลือกตัวเพื่อเข้าชมรมละครเวที เมื่อมาถึงหน้าห้องชมรม กัสและเขื่อนก็นั่งรอเรียกชื่อ เพื่อเข้าไปทดสอบความสามารถทางด้านการแสดง
เขื่อนถูกเรียกตัวเป็นคนแรก เขาจึงเดินเข้าไปอย่างคนมีความมั่นใจ เมื่อไปถึงเขาก็เห็นรุ่นพี่สามคนนั่งเรียงกัน คนกลางเป็นนักศึกษาชายที่หน้าต่อหล่อสูงหุ่นดีผิวขาว สองข้างซ้ายและขวาเป็นนักศึกษาสาวที่สวยหวานอยู่ข้างซ้าย ส่วนข้างขวาสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจนเข็ดฟัน
“สวัสดีครับ ผมชื่อเขื่อน”เขื่อนยกมือไหว้รุ่นพี่ และคนที่เขื่อนมองเป็นพิเศษคือคนกลาง เพราะความหล่อนั้นได้โดนใจเขื่อนอย่างมาก
“สวัสดีเช่นกัน เห็นเก้าอี้ตรงหน้าไหม ทำท่านั่งที่เก้าอี้ให้ดูหน่อยซิ”พีค รุ่นพี่ในชมรมละครเวทีชี้มือไปทางเก้าอี้ที่ล้มอยู่
เขื่อนหันไปมองเก้าอี้ที่ล้มอยู่ แล้วเขาก็เดินไปจับเก้าอีกี้ที่ล้มตั้งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็นั่งบนเก้าอี้ พีคหันหน้าไปมองเพื่อนผู้หญิงทั้งสองคนและก็พยักหน้า
“ไปนั่งข้างๆได้เลยน้อง”พีคพูดจบก็ยิ้มให้เขื่อน
“ขอบคุณครับ”เขื่อนยกมือไหว้รุ่นพี่แล้วไปนั่งข้างๆห้อง
หลังจากนั้นก็เป็นคิวของกัสที่เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆและมองไปที่เขื่อน แล้วหันกลับไปมองหน้ารุ่นพี่ชมรมละครเวที พอกัสได้เห็นพีคแค่นั้นเขาถึงกับเขินอาย ยิ่งสายตาของพีคหวานฉ่ำจ้องมองกัสอย่างอ่อนโยน
“แนะนำตัวเลยน้อง”
“สวัสดีครับ ผมชื่อกัส”
“เห็นเก้าอี้ตัวนั้นไหมทำท่านั่งให้ดูหน่อย”พีคชี้ไปที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ล้มลง
กัสมองไปที่เก้าอี้และเดินไปยืนมองชั่วครู่ แล้วกัสก็นั่งลงกับพื้นและล้มตัวลงนอนโค้งเป็นท่านั่งเก้าอี้
พีคและเพื่อนผู้หญิงสองคนต่างมองหน้ากัน สักพักพีคก็รีบลุกจากเก้าอี้เดินไปหากัสที่นอนท่านั่งอยู่กับพื้น เมื่อพีคเดินมาถึงก็นั่งลง
“ลุกขี้นได้แล้ว”พีคยิ้มให้กัสอย่างอ่อนโยน
กัสลุกขึ้นนั่งและมองหน้าพีคแวบหนึ่งและหันไปทางอื่น ด้วยความเขินอาย ส่วนพีคก็ยิ้มให้กัสด้วยสายตาอันวาบวับ ก่อนที่จะพยุงร่างของกัสลุกขึ้นยืน
“ไปนั่งข้างๆห้องได้แล้ว”พีคชี้มือไปทางที่เขื่อนนั่งอยู่
กัสเดินไปหาเขื่อนที่ยังอึ้งกับกัส ที่ทำท่านั่งนอนกับพื้น กัสนั่งลงข้างๆเขื่อน ทั้งสองมองหน้ากัน ด้วยใจระทึกว่าจะผ่านการคัดเลือกเขาชมรมการแสดงหรือไม่
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือยมทูตรับส่งวิญญาณ เขารีบตามหาวิญญาณของเธอเพื่อพากลับเข้าร่างโดยเร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เพราะเขาเจอเธอเมื่อร่างของเธอถูกเผาไปแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดก็คือต้องส่งเธอกลับไปในร่างของคนอื่นที่เพิ่งหมดลมหายใจ และด้วยเหตุผลที่เธอเรียกร้องบางประการ จึงทำให้เธอได้กลับไปเกิดใหม่ในรัชสมัยของราชวงศ์หมิง ในร่างของหญิงสาววัย 19 ปีนามว่า "เฟิ่งต้าชวี่" แต่ "เฟิ่งต้าชวี่" ไม่ใช่ดรุณีแรกแย้มไร้เจ้าของ นางเป็นพระชายาที่แสนบริสุทธิ์ของแม่ทัพผู้เกรียงไกร "อ๋องใหญ่เกาหรงซาน" พระชายาที่เขาเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ในห้องหอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน แต่เพราะความรักและหน้าที่ของสตรีชาวฮั่น นางจึงทนอยู่อย่างปวดร้าวในตำหนักของเขาตลอด 2 ปีก่อนจะตรอมใจตาย
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด