รักคือการแก้แค้น
รักคือการแก้แค้น
ค่ำคืนอันดึกดื่นกัสนักศึกษาหนุ่มผู้มีความฝัน อยากมีนิยายสักเรื่องหนึ่งที่เขาจินตนาการไว้ และอยากหาเงินจากการเขียนนิยายเพื่อยังชีพ เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลงมือเขียน แต่ยังไม่ทันได้เขียน เขื่อนเพื่อนร่วมห้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ และยังเห็นกัสนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเขาจึงอดถามไถ่ไม่ได้
“กัสมัวทำอะไรอยู่ถึงยังไม่นอนสักที”
“เรากำลังจะเขียนนิยายตอนแรก”
“เอาแน่ใช่ไหม เห็นว่าจะเขียนหลายรอบแล้ว”
“ครั้งนี้แน่นอน”
“เอาใจช่วยนะ แต่เราขอตัวนอนต่อ นายก็อย่าโหมเขียนยันแจ้งล่ะ ถ้าง่วงก็นอน แต่เราของตัวนอนก่อนก็แล้วกัน”เขื่อนล้มตัวลงนอนและหลับไปในทันที
ส่วนกัสก็ไม่รอรีอีกต่อไป เขากดแป้นพิมพ์ ตามจินตนาการที่วางไว้ เพื่อหวังว่าสักวันเขาจะประสบความสำเร็จทางด้านนี้ กัสจึงเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรก นักรักบันลือโลก
ท่ามกลางแคว้นโสรยาที่กำลังเกิดศึกสงคราม โดยมีแม่ทัพวิศรุฒแห่งแคว้นศิลานคร ได้นำทัพมาตีเมืองโสรยาที่อ่อนแอ ไร้ผู้นำที่เข้มแข็งจึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้แม่ทัพวิศรุฒ ตีเมืองโสรยาจนพ่ายเมืองแตก บรรดาเจ้าเมืองและองค์ชายที่หลบหนีไม่ทัน แม่ทัพวิศรุฒผู้เหี้ยมโหด ฆ่าฟันไม่มีเหลือซาก เพื่อป้องกันมาแก้แค้นภายหลัง ส่วนบรรดาองค์หญิงได้หลบหนีเปลื่ยนเป็นสามัญชนได้แฝงตัวหายไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่เหลือต่างตายเป็นเบือ พวกกลุ่มที่ศิโรราบยอมแพ้อยู่แบบไร้ศักศรีก็มี แต่ก็อยู่แบบทาสรับใช้และกำลังจะถูกเกณฑ์กลับเมื่อศิลานคร
แม่ทัพวิศรุฒเมื่อเสร็จศึกสงครามที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งเขาได้เหน็ดพอสมควรจากการกล่ำศึกสงคราม แม่ทัพวิศรุฒจึงเข้ามาพักผ่อนในห้องบรรทมของ เจ้าครองเมืองโสรยาที่ถูกเขาฆ่าตายไปเมื่อช่วงบ่าย พร้อมกับบรรดาโอรสและเชื้อพระวงค์ ในระหว่างที่เขากำลังจะหลับนั้นก็ได้มีทหารคนสนิทเข้ามาหา
“ท่านแม่ทัพมีองค์ชายเหลืออีกพระองค์หนึ่ง กระผมได้พามาอยู่ที่หน้าห้อง ท่านแม่ทัพจะจัดการอย่างไรดีขอรับ”ทันทหารคนสนิทได้เจอผู้ชายคนนี้นี้ที่ท้องพระโรง ทันจึงทึกทักว่าเป็นองค์ชาย ด้วยรูปร่างหน้าตาผิ วพรรณไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เขาจึงนำตัวมาให้แม่ทัพวิศรุฒจัดการ
“ถ้าเป็นองค์ชายก็ต้องฆ่าอย่าให้เหลือ”แม่ทัพวิศรุฒพูดอย่างเย็นชา
“แต่องค์ชายองค์นี้แต่งตัวแปลกประหลาดมากขอรับ”
“แปลกอย่างไงวะมึงว่ามา”แม่ทัพวิศรุฒมีท่าทีสงสัย
“ตัดผมสั้นแต่ก็ไม่สั้นมากแต่ก็ไม่ยาว เสื้อผ้าที่ใส่เป็นลายดอกไม้ เสื้อกับกางเกงแยกออกจากกัน รองเท้าก็ไม่ใส่ ผิวขาวมากยังกับผู้หญิง ตอนแรกกระผมก็คิดว่าเป็นผู้หญิง ดูไปดูมาน่าจะเป็นผู้ชายขอรับ”
“องค์ชายเมืองนี้คงจะปลอมตัวเป็นผู้หญิง เตรียมตัวจะหนี เห็นเองพูดแล้วอยากเห็นหน้าตาซักหน่อย ไปพามาให้ข้าดูตัวหน่อยสิ”
“ขอรับ”
ทันทหารคนสนิทแม่ทัพวิศรุฒ เดินไปเปิดประตู และพายิวที่เมื่อครู่กำลังอ่านนิยายนักรักบันลือโลกในแอปอ่านนิยาย ทางโทรศัพท์มือถือ เขาอ่านยังไม่ถึงตอนก็หลับ และมารู้ตัวอีกทีในห้องโถงท้องพระโรง ที่กำลเข่นฆ่าฟันกันอย่างโหดเหี้ยม ยิวจึงรีบไปหลบใต้ฐานที่นั่งของเจ้าเมือง
หลังจากเหตุการณ์สงบเหล่าบรรดาทหาร ได้ตรวจสอบความเรียบร้อยและหาผู้รอดชีวิต เพื่อจะจัดการไม่ให้เหลือซาก ซึ่งชั่วเวลาไม่นาน ยิวก็ถูกค้นพบและถูกพาตัวมาหาท่านแม่ทัพวิศรุฒ
เมื่อทหารสองนายหิ้วปีกยิว เดินมาตรงหน้าของแม่ทัพวิศรุฒและโยนลงตรงใกล้ๆปลายเท้าของท่านแม่ทัพวิศรุฒ เมื่อไร้พันธนาการยิวจึงลุกขึ้นยืน แม่ทัพวิศรุฒก้มมองหน้ายิวที่ขาวใสเนียนไร้ริ้วรอย ริมฝีปากสีชมพูดอวบอิ่ม รูปร่างบอบบางอย่างกับอิสตรี
“องค์ชายเมืองนี้ขี้ขลาดไม่สมชายชาตรีเลย ยอมกระทั้งแต่งตัวเป็นหญิง แต่ข้าก็ไม่เข้าใจทำไมถึงตัดผมทรงอะไรข้าไปไม่เคยเห็น”แม่ทัพวิศรุฒเดินวนรอบร่างของยิว
“นายก็เหมือนกันเสื้อก็ไม่ใส่ ผมก็ไม่ตัดแต่ดันมวยทำเป็นจุกอยู่บนหัว”ยิวมองหน้าแม่ทัพวิศรุฒชัดๆ
“ปากคอเลาะร้ายน่ะองค์ชาย”แม่ทัพวิศรุฒบีบที่คอของยิว
“ปล่อยนะ”ยิวใช้สองมือจับแขนและมือของแม่ทัพวิศรุฒเพื่อดึงออก เพราะตอนนี้เขาหายใจไม่ออกแท่บจะขาดใจ
แม่ทัพวิศรุฒเห็นสีหน้าของยิวกำลังเหมือนคนจะขาดใจ เขาจึงปล่อยมือและมองต้นคอของยิว ที่เป็นรอยแดงจากรอยมือของเขาที่บีบเมื่อครู่
“พ่อขององค์ชายเลี้ยงดูองค์ชายแบบไหนกัน ถึงช่างอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างกับอิสตรี รูปร่างขององค์ชายก็ช่างอรชรอ้อนแอ่นยิ่งกว่าเผู้หญิงเสียอีก”
“แม่ทัพเอาไปฆ่าเลยไหมจะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อนท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพวิศรุฒครุ่นคิดเขามองพินิจรูปร่างของยิวที่ดุจอิสตรี แต่ก็ยังหลงเหลือความเป็นชายอยู่อย่างมาก
“อย่าพึ่ง ข้ากำลังคิดว่าจะเลี้ยงองค์ชายไว้ดูเล่น เพราะดูจากรูปร่างหน้าตา ไม่น่าจะมีผิดสงอะไรหรอก”
“ตามแต่ท่านแม่ทัพเห็นสมควรขอรับ แต่เราต้องเดินทางกลับเมืองศิลานคร ซึ่งกินเวลาหลายเดือน กระผมว่าองค์ชายจะไหวหรือไม่ กลัวจะตายก่อนถึงเมืองศิลานครซิขอรับ”
“ตายก็ช่างมัน ก็แค่องค์ชายองค์เดียว”แม่ทัพวิศรุฒมองยิวอย่างเย้ยหยัน
“ก็ได้เราจะไปกับนาย”
“กล้าดีเหมือนกัน แต่ยังมีองค์ชายหลงเหลืออยู่อีกเหรอ”แม่ทัพวิศรุฒมีท่าทีสงสัย
“ใช่ กระผมก็ว่าฆ่าตายหมดแล้วนี่ แต่ที่กระผมพามาหาท่านแม่ทัพ เพราะหน้าตาผิวพรรณ และการแต่งกายน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา มีความเป็นไปได้น่าจะเป็นองค์ชายเมืองนี้”
“ว่ามาเจ้าเป็นใคร”
“ข้าชื่อองค์ชายโสพล”ยิวคิดไม่ออกเลยเอาชื่อเมืองนี้เป็นชื่อตัวเอง
“ข้าไม่ได้เคยได้ยินชื่อนี้ หรือว่าเจ้าเป็นเชื้อพระวงค์ชั้นปลายแถว”
“ไม่ใช่ เราเป็นลูกสนมมือใหม่ เป็นลูกสนมคนสุดท้าย เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจจากใคร วันๆหนึ่งอยู่แต่กับแม่ในห้องไม่ค่อยได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถ้าออกมาจะโดนกลั่นแกล้งจากพี่ๆ เพราะกลัวจมาแย่งตำแหน่งรัชทายาท”
“น่าจะจริงขอรับเพราะเจ้าเมืองโสรยามีสนมนับสิบคน”ทันทหารคนสนิทพูดขึ้น
“ตำแหน่งรัชทายาทคงน้อยไป เพราะตอนนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แล้ว องค์ชายก็น่าจะเป็นเจ้าเมืองได้ แต่ช้าก่อนอย่าพึ่งดีใจ เพราะเจ้าเมืองศิลานครเตรียมได้เตรียมให้โอรสองค์เล็กมาครองนครแห่งนี้”แม่ทัพวิศรุฒหัวเราะดังลั่น
“ท่านแม่ทัพจะเก็บองค์ชายโสพลไว้ทำอะไรขอรับ”ทันทหารคนสนิทพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“เอามาเป็นคนรับใช้ของข้า เอ็งจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น”
“ขอรับ กระผมดีใจอย่างยิ่ง”ทันทหารคนสนิทยิ้ม
“พวกเองออกไปได้แล้ว ยกเว้นองค์ชายโสพล”
“ขอรับ”
ทันและทหารอีกสองคนได้ออกไปจากห้อง ปล่อยให้แม่ทัพวิศรุฒกับยิวอยู่ด้วยกัน ภายในห้องอันเงียบสงัด
กัสเริ่มรู้สึกง่วงนอนเขาจึงหยุดเขียนเพียงแค่นี้ และขึ้นไปบนเตียงนอนข้างๆเขื่อน ที่เขาแอบยืมคาแรกเตอร์ไปใช้ในนิยาย เพียงแต่เปลื่ยนชื่อเท่านั้น นอกนั้นใส่ความเป็นเขื่อนทุกอย่าง]ลงไปในนิยายของตัวเอง
กัสและเขื่อนนั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม พอเรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนทีเดียวกัน แต่คนละคณะ กัสเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ส่วนเขื่อนเรียนคณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ทั้งคู่จึงมีความสนิทสนมกันมาก
เช้าอีกวันทั้งสองมาเรียนพร้อมกัน ช่วงเช้านั้นแยกกันไปเรียนพอช่วงบ่ายทั้งคู่ต้องมาอยู่ด้วยกัน เพราะวันนี้เป็นวันที่กัสและเขื่อน มาคัดเลือกตัวเพื่อเข้าชมรมละครเวที เมื่อมาถึงหน้าห้องชมรม กัสและเขื่อนก็นั่งรอเรียกชื่อ เพื่อเข้าไปทดสอบความสามารถทางด้านการแสดง
เขื่อนถูกเรียกตัวเป็นคนแรก เขาจึงเดินเข้าไปอย่างคนมีความมั่นใจ เมื่อไปถึงเขาก็เห็นรุ่นพี่สามคนนั่งเรียงกัน คนกลางเป็นนักศึกษาชายที่หน้าต่อหล่อสูงหุ่นดีผิวขาว สองข้างซ้ายและขวาเป็นนักศึกษาสาวที่สวยหวานอยู่ข้างซ้าย ส่วนข้างขวาสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจนเข็ดฟัน
“สวัสดีครับ ผมชื่อเขื่อน”เขื่อนยกมือไหว้รุ่นพี่ และคนที่เขื่อนมองเป็นพิเศษคือคนกลาง เพราะความหล่อนั้นได้โดนใจเขื่อนอย่างมาก
“สวัสดีเช่นกัน เห็นเก้าอี้ตรงหน้าไหม ทำท่านั่งที่เก้าอี้ให้ดูหน่อยซิ”พีค รุ่นพี่ในชมรมละครเวทีชี้มือไปทางเก้าอี้ที่ล้มอยู่
เขื่อนหันไปมองเก้าอี้ที่ล้มอยู่ แล้วเขาก็เดินไปจับเก้าอีกี้ที่ล้มตั้งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็นั่งบนเก้าอี้ พีคหันหน้าไปมองเพื่อนผู้หญิงทั้งสองคนและก็พยักหน้า
“ไปนั่งข้างๆได้เลยน้อง”พีคพูดจบก็ยิ้มให้เขื่อน
“ขอบคุณครับ”เขื่อนยกมือไหว้รุ่นพี่แล้วไปนั่งข้างๆห้อง
หลังจากนั้นก็เป็นคิวของกัสที่เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆและมองไปที่เขื่อน แล้วหันกลับไปมองหน้ารุ่นพี่ชมรมละครเวที พอกัสได้เห็นพีคแค่นั้นเขาถึงกับเขินอาย ยิ่งสายตาของพีคหวานฉ่ำจ้องมองกัสอย่างอ่อนโยน
“แนะนำตัวเลยน้อง”
“สวัสดีครับ ผมชื่อกัส”
“เห็นเก้าอี้ตัวนั้นไหมทำท่านั่งให้ดูหน่อย”พีคชี้ไปที่เก้าอี้ตัวเดิมที่ล้มลง
กัสมองไปที่เก้าอี้และเดินไปยืนมองชั่วครู่ แล้วกัสก็นั่งลงกับพื้นและล้มตัวลงนอนโค้งเป็นท่านั่งเก้าอี้
พีคและเพื่อนผู้หญิงสองคนต่างมองหน้ากัน สักพักพีคก็รีบลุกจากเก้าอี้เดินไปหากัสที่นอนท่านั่งอยู่กับพื้น เมื่อพีคเดินมาถึงก็นั่งลง
“ลุกขี้นได้แล้ว”พีคยิ้มให้กัสอย่างอ่อนโยน
กัสลุกขึ้นนั่งและมองหน้าพีคแวบหนึ่งและหันไปทางอื่น ด้วยความเขินอาย ส่วนพีคก็ยิ้มให้กัสด้วยสายตาอันวาบวับ ก่อนที่จะพยุงร่างของกัสลุกขึ้นยืน
“ไปนั่งข้างๆห้องได้แล้ว”พีคชี้มือไปทางที่เขื่อนนั่งอยู่
กัสเดินไปหาเขื่อนที่ยังอึ้งกับกัส ที่ทำท่านั่งนอนกับพื้น กัสนั่งลงข้างๆเขื่อน ทั้งสองมองหน้ากัน ด้วยใจระทึกว่าจะผ่านการคัดเลือกเขาชมรมการแสดงหรือไม่
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY