เกิดใหม่คราวนี้ ขอให้นายตามตื้อ ชาติที่แล้วเราตื้อนาย
บอมบอมนั่งรถสุดหรูมาจากที่บ้าน เพื่อมาเซอร์ไพร์สพ่อกับแม่ ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์พันล้าน ทางไปบริษัทของพ่อบอมบอมต้องผ่านหน้า มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา พอถึงทางม้าลายคนขับรถของบอมบอมก็หยุดให้นักศึกษาข้าม แต่แล้วมีรถสปอร์ตคันงามมาชนท้ายรถของบอมบอม จนตัวโยกไปข้างหน้าศีรษะชนพนังเบาะนั่ง
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”คนขับรถรีบหันมาดูบอมบอมทันที ทั้งที่ตัวเขาเองก็เจ็บศีรษะเหมือนกัน
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับลุง”บอมบอมหันหลังไปมองรถคันที่ชน
“ดูรถก็น่าจะเป็นลูกคนรวย”
“น่าจะใช่”คนขับรถจึงขับหาที่จอดรถข้างๆทางใกล้หน้ามหาวิทยาลัย
“คุณหนูรออยู่นี่นะ เดี๋ยวลุงจะลงไปเคลียร์กับเด็กหนุ่มคนนั้นซะหน่อย”คนขับรถมองที่กระจกเห็นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับบอมบอมสองคน ลงมาดูที่หน้ารถสปอร์ตคันหรูหลายสิบล้าน
บอมบอมนั่งกุมหน้าผากเพราะยังเจ็บศีรษะอยู่ เพราะกระแทกค่อนข้างแรงพอสมควร บอมบอมหันหลังไปดูรถอีกครั้งก็เห็นสองหนุ่มออกลีลาเยอะพอสมควร บอมบอมจึงคิดว่าตัวเองต้องไปจัดการสองหนุ่มนั่น เขาจึงรีบลงจากรถถึงแม้ศีรษะเริ่มนูนขึ้น
“จะโวยวายอะไรกันหนักหนา”บอมบอมเดินมายืนข้างคนขับรถ และมองหน้ามิคกี้กับยูโรในชุดนักฟุตบอล บอมบอมคิดในใจว่าสองคนนี้ก็หล่อดีเหมือนกัน คนแรกหล่อขาวแต่ไม่ถึงกับตี๋ซะทีเดียว ส่วนอีกคนหล่อคมเข้มผิวสีน้ำตาล แต่การพูดจาทั้งสองหนุ่มฟังไม่รื่นหูเท่าที่ควร เมื่อได้ยินมิคกี้หนุ่มหล่อผิวขาวพูดประชด
“นึกว่าจะไม่ลงมาซะแล้วคุณหนู”มิคกี้พูดเสียงสอง
“ลงมาแล้วมีปัญหาอะไรก็ว่ามาคุณชาย”
“ก็ไม่อะไรหรอก เรียกประกันมาก็จบแล้ว”มิคกี้ทำท่ายียวนกวนประสาท
“แล้วทำไมต้องโวยวายพูดจาเสียงดังยังกับอยู่ในป่า”
“อ้าว นายไม่ลงมานี่เป็นเจ้าของรถ ก็ต้องมาเคลียร์เองซิ นั่งยังกับเป็นตุ๊กตาหน้ารถ แต่หน้าตายังกับปวดตด”มิคกี้ยังมีท่าทียียวนกวนอารมณ์เหมือนเดิม
“ใครเคลียร์ก็เหมือนกันนั่นแหละ และอีกอย่างนายผิดไม่ใช่เรา ตัวเองผิดยังไม่สำนึกทำตัวยังกับคนนอกโลก ไม่รู้ไหนเป็ดไหนไก่”
“ยอมรับว่าผิด แต่นายไม่คิดที่จะลงจากรถมาเคลียร์เลยเหรอ ทำตัวอย่างกับนกพึ่งเกิดใหม่”
“จะลงมาทำไมมลภาวะเป็นพิษ มีแต่เชื่อโรคที่มองไม่เห็นว่อนตามอากาศ”บอมบอมเริ่มโมโหฉุนเฉียวขึ้นทันที ถึงแม้มิคกี้จะหล่อเทพก็ตามที
“พอเถอะ นายเป็นลูกรัฐมนตรีเชียวนะ คนเริ่มมองแล้ว และอีกอย่างเราผิด ดูจากการแต่งตัวและรถ ก็น่าจะไม่ธรรมดา ก็คงเป็นลูกคนรวยเหมือนนายนั่นแหละ เราว่าพอเถอะอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลย”ยูโรกระซิบข้างๆหูของมิคกื้
“ก็ได้รอประกันมาก่อน”มิคกี้พูดขึ้นลอยๆ
“ก็แค่นี้แหละ”บอมบอมมองมิคกี้แวบหนึ่งแล้วเดินไปที่รถทันที
เมื่อบอมบอมขึ้นรถไปแล้วสองหนุ่มมองหน้ากัน ด้วยความเสียดายเพราะวันนี้นัดกันไว้ว่าจะไปเตะฟุตบอลจึงเป็นอันต้องยกเลิก ส่วนบอมบอมก็เช่นเดียวกันเปลื่ยนแผนที่จะไม่ไปหาพ่อแม่ที่บริษัท เขาจึงให้คนขับรถกลับไปที่บ้านตามเดิม
วันนี้เปิดเรียนวันแรกบอมบอมมาแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น แต่ก็หมดความมั่นใจไปนิดนึงเพราะหน้าผากซ้ำเป็นจ้ำๆ เมื่อบอมบอมเข้ามาในมหาวิทยาลัยพัฒนเมธา เขาก็มองหาบิวเพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เตรียมอนุบาล จนถึงมหวิทยาลัยยังเรียนคณะบริหารธุรกิจเหมือนกันอีก
“บอมบอมเราอยู่นี่”เสียงบิวดังขึ้น และกวักมือเรียกบอมบอมตรงซุ้มที่นั่งสำหรับนักศึกษา
บอมบอมหันไปมองและอมยิ้ม เขาจึงรีบเดินไปหาบิวที่นั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อบอมบอมไปถึงก็นั่งฝั่งตรงข้ามบิว
“หน้านายไปโดยอะไรมา”บิวมีสีหน้าที่ตกใจ
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยรถสปอร์ตมาชนท้ายหน้ามหาวิทยาลัย เมื่อวานนี้เองเรากำลังจะไปหาพ่อที่บริษัทพอดี ก็เลยไม่ได้ไปก็เพราะพวกลูกหลานไอโซนั่นแหละ”
“แล้วนายล่ะ”บิวอมยิ้ม
“อะไร”
“นายก็ไอโซไม่ใช่เหรอ”บิวอมยิ้ม
“ไม่ต้องมาพูดเลย นายก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่พวกเรามีคุณภาพ ไม่ใช่อย่างสองคนนั้น รุ่นนี้ผลิตมาเยอะซะด้วย อย่าพูดถึงเลยอารมณ์เสีย”
“จร้า ไม่พูดแล้ว เมื่อกี้รุ่นพี่มาบอกว่า เดี๋ยวสายๆให้ไปประชุมต้อนรับน้องใหม่”
“เหรอ ตื่นเต้นจังเลยหนอ จะได้ใครเป็นพี่รหัสเนี่ย”
“เราเฉยๆนะ”
“จร้า”บอมบอมลากเสียงยาว
“อุ๊ย รุ่นพี่เรียกแล้วไปเร็วเข้า ไป ช้าเดี๋ยวโดนแกล้งหรอก พวกเราสองคนยิ่งน่ารักกันอยู่”บิวลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปทันที
“น่ารักจริงเหรอ”บอมบอมยืนขึ้นมองบิว
“ก็ตอนเรียนมัธยมมีแต่คนบอกว่าเราสองคนน่ารัก”
“ตอนไหน”
“ตอนที่นายไม่อยู่ นายเลยไม่ได้ยิน ไปกันเถอะ”บิวรีบเดินนำหน้า
“เหรอ ตามนั้น เอาที่นายสะดวก” บอมบอมอดขำบิวไม่ได้
บอมบอมและบิวมาช้าได้นั่งหลังสุด แต่ก็ยังมีคนมาช้ากว่า ที่เดินมามาหลังสุดและนั่งลงข้างบอมบอม
“นายชื่ออะไร”มิคกี้หันหน้าไปถามบอมบอม
“บอมบอม”บอมบอมหันไปมองหน้ามิคกี้
“นาย”มิคกี้มองตาค้างด้วยความแปลกใจ ทำไมถึงมาเจอกันที่นี่ได้อีก
“นาย”บอมบอมอ้าปากค้าง บอมบอมไม่อยากที่จะเชื่อสายตาเลยว่าจะเจอมิคกี้
บอมบอมและมิคกี้มองหน้ากัน พอมิคกี้กี้ตั้งสติได้จึงหันหน้าไปทางอื่น ส่วนบอมบอมยังมองอยู่ แต่ปลายสายตาของมิคกี้เห็นบอมบอมมองตัวเขาอยู่ มิคกี้จึงหันหน้ากลับมามองกลับ
“มองทำไม ไม่เคยเห็นคนหล่อกว่าคนอื่นเหรอ”
“ไม่เห็นหล่อเลย ก็มีหู มีตา มีจมูก มีปาก มีหัว เหมือนกันกับคนอื่น”
“แต่หล่อกว่าใช่ไหม”
“หล่อปูน หล่อลื่น หล่อไม่เสร็จ”บอมบอมพูดจบหันหน้ากลับมามองบิว เพราะบิวกำลังสะกิดที่เอว
“สองคนนั่นคุยอะไรกัน อยากคุยกันออกมานี่เลย”
ก็อตรุ่นพี่ที่กำลังพูดอธิบายการใช้ชีวิตในมหาวิทยาให้น้องๆฟัง ซึ่งทุกคนก็ฟังอย่างตั้งใจ มีเพียงมิคกี้และบอมบอมเท่านั้นที่ไม่ได้ฟัง เพราะทั้งสองมัวแต่โต้เถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระ
“เป็นเพราะนายทีเดียวตัวซวย”บอมบอมพูดขึ้น
“นายนั่นแหละไม่ต้องมาโทษเราเลย ตัวอัปมงคล”มิคกี้มองตาขวางใส่บอมบอม
“ทั้งคู่ออกมาเร็วๆ”ก็อตตะโกนอีกครั้ง
มิคกี้กับบอมบอมจึงจำเป็น ต้องเดินออกไปข้างหน้าเพื่อนๆร่วมคณะที่นั่งกันอยู่นับสิบ เมื่อไปถึงทั้งสองยืนนิ่งตัวเกร็งนิดหน่อย
“เดี๋ยวพี่จะถามนะ เมื่อสักครู่พี่พูดเรื่องอะไร ถ้าใครคนหนึ่งตอบได้ ก็เข้าไปข้างในได้เลยทั้งสองคน ถ้าตอบไม่ได้ต้องโดนลงโทษ โดยการเล่นเกมส์ที่พี่เตรียมไว้ให้พวกน้อง”ก็อตพูดจบก็หันมองสองหนุ่ม
“ไม่รู้ครับ”ทั้งมิคกี้และบอมบอมพูดพร้อมกัน เพราะทั้งสองไม่ได้ฟังมัวแต่โต้เถียงกัน
“ถ้าไม่ใครรู้ก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นมาเล่นเกมส์เลย”ก็อตแอบมองบอมบอมแวบหนึ่ง เพราะเขารู้สึกถูกชะตากับบอมบอมอย่างบอกไม่ถูก
ก็อตแกะถุงขนมมันฝรั่งและหยิบออกมาหนึ่งชิ้น เขามองหน้ามิคกี้และบอมบอม ซึ่งทั้งสองอยากรู้ว่าก็อตจะให้ทำอะไร
“ในเมื่อคุยกันดีนักก็ต้องกินขนมนี้ชิ้นเดียวกัน”ก็อตพูดขึ้น
“แต่ว่าต้องรู้จักชื่อก่อน แนะนำตัวให้พี่ๆเพื่อนๆได้รู้จักหน่อย”
“ผมชื่อมิคกี้ครับ”มิคกี้พูดจบ เพื่อนๆปรบมือกันทุกคน โดยเฉพาะสองหนุ่มฝาแผด สุก้าแฝดผู้พี่ที่แสนดีและเรียบร้อย กับสุกี้แฝดผู้น้องที่นิสัยแรงกเอาแต่ใจ ทั้งสองมองมิคกี้ไม่วางสายตา เพราะความหล่อหุ่นดีเลยกระชากใจแฝด
“ผมชื่อบอมบอมครับ”บอมบอมยิ้มอย่างสดใจ จนก็อตไม่อยากจะให้เล่นเกมส์นี้แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพูดออกไปแล้ว ถ้าขืนยกเลิกคงจะโดนโห่อย่างแน่นอน เขาต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยากให้ทำเมื่อครู่
ก็อตมองมิคกี้ทีมองบอมบอมที สักพักเขาจึงตัดสินใจยื่นมันฝรั่งที่มือ ไว้ตรงริมฝีปากของบอมบอม มิคกี้ยืนนิ่งมองบอมบอมว่าจะกัดมันฝรั่งไว้ไหม ซึ่งบอมบอมไม่มีทางเลือกเขาจึงกัดปลายมันฝรั่ง
“เอาเลย เอาเลย เอาเลย”เสียงเพื่อนๆร่วมคณะบริหารธุรกิจตะโกนเชียร์สุดเสียง
ในเมื่อมิคกี้ไม่มีทางเลือก เขาจึงเดินเข้ามาใกล้บอมบอม สายตาของมิคกี้มองไปที่มันฝรั่งและเลยที่ไปที่สายตาของบอมบอม เขาอมยิ้มที่มุมปากและส่งสายตาที่เย้ยหยัน
“มองตากันอยู่นั่นแหละ”รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น
มิคกี้ประคองศีรษะด้านซ้ายของบอมบอมไว้ และโน้มเข้ามาหาใบหน้า ส่วนริมฝีปากเลื่อนใกล้เข้ามาที่มันฝรั่ง มิคกี้อ้าปากเล็กน้อยกัดมันฝรั่งไว้ จนปลายจมูกทั้งสองชนกัน ในส่วนของบอมบอมก็ใช้สองมือดันหน้าอกของมิคกี้ไว้
รักแล้วไม่กลัวเจ็บ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะไม่สามารถเปิดเผยรักที่แท้จริงได้ จึงต้องฝืนทนกล่ำกลืนรักที่แสนรันทัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ไม่กลัวที่จะได้รักกัน ถึงแม้จะเป็นรักที่เจ็บๆแต่จริงใจและห่วงใย
สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่ายไฟเก่าจะลุกขึ้นจนมอดไหม้ ไม่มีเหลือชิ้นดี
ชายหนุ่มผู้เดินตามความฝัน ซึ่งในระหว่างทางต้องพบเจออุปสรรคมากมาย กว่าจะเจอรักแท้ที่โหยหามานาน
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้