วันหนึ่งมีกล่องปริศนาว่างอยู่หน้าบ้านของเลอาและแฟนหนุ่มของเธอ ในกล่องนั้นมีหนังสือนิยายเล่มหนึ่งด้วยความสงสัยเลอาจึงเปิดอ่านและเธอก็พบว่ามันเป็นนิยายวาย! แถมดูเหมือนมันจะเป็นแนว 3P เสียด้วย ในนิยายมีตัวละครที่ชื่อเหมือนเธอด้วย และนายเอกของนิยายเรื่องนั้นก็มีชื่อเหมือนแฟนของเธอ! เลอาไม่อยากจะอ่านต่อเพราะความหึงหวง แต่เธอก็มาพบภายหลังว่านิยายเล่มนั้นได้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเธอและแฟนหนุ่มของเธอ "ฉันจะตายเรอะ!? แถมแฟนของฉันก็จะถูกผู้ชายสองคนรุมทึ้ง!? ไม่! ฉันไม่ยอมให้แฟนสุดที่รักถูกใครหน้าไหนแย่งไปเด็ดขาด! ถ้ากล้าแตะต้องแฟนของฉัน ฉันจะต้องได้ข้ามศพของพวกแกไปก่อน! " เพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มถูกผู้ชายอื่นแย่งไปเลอาพยายามหลบเลี่ยงความตายของตัวเองและพยายามขัดขวางเหล่าพระเอกนิยายวายไม่ให้เข้าใกล้แฟนของเธอ แต่ฆาตกรก็ยังพยายามตามฆ่าเธอและแฟนหนุ่มของเธอเสียเหลือเกิน พวกพระเอกนิยายวายก็สลัดทิ้งยากยิ่งกว่าฆาตกร จะรอดไปได้หรือไม่ติดตามกันได้เลย!
ตอนที่ 1 นิยายเฮงซวย
วันหนึ่งมีกล่องปริศนากล่องหนึ่งมาวางอยู่หน้าบ้านของฉัน บนกล่องไม่ได้เขียนระบุอะไรไว้เลยแม้แต่ชื่อผู้ส่งก็ไม่มีระบุ ฉันก็เลยไม่รู้ว่ามันคือของใครและมาจากไหนและไม่รู้เลยว่าข้างในมีอะไร ด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็เลยลองเปิดดู
ในกล่องมีนิยายเล่มหนึ่ง หน้าปกนิยายมีสีดำทั้งหมดและบนปกมีชื่อเรื่องเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องหัวใจวาริน’
แหม ชื่อเหมือนแฟนหนุ่มสุดที่รักของฉันเลยนะ
และในกล่องก็ยังมีการ์ดใบหนึ่งที่เขียนไว้ว่า…
ถึง คุณเลอา
คุณคือผู้โชคดีที่ได้อ่านนิยายพิเศษเรื่อง ปกป้องหัวใจวาริน เนื่องจากว่านิยายเรื่องนี้ไม่เคยมีการวางขายในโลกนี้จึงมีเพียงเล่มเดียวในโลก ขอให้สนุกกับการอ่านนิยาย!
ฉันสงสัยจริงว่านิยายเรื่องนี้มีอะไรพิเศษกัน ทำไมถึงมีแค่เล่มเดียวในโลก มันคือนิยายขายไม่ออกใช่ไหม?
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเคยฉันก็เลยลองเปิดอ่านนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ นิยายเริ่มต้นมาด้วยบทนำ ตัวละครเอกชื่อ วาริน ปรากฏตัวทันทีในบรรทัดแรกพร้อมกับแฟนสาวชื่อ เลอา ฉันแปลกใจมากเพราะชื่อตัวละครทั้งสองมีชื่อเหมือนกับฉันและแฟนของฉัน และสถานะของตัวละครทั้งสองมีก็ดูเหมือนจะเหมือนกับฉันและแฟนด้วย
มันคือพรหมลิขิตสินะ! ฉันมีความอยากอ่านนิยายเรื่องนี้มากขึ้นเยอะเลย
บทนำได้เล่าถึงความหวานแหววของฉันและแฟน...ฉันหมายถึงตัวละครในนิยายที่มีชื่อว่าวารินและเลอา พวกเขากำลังเดินเที่ยวกันในเดินเที่ยวย่านการค้าแห่งหนึ่ง พวกเขาดูรักกันมากกก
ในบทนำฉันไม่สนใจอ่านอะไรมากนักนอกจากความรักของตัวละครวารินและเลอา ฉันมองข้ามคำบรรยายของตัวละครสำคัญตัวอื่นไปหมด อันที่จริงฉันไม่คิดว่าพวกเขาสำคัญเพราะคำบรรยายทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นฉากประกอบเท่านั้น และบทนำก็จบลงไปพร้อมกับประโยคน่าสงสัยว่า
ทว่าความสงบสุขเหล่านี้กลับอยู่ได้ไม่นาน มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าบทต่อไปจะต้องเป็นบทที่ทำให้ฉันอยากฉีกหนังสือทิ้ง ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ บทที่หนึ่งของนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ เริ่มมาด้วยฉากสยองขวัญ ตัวละครเลอาเดินไปตามซอยเปลี่ยวและถูกฆาตกรโรคจิตฆ่าตาย ตอนฆาตกรโรคจิตกำลังฆ่าตัวละครเลอามันถูกบรรยายละเอียดซะจนฉันต้องอ่านข้ามไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
เปิดฉากมาซะหวาน ไหงพอตัดฉากมามันถึงกลายเป็นฉากฆาตกรรมไปได้! แล้วทำไมตัวละครเลอาที่ควรเป็นนางเอกถึงได้ตายอนาถแบบนี้!
หลังจากข้ามฉากฆาตกรไปฉากก็ตัดไปยังฉากที่ตัวละครวารินรู้สึกสงสัยว่าทำไมแฟนสาวกลับมาบ้านช้า ด้วยความเป็นห่วงก็เลยออกไปตามหาและพบกับสภาพศพสุดเละเทะของแฟนสาวเข้า
ฉากนี้บรรยายได้สะเทือนใจฉันมาก ฉันห้ามหัวใจไม่ให้เจ็บปวดได้เลย ตัวละครวารินมีชื่อและมีนิสัยคล้ายกับแฟนของฉันมาก ฉันก็เลยเผลอคิดว่าตัวละครวารินคือแฟนของฉัน ฉันถนอมและปกป้องแฟนมาตลอดเพราะงั้นฉันจึงไม่อยากให้เขาเจ็บปวดเลย ฉันอยากปกป้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ดีชนิดที่ว่าฉันจะไม่ยอมให้มีตัวสกปรกสักอย่างมาแตะต้องแม้แต่ปลายผมของเขาได้
หลังจากพบศพตัวละครเลอา วารินก็กรีดร้องและร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ เขาสติแตกมากจนกระทั่งเสาไฟสาธารณะและไฟฟ้าในบ้านใกล้เคียงถูกทำลายจนหมด ทันใดนั้นเองชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว การบรรยายการปรากฏตัวของชายคนนั้นโดดเด่นมากและการบรรยายลักษณะภายนอกของเขาก็ดูน่าประทับใจเช่นกัน อ่านโดยรวมแล้วให้ความรู้สึกว่าชายคนนั้นหล่อมาก
ดวงตาสีเหลืองทองราวกับตาแมว เส้นผมสีเงินเป็นประกายสีแดงเมื่อต้องกับแสงจันทร์
บรรยายซะไม่เหมือนลักษณะของมนุษย์ ฉันเบะปากไม่ชอบใจ ไม่รู้ทำไม แต่ฉันรู้สึกไม่ชอบผู้ชายที่เพิ่งปรากฏตัวออกมามาก สัญชาตญาณความเป็นหญิงของฉันบอกว่าเขาเป็นศัตรู และก็ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์ของฉันจะแม่นยำเช่นเดิม ชายตาแมวคนนั้นเดินเข้าไปใกล้วารินที่กำลังเสียสติได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการอาละวาดของวารินเลย จากนั้นชายตาแมวคนนั้นก็กระชากผมวารินของฉัน!
ไอ้*** ทำอะไรกับสุดที่รักของฉัน!
ฉันโมโหมากเมื่ออ่านถึงบรรทัดนี้และฉันยิ่งโมโหมากกว่าเดิมในบรรทัดต่อไปเพราะผู้ชายตาแมวคนนั้นก้มลงจูบตัวละครวาริน! จูบแบบ...ดุดื่มด้วย จากนั้นชายตาแมวก็แอบเอาเข็มฉีดยาบางอย่างแทงต้นคอของตัวละครวารินจนเขาสลบไป จากนั้นตัวละครวารินก็ถูกอุ้มไป...
ฉันปิดหนังสือทันทีและมองปกหนังสืออย่างละเอียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และฉันก็พบว่ามันอยู่ในหมวด BL หมวดชายรักชาย! และไม่ใช่แค่นั้นมัน 3P ด้วย! ฉันไม่ได้มีอคติกับชายรักชายหรอกนะ แต่นิยายเล่มนี้มันเฮงซวย!
ตัวละครชื่อเหมือนฉันตายทันทีในบทแรกและตัวละครที่มีชื่อเหมือนแฟนของฉันก็ถูกผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จูบและอุ้มไป ไม่ต้องอ่านจนจบก็รู้ได้เลยว่าตัวละครวารินคือ...นายเอก!
ไม่ยอม! ฉันไม่ยอมให้แฟนสุดน่ารักของฉันถูกผู้ชายอื่นฉกไปแน่! เขาต้องแต่งงานกับฉัน มีลูกกับฉัน!
ฉันโยนนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ ทิ้งและไม่สนใจไยดีมันอีก อ่านแค่ห้าหน้าฉันก็อินขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันยังอ่านอีกฉันคงอกแตกตายแน่
“กลับมาแล้ว” ในขณะที่ฉันกำลังหัวเสียวารินก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ฉันตะโกนตอบกลับไปแล้ววิ่งไปที่ประตูเพื่อต้อนรับวาริน
ฉันและวารินคบกันมาได้เจ็ดปีแล้ว เราได้ตกลงที่จะอยู่ด้วยกันจึงซื้อบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งและได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหม่ได้สามวันแล้ว
“ฉันจัดของในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นไงบ้าง? ของทุกอย่างใหม่เอี่ยมไม่มีของมือสอง เธอไม่ต้องระวังตอนจับสิ่งของในบ้านก็ได้นะ” ฉันอวดผลงานที่ทำมาทั้งวันทันที เนื่องจากวันนี้วารินมีงานฉันก็เลยต้องจัดบ้านที่เพิ่งย้ายมาคนเดียว
“ดีมากเลย ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ช่วย” วารินเอ่ยเสียงเบาและนิ่มนวลตามลักษณะนิสัยของเขา
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง เธอน่าจะเหนื่อยมากกว่านะต้องสอนเด็กทั้งวันเลยนี่นา” พอฉันพูดจบวารินก็โผเข้ากอดฉันอย่างหมดแรง
“มีแต่เด็กดื้อทั้งนั้น” เขาอดบ่นไม่ได้
วารินคือครูสอนดนตรีในโรงเรียนประถม ไม่แปลกที่เขาจะหมดแรงแบบนี้ แตกต่างจากงานของฉันที่เป็นนักแปล ฉันสามารถนั่งทำงานในบ้านได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องไปไหน ไม่เหนื่อยแต่เมื่อยแทนและแอบมีปัญหาเรื่องปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย…
แต่ฉันก็ชอบงานนี้เพราะได้เงินดี ฉันอ่านเขียนได้หลายภาษาก็เลยได้เซ็นสัญญาที่จะเป็นนักแปลนิยายให้กับสำนักพิมพ์หนึ่ง งานก็เลยมีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่มีงานฉันก็จะรับแปลเอกสารต่างๆ แม้จะต้องทำงานแบบไม่มีเวลาว่างแต่ก็คุ้มดี
“ไปนั่งพักสักหน่อยแล้วกัน วันนี้ฉันจะรับหน้าที่ทำอาหารเอง” ฉันว่าพลางลากเด็กโตไปนั่งโซฟา แต่กลายเป็นว่าเขาล้มตัวลงไปนอนแทนและลากฉันไปนอนทับ “อะไรกัน วันนี้อยากอ้อนเหรอ?”
“งืม..” วารินบ่นงึมงำในลำคอ ฉันเอื้อมมือไปบีบแก้มของเขาอย่างเอ็นดู “วันนี้ผมบังเอิญแตะตัวเด็กคนหนึ่ง...”
เขาเกริ่นนำเสียงแผ่วเบา ฉันจึงเงียบรอฟังเขาเล่าพลางกอดเขาเพื่อปลอบประโลมเขา
“เด็กคนนั้นสูญเสียครอบครัวทั้งหมด...เขายังเด็กมาก...” วารินพึมพำเสียงเศร้าสร้อย ทันใดนั้นไฟในบ้านก็กะพริบ หลอดไฟใหม่ที่เพิ่งติดตั้งเหมือนจะพัง
“ไม่เป็นไร เด็กคนนั้นต้องผ่านไปได้แน่ เราแค่ต้องให้กำลังใจเขา ฉันเชื่อว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่” ฉันเอ่ยพลางลูบแขนของวาริน ไฟในบ้านจึงกลับเข้าสู่สภาวะปกติ “ถ้าเราช่วยเหลือเขาเท่าที่เราจะทำได้ชีวิตของเด็กคนนั้นก็อาจจะไม่โดดเดี่ยวมากเกินไป”
“ผมจะคุยกับเด็กคนนั้นวันพรุ่งนี้” วารินกล่าวอย่างมุ่งมั่น
“เล่นดนตรีให้เขาฟังสิ เสียงดนตรีของเธอคือยาดีสำหรับรักษาจิตใจเลย” ฉันยิ้มให้กำลังใจเขา วารินยิ้มรับด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย
“วันนี้ผมจะเป็นคนทำอาหารแล้วกันนะครับ” เมื่ออารมณ์ดีขึ้นมาแล้ววารินก็เหมือนจะฟื้นตัวจากความเหนื่อยทันที เขาเสนอตัวที่จะทำอาหารเย็นในวันนี้ ฉันไม่ขัดใจเขาและปล่อยให้เขาเข้าครัวทำอาหาร เดิมทีแล้วหน้าที่ทำอาหารคือของเขาอยู่แล้วเพราะว่าเขาทำอาหารได้อร่อยมากกว่าฉัน ฝีมือทำอาหารของฉันค่อนข้างจะธรรมดาและแอบเอนเอียงไปทางไม่ค่อยจะกินได้เพราะทุกครั้งที่ปรุงอาหารถ้าไม่เค็มเกินไปมันก็จะหวานเกินไป สักวันคงเป็นโรคร้ายสักโรค
“อา วารินช่วยชีวิตฉันไว้เลย” ฉันโผเข้ากอดวารินจากทางด้านหลัง วารินสะดุ้งเบาๆ
“ผมทำอาหารอยู่นะ” วารินคล้ายจะทำเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก
“อาหารของวารินช่วยไม่ให้ฉันมีโรคร้าย ดีจริงๆ” ฉันเอ่ยพลางลูบเอววารินอย่างตั้งใจ วารินยังคงเป็นผู้ชายเอวบางเช่นเดิม แม้จะไม่ได้บางเหมือนผู้หญิงแต่ก็บางกว่าผู้ชายทั่วไปเล็กน้อย เพราะงั้นฉันเลยหวงเขามากไง
“รู้แล้วครับ ไปนั่งรอก่อนนะ อีกไม่นานอาหารก็จะเสร็จแล้ว” วารินพูดเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มอ่อน หัวใจของฉันเหมือนจะละลาย...
ฉันก็เลยยอมไปนั่งรอทานอาหารเย็นอย่างสงบเสงี่ยม ขณะเดียวกันก็จ้องมองทุกท่วงท่าขณะทำอาหารของวาริน เขาช่างเป็นพ่อบ้านที่น่ารักจริงๆ! ยิ่งมองฉันก็ยิ่งหลงเขา หลงยิ่งกว่าตอนเจอกันครั้งแรกซะอีก ฉันยังจำตอนที่เขาทำหน้าตกใจตอนฉันจับก้นได้อยู่เลย
งืม~ คิดแล้วอยากจับก้นแน่นๆ นั่น
“เลอา ผมรู้สึกถึงสายตาหื่นกามของคุณ” วารินหันมายิ้มให้ฉันอย่างรู้ทัน
“แหม นิดเดียวเอง” ฉันหัวเราะพลางส่งสายตาวิบวับ “ว่าแต่เราไม่ได้ไปเดตกันนานแล้วนะ”
“งั้นวันเสาร์นี้เราไปเดตกันไหม?” วารินเอ่ยอย่างเอาใจ
“แน่นอนว่าฉันไปแน่!” ฉันตอบรับอย่างยินดี
และแล้ววันเสาร์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ในตอนเช้าของวันเสาร์ฉันรีบตื่นขึ้นมาเลือกชุดและแต่งหน้าเพราะฉันอยากสวยที่สุดในวันที่ได้เดตกับวาริน
“คุณชอบทำเหมือนกับว่ามันเป็นเดตแรกเสียทุกครั้ง” วารินหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“วารินคือเดตแรกของฉันเสมอ” ฉันว่าพลางขยิบตาและส่งยิ้มไปให้วาริน วารินยิ้มรับและเดินเข้ามาหอมแก้มของฉันเร็วๆ ก่อนจะหนีไปแต่งตัวบ้าง แต่คิดเหรอว่าจะหนีหลังจากขโมยหอมแก้มฉันไปน่ะ!
ในขณะที่วารินกำลังติดกระดุมเสื้อฉันก็พุ่งเข้าไปใกล้เขาและล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเขาอย่างชำนาญ “ยังนุ่มนิ่มเหมือนเคย”
“อ๊ะ เดี๋ยวเถอะเลอา” วารินทำเสียงดุเพื่อห้ามปรามมืออันอยู่ไม่สุขของฉัน
“น่าเศร้านะที่สร้างกล้ามเนื้อไม่ได้สักที แต่ไม่เป็นไร ฉันชอบแบบนี้ล่ะ” ฉันหัวเราะคิกคักพลางลูบไล้ไปทั่วร่างกายของวาริน
“หยุดเลยไม่งั้นวันนี้ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกนะ” แววตาของวารินเปลี่ยนไป หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความวาบหวาม
“อีกใจหนึ่งก็อยากออกไปแต่อีกใจหนึ่งก็อยากอยู่บ้านต่อซะแล้วสิ” ฉันกล่าวพลางกุมหัวใจของตัวเองด้วยท่าทางเขินอาย วารินส่ายหัวปลงและหันไปติดกระดุมเสื้อต่อ ฉันก็เลยรีบไปจัดการตัวเองให้เสร็จ พอแต่งตัวแล้วจะได้ออกไปทันที
ซึ่งในขณะที่ฉันกำลังเตรียมของใส่กระเป๋าสะพายฉันก็เหลือบไปเห็นสเปรย์พริกไทยที่วางอยู่บนโต๊ะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่ฉันมีความรู้ว่าจะได้เจอศัตรูที่น่าเกลียดชังฉันก็เลยหยิบมันใส่กระเป๋า และหลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเราก็พร้อมออกไปเดต
วันนี้เราเลือกที่จะไปเดตในย่านการค้าแห่งหนึ่งเพราะการที่เราได้เดินเล่นและดูนั่นดูนี่ไปด้วยกันมันคือความสุขของพวกเรา
“วันเสาร์คึกคักอย่างนี้สินะ” ฉันมองรอบข้างที่เต็มไปด้วยผู้คน “ใส่ถุงมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” ฉันหันไปถามวาริน
“ผมพอควบคุมได้แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก” เขายิ้มกว้างเพื่อให้ฉันสบายใจ
“ดื้อ แต่เอาเถอะวันนี้อากาศร้อน ถ้าใส่ถุงมือคงอึดอัดน่าดู”
จากนั้นเราก็เดินเล่นไปทั่ว ซื้อนั่นซื้อนี่หลายอย่าง ซึ่งส่วนมากก็เป็นอาหารกินเล่นทั้งนั้น
ฉันและวารินเดินเล่นกันไปตามประสาคู่รักออกเดต ทุกอย่างราบรื่นดีจนกระทั่งบางอย่างสะกิดใจให้ฉันสังเกตมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามถนน ห่างไกลออกไปไม่กี่ก้าวจากฉันกับวารินมีชายร่างสูงคนหนึ่งถือร่มเดินมาตามถนน คนถือร่มในวันแดดออกจัดก็ไม่ถือว่าแปลก ทุกคนเข้าใจกันดีว่าแดดมันร้อน แต่ไม่รู้ทำไมฉันรู้ตะขิดตะขวงใจแปลกๆ
ในจังหวะที่ฉันและวารินเดินผ่านผู้ชายถือร่มคนนั้น พวกเราได้หันหน้ามาสบตากันโดยบังเอิญ ชายคนนั้นสวมแว่นตากันแดดแต่ในมุมมองของฉัน ฉันเห็นดวงตาสีทองเหมือนตาแมวของชายคนนั้น และสิ่งที่สะดุดตามากกว่านั้นก็คือเส้นผมสีเงินประกายสีแดง
ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ ทั้งที่ไม่น่าจะเคยเห็นนะ…
“อ๊ะ ขอโทษครับ” เสียงของวารินทำให้ฉันที่กำลังเหม่อลอยได้สติกลับมา เมื่อฉันหันไปหาวารินฉันก็พบว่าเขาเดินไปชนชายชุดดำกลุ่มหนึ่ง
“วาริน เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันรีบวิ่งไปหาแฟนหนุ่มทันที ฉันใช้แขนโอบเอววารินและจ้องกลุ่มชายชุดดำเขม็ง
กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นน่าจะเป็นบอดี้การ์ดเพราะมีชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่กลางวง ชายคนนั้นมีผมสีดำและดวงตาสีฟ้าสวยงาม
ฉันรู้สึกคุ้นอีกแล้ว
“ไป” ชายตาฟ้าคนนั้นเปรยตามองพวกฉันแวบหนึ่งและเดินไปขึ้นรถหรู จากนั้นพวกเขาก็ขับรถจากไป
“คนพวกนั้นแอบน่ากลัวเนอะ” วารินพูดเสียงเบา
“คราวหน้าก็ระวังสิ”
“เลอา ตรงนั้นมีร้านดอกไม้ด้วย เราแวะไปดูกัน” วารินหันมาเอ่ยชักชวน ดูเหมือนเขาไม่ได้ฟังประโยคเมื่อกี้ของฉันเลย
“อืม ไปสิ” ฉันก็ได้แต่เดินตามเขาไป
และเมื่อเราไปถึงร้านขายดอกไม้พนักงานร้านก็เดินมาต้อนรับ พนักงานคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีผมสีทองและตาสีเขียว
ทำไมฉันรู้สึกคุ้นอีกแล้ว…
“ยินดีต้อนรับครับ อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ” พนักงานหนุ่มถาม
“ผมอยากได้ต้นไม้เล็กๆ ประดับโต๊ะหรือไม่ก็หน้าต่างบ้าน” วารินกล่าว จะว่าไปบ้านที่พวกเราเพิ่งย้ายไปยังไม่มีต้นไม้หรือดอกไม้ประดับสักต้นเลย
“ผมช่วยแนะนำได้นะครับ”
จากนั้นวารินและพนักงานคนนั้นก็เดินเข้าไปเลือกต้นไม้ในร้าน ฉันมองพวกเขาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ฉันเดาว่าในอนาคตอันใกล้นี้วารินจะสั่งกล้วยไม้สีขาวสามต้น กระบองเพชรอีกหนึ่งและเบญจมาศอีกสามต้น และเขาจะขอให้ทางร้านส่งไปให้ถึงบ้าน และจากนั้นวารินก็จะถือดอกกุหลาบมาให้ฉันและพูดว่า…
“ดอกไม้แห่งความรักเหมาะที่จะให้กับคนที่ผมรักที่สุด”
ใช่ ประโยคนี้แหละที่วารินจะพูด
“พูด พูดแบบนั้นฉันก็เขินสิ” ฉันรับดอกกุหลาบที่วารินยืนมาให้ด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันหัวใจของฉันเริ่มเต้นกระหน่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเขินแน่นอน “ว่าแต่สั่งซื้ออะไรไปบ้างล่ะ?”
“ผมสั่งซื้อกล้วยไม้สีขาวสามต้น เบญจมาศอีกสามต้น และกระบองเพชรอีกหนึ่ง ไม่เกินสามวันเขาบอกว่าจะส่งมาให้ถึงบ้าน” วารินตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
“งั้นเหรอ ดีเลย!” ฉันฝืนยิ้มตอบส่วนในใจก็กรีดร้อง
ชัดเลย! มันชัดมาก! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่ถูกเขียนไว้ในนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ ไม่มีผิด!
ฉากลับฉากหนึ่งในนิยาย ปกป้องหัวใจวาริน
หลังฉาก : วาริน
บ่อยครั้งเขาก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องมารับรู้เรื่องราวและความรู้สึกของคนอื่น ความเศร้า ความสุข ความกลัว ความโกรธ ความสิ้นหวัง ความรู้สึกพวกนั้นมักถาโถมเข้ามาในหัวของเขาทุกครั้งที่เขาสัมผัสสิ่งของบางอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและเมื่ออารมณ์ของเขาแปรปรวนเขาก็มักจะทำไฟดับและบางครั้งก็พังข้าวของอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขายังเด็ก นั่นทำให้เขาถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายและเป็นเด็กเสียสติเพราะเขามักกรีดร้องด้วยความกลัวเมื่อได้เห็นสิ่งที่ไม่ต้องการจากการสัมผัสสิ่งของแปลกปลอม
เขาควบคุมมันไม่ได้เขาก็เลยต้องเห็นพวกมัน เขาไม่เคยต้องการพลังเช่นนี้เลยเพราะพลังนี้มันทำให้พ่อแม่ของเขากังวลและ...หวาดกลัว
เพราะอย่างนั้นเขาจึงพยายามซ่อนพลังของตัวเองไม่ให้ใครได้เห็นหรือได้รับรู้ แม้จะต้องเจ็บปวดเพราะพลังที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายเขาก็จะอดทนกับมัน เขาหวังว่าเขาจะได้อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขไร้ซึ่งความกังวลและหวาดกลัว
แต่อุบัติเหตุก็ได้พรากชีวิตของพ่อแม่ของเขาไป นั่นทำให้เขาต้องไปอยู่กับญาติของเขาที่มีแต่ปัญหาชีวิตและไม่แม้แต่จะเต็มใจรับเลี้ยงเขา ทุกวันเขาจะต้องรับรู้ถึงความรู้สึกด้านลบของคนที่เลี้ยงดูเขา นั่นทำให้เขารู้ตัวว่าแสงสว่างนำทางในชีวิตของเขาได้หายไปแล้ว...
เขามีชีวิตอย่างไร้จุดหมาย จิตใจของเขาเริ่มรู้สึกว่างเปล่าและอ้างว้าง เขาจึงยิ้มและยิ้มเพื่อกลบฝังความว่างเปล่าในใจ จนกระทั่งโชคชะตาได้ทำให้เขาได้มีโอกาสพบคนที่เป็นแสงสว่างของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวที่ไม่เคยถูกโชคชะตาเข้าข้าง
“ชื่อวารินเหรอ? ว้าวชื่อเพราะดีเหมาะสำหรับมาเป็นกระเป๋าเงินของฉัน”
เป็นกระเป๋าเงินหมายความว่าเขาจะต้องให้เงินกับเธออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หรือก็คือเขาถูกรีดไถเงิน...ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าเธอคนนี้จะมาเป็นแสงสว่างให้กับเขา
“ทั้งที่มีพลังน่าปวดหัวแบบนั้นแต่วารินก็ยังเป็นวารินอย่างทุกวันนี้ได้ ทั้งอ่อนโยน ใจดี ยิ้มสวย ดูนุ่มนิ่มน่าปกป้อง อ่า...เธอน่ารักจังชักชอบแล้วสิ” ไม่พูดเปล่าเธอยังลูบไปทั่วหน้าของเขาด้วยสีหน้า...ไม่น่าไว้ใจนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ
ทั้งที่มือคู่นี้เคยต่อยปากคนจนฟันหลุดมาแล้วแท้ๆ แต่สัมผัสจากมือของเธอกลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลมและเติมเต็มความว่างเปล่าในจิตใจของเขา
“ดูเหมือนว่าฉันจะตกหลุมรักเธอแล้วล่ะวาริน”
เหมือนกัน...
เพื่อยึดเธอไว้ไม่ให้จากไปเขาจะต้องทำตัวน่ารักและน่าปกป้องอย่างที่เธอต้องการ
“อย่าหวังว่าชีวิตนี้เธอจะหนีไปจากฉันได้!”
คุณก็เช่นกันเลอา ผมจะจับมือคุณไว้ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด
ห้าสิบปีแล้วนับต้องแต่วันสิ้นโลกได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อเอาชนะสงครามกับสัตว์ประหลาดต่างดาวที่กินเวลามายาวนานทหารหน่วยพลีชีพจึงถือกำเนิดขึ้น แต่มีทหารหน่วยพลีชีพอยู่สามคนที่เอาชีวิตรอดมาได้ตลอด พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกนานแค่ไหนและความสัมพันธ์พิเศษที่พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนจะลงเอยไปอย่างไร เรื่องราวกับทหารในวันสิ้นโลกทั้งสามคน #3P #โอเมก้า #อัลฟ่า #วันสิ้นโลก #ต่อสู้ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเป็นเพื่อนตายเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเพศรองของพวกเขาปรากฏ สโนว์ที่แม้จะเป็นอัลฟ่าหญิงแต่ก็ดันพัฒนาไม่สมบูรณ์จนไม่แต่จะสามารถมีอวัยวะของอัลฟ่าได้ ส่วนเพื่อนชายทั้งสองของเธอดันเป็นโอเมก้า แถมเป็นโอเมก้าที่ดุร้ายพร้อมที่จะกดอัลฟ่าไม่สมบูรณ์อย่างเธอด้วย ท่ามกลางสงครามในวันสิ้นโลกนี้จะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เป็นมากกว่าเพื่อนได้หรือไม่?
บทนำ เธอไม่รู้หรอกว่าโลกนักเขียนที่แท้จริงคืออะไร สิ่งที่เธอทำก็คือการเขียนจินตนาการลงไปในกระดาษหรือพิมพ์บนแป้นพิมพ์ เรื่องราวในนิยายของเธอมีผู้คนชอบอย่างมาก พวกเขาติดตามเธอเพราะต้องการอ่านเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจที่ในโลกความเป็นจริงจะไม่มีวันพบเจอ เธอชอบที่พวกเขาชื่นชมและสนุกไปกันมัน เธอเป็นนักเขียนที่ชอบเขียนนิยายเพราะมันจะปลดปล่อยความเครียดของเธอได้ เธอเขียนอย่างต่อเนื่องจนสามารถขายออกเป็นรูปเล่มได้ เธอหากินโดยการเขียนนิยายตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอ นักเขียนที่มีนามปากกาว่า เลล่า หรือชื่อเล่นก็คือ นิรา ก็ได้รับพลังวิเศษ! สิ่งนั้นถูกเรียกว่า God eyes และระบบ Writer มันสามารถทำให้เธอมองเห็นโลกอีกโลกหนึ่งได้โดยการหลับตา มันมีโลกมากมายที่แตกต่างกันออกไป และระบบ Writer สามารถทำอะไรได้มากมายอย่างเช่นแลกเงินหรือไม่ก็ของวิเศษ! พลังพวกนี้มันมีไว้สำหรับนักเขียนโดยเฉพาะ! และได้มีจดหมายจากผู้ที่เรียกตัวเองว่า พระเจ้า ส่งมา จดหมายได้บอกว่านักเขียนผู้ถูกเลือกจะต้องเลือกใครสักคนจากต่างโลกแล้วเขียนบรรยายเรื่องราวชีวิตของคนๆ นั้นให้โลกอีกฝั่งได้อ่าน ยิ่งเรื่องราวชีวิตของคนนั้นมีความน่าสนใจเท่าไหร่ก็จะได้รับค่าตอบแทนมากเท่านั้นและสิ่งที่เธอทำนั้นสามารถช่วยโลกได้อีกด้วย! สรุปง่ายๆ คือมองหาตัวละครที่จะเป็นตัวเอกของนิยายจากนั้นก็ติดตามชีวิตของคนๆ นั้นแล้วเขียนเล่าเรื่องราวออกมาเป็นตัวอักษร! ต่อไปนี้เธอจะกลายเป็นนักเขียนที่บรรยายเรื่องราวชีวิตของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ จากต่างโลก
บทนำ "อยากตาย" เป็นคำพูดของคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวนามฟางเซียนพบกับความลำบากและความเหนื่อยยากของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาแล้ว น้องสาวคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิต แต่เมื่อไม่นานมานี้น้องสาวของเธอก็เพิ่งจะตายไปเพราะโรคร้าย เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นเธอจึงพยายามฆ่าตัวตาย... เธอพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าสิบครั้งด้วยกัน ผลน่ะหรือ? ล้มเหลวน่ะสิ!! ถ้าสำเร็จเธอคงไม่ต้องมานั่งคิดว่าวิธีตายใหม่แบบนี้หรอก!! "ดื่มยาพิษ กรีดข้อมือ โดดน้ำ โดดตึก ขนาดนี้แล้วทำไมฉันยังไม่ตายอีก!! สวรรค์ ไม่สิ นรกไม่อยากรับคนเพิ่มรึไง!! " ฟางเซียนกรีดร้องอย่างหนักราวกับคนบ้า ในตอนนั้นเองบางสิ่งก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ [สวัสดีคุณฟางเซียน ผมคือระบบห้ามฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ไปคุณต้องถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตาย กฎของระบบห้ามฆ่าตัวตายที่หนึ่งคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สองคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สามคือ ห้ามฆ่าตัวตาย] "...." มองหน้าต่างระบบตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ฟางเซียนหันไปหยิบมีดขึ้นมาเตรียมฆ่าตัวตายต่อ แต่จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถที่จะขยับได้อีกราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาควบคุมร่างกายของเธอ [คุณจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้จนกว่าจะมีอายุครบหนึ่งหมื่นปี โปรดเข้าใจด้วย] "เข้าใจมารดาแกสิ!! หมื่นปีเรอะ! ใครจะอยากอยู่นานขนาดนั้นกัน! " [มนุษย์] "เออ! แต่พอดีฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเนปจูน ฉันจะฆ่าตัวตาย!! " [กฎคือห้ามฆ่าตัวตายเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่รอเกิดเต็มแล้ว หากคุณต้องการฆ่าตัวตายคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจแรก เป็นอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด ภารกิจที่สองจะตามมาในอีกร้อยปีต่อมา และอีกหนึ่งร้อยปีต่อไปภารกิจที่สามจะตามมา และอีกร้อยๆ ปีต่อมาภารกิจที่สี่ก็จะตามมา] "....ไปตายซะไอ้ระบบเฮงซวย!! " ....................................................................... ฟางเซียนต้องการที่จะฆ่าตัวตายเพราะมันคือทางที่เธอได้เลือกแล้ว ตายไปทุกอย่างที่ผ่านมาก็จะเป็นเพียงภาพลวงตา เธอจะได้เกิดใหม่โดยที่ใหม่ต้องจำอะไรได้อีก เพียงแค่ตายเธอก็จะได้เห็นโลกใบใหม่แล้ว! แต่ทำไมระบบห้ามฆ่าตัวตายถึงไม่ยอมให้เธอตายสักที!! ขัดขวางการฆ่าตัวตายของเธอไม่พอมันยังลากเธอไปโลกจีนโบราณและบังคับให้เธอรับตัวร้ายในอนาคตเป็นลูกศิษย์!! ใครก็ได้ช่วยฆ่าเธอทีเถอะ!! ในภายหลังฟางเซียนพยายามคิดหาวิธีฆ่าตัวตายมากมาย ...................................................................... ระบบ: กฏที่หนึ่งคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สองคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สามคือห้ามฆ่าตัวตาย คนอยากตาย: ......ระบบเวร!! ระบบ: เพื่อความอมตะคุณต้องฝึกตนเป็นมาร ไม่ต้องห่วงระบบจะเติมทรูให้เอง! คนอยากตาย: ไม่อยากเป็นอมตะโว้ย!! ระบบ: ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน! ระบบมีเงินพร้อมที่จะเปย์คุณ *โปรยเงิน คนอยากตาย: .....
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ