คำโปรย ครูหนุ่มที่ฐานะต่างกันกับอาสาวของลูกศิษย์ ที่หัวใจผูกรักใคร่ วาดฝันถึงทางรักที่สวยงาม แต่ทางรักมีอุปสรรค เมื่อเขาโบยบินไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาด้วยใจที่บอบช้ำ ดั่งพรหมลิขิตกลั่นแกล้ง รอคอยเพียงเธอ จะตามมาสมทบหัวใจ เหมือนไปให้สุดทางสุดเสน่หา ธันยวีร์
เรือนไม้ครึ่งปูนทาด้วยสีขาวและสีน้ำเงินหลังคากระเบื้องสีน้ำตาลหน้าบ้านประกอบด้วยไม้เถาพาดพันเลื้อยระไปตามโครงเหล็กดัด ดอกสีม่วงสีเหลืองแดงหากแต่ตรงกลางแบ่งเป็นถนนให้รถแล่นเข้ามาภายในโรงรถอยู่ชิดขวาติดกับกำแพงรั้วเพราะครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชั้นกลางเมื่อหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของมารดาแล้ว ทั้งสองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนในละแวกนี้นอกจากลุงที่อยู่แถวธัญบุรีแต่ก็ขาดการติดต่อมานานหลายปี
ศรีบังอรนั้นก็เพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน และหล่อนรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าน้องชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายซึ่งกำลังจะจบการศึกษาสมดังที่เขาปรารถนาจะเพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน
“แหม กลับเสียค่ำเชียวนะกัลย์ ”
“เอ้อ มีธุระเรื่องเรียน ครับพี่อร”
เด็กหนุ่มที่ตอบนั้นเขารีบก้มหน้าเพื่อจัดการถอดดึงสายรองเท้าผ้าใบแล้วนำไปวางบนชั้นตามเดิม
“เอ้อแล้วนี่กัลย์หิวมั๊ยพี่จะเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้ทาน” เมื่อฟังแล้วทำให้กัลย์นพส่ายหน้าพลางตบเข้าที่ท้องเบาๆ
“เอ้อไม่ต้องครับกัลย์ อิ่มมาจากข้างนอกแล้ววันนี้ มีเพื่อนเลี้ยงนะครับ”
กัลย์ณพรู้ว่าพี่สาวนั้นห่วงใยเขายิ่งนักเปรียบเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเขาอีกคน แม้จะมีวัยห่างกันถึงสิบห้าปีและภายในบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านเก่าของมารดาได้ตกทอดมาเป็นมรดกเพื่อให้สองพี่น้องได้อาศัยอยู่มันเป็นเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับอดีตสามีก่อนท่านจะตายเพื่อไม่ให้พ่อแตะต้องยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติชิ้นสุดท้าย
เพราะแม่รู้มานานแล้วว่าพ่อเจ้าชู้แอบมีเมียเก็บไว้ตั้งหลายคน และแม่รู้มาตลอดแต่แม่ไม่เคยว่าแต่ลึกข้างในใจแม่นั้นพี่สาวและเขารู้ดีเพราะแม่ตรมตรอมใจนักที่มีสามีซึ่งเป็นบิดาของพวกเขาท่านเป็นแบบนี้
จากนั้นแม่ก็ป่วยกระเสาะกระแสะมานานนับเดือนจนหมอบอกว่าแม่ไม่รอดแน่และหมอได้บอกให้ญาติพี่น้องเตรียมทำใจ
หลังจากนั้นพ่อก็หลบหนีหายและไม่มาดูใจแม่บ้างเลยพ่อเขาใจดำนักอีกทั้งญาติพี่น้องก็ยังค่อนแคะกระทบกระทั่งใส่ว่าพ่อเลวทราม เนรคุณ แม่กระซิบบอกเขาสองพี่น้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะฝากฝัง บุตรชายคนเล็กที่แสนอาภัพให้กับพี่ศรีบังอรลูกสาวคนโตที่เป็นสาวแล้วดูแลเขามารดานั้นไม่คาดหวังกับคนที่เป็นสามี
“แม่ฝากตากัลย์ไว้ด้วยนะอรอย่าทิ้งน้องช่วยดูแลตากัลย์แทนแม่ด้วยนะลูก”จากนั้นท่านก็จากไปอย่างสงบ
ครั้นเมื่อสิบปีผ่านไปเขาหรือกัลย์ณพจากเด็กชายเป็นเด็กหนุ่มคนใหม่ที่มีเค้าของความหล่อเหลาจากใบหน้าที่คมคายและเป็นจุดเด่นเติมเสน่ห์ให้ดูแล้วเจริญหูเจริญตาน่ารักน่าใคร่แก่ผู้พบเห็นในละแวกแถวนี้ ซึ่งมองเห็นเด็กหนุ่มมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแล้วเขาโตขึ้นมาก และหล่อเสียด้วย
เมื่อสาวใหญ่นั้นรูดปิดชายผ้าม่านสีสดด้วยการดึงเข้าหากัน ก่อนที่จะพลบค่ำบ้านหลังนี้ชอบความเป็นธรรมชาติและวันนี้ก็เช่นกัน
“เอ้อ นี่เธอ หิวข้าวแล้วหรือยังล่ะกัลย์”
เสียงถามของศรีบังอรที่มีต่อน้องชายด้วยความห่วงใยสม่ำเสมอ ที่จะคอยถามน้อง เวลากลับจากเรียนมหาวิทยาลัยยิ่งเขาขยันเรียน
“เอ้อ ยังครับ”น้ำเสียงน้อยๆนั้นตอบหากแต่ดวงตาไม่ได้หันมาทางพี่สาวยังคงจดจ่อไปทางอื่นด้วยอยากเล่นสนุกตามประสา
“เพราะว่าขอเล่นก่อนครับแล้วกัลย์จะมากินทีหลัง”
“อ้าว งั้นก็ตามใจเถอะแต่อย่ากลับค่ำมากล่ะพี่เองก็จะทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จเหมือนกัน”
“ครับ”ตอบเพียงเท่านั้นเจ้าตัวก็ปร๋อออกไปทันที
เนื่องด้วยศรีบังอรนั้นหล่อนทำงานเป็นข้าราชการประจำในกระทรวงอุตสาหกรรมในตำแหน่งของเลขาท่านรัฐมนตรีสุทิศสถานที่อยู่ตรงกันข้ามกับร.พ.รามาธิบดีและเขาเคยขับรถแวะไปส่งพี่สาวบ่อยครั้งไปเล่นในที่ทำงาน ช่วงปิดเทอมปลายภาคชั้นมัธยม
สำหรับศรีบังอรนั้นส่วนมากหล่อนเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงแต่ก็เข้าสังคมกับเพื่อนฝูงเป็นบางครั้งที่สนิทสนมไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเสียทีเดียวถึงแม้อย่างนั้นก็ตามหากแต่เรื่องเพื่อนต่างเพศนี่หล่อนค่อนข้างจะปิดกั้นตัวเอง
เพราะเหตุผลอะไรหรือศรีบังอรมีภาระในครอบครัว มีน้องชายที่ต้องดูแลถ้าหากมีแฟนกลัวเขาจะรับตรงนี้ไม่ได้นี่คือเหตุผลของหล่อนเพราะคงจะไปเที่ยวไหนมาไหนยาก และศรีบังอรก็ใช้ชีวิตแบบนี้ จนเคยชินแต่ว่าหน้าตาสวยๆของหล่อนก็ใช่ว่าจะหาคนจีบเกี้ยวไม่ ได้เหมือนกัน ก็มีนะแต่ศรีบังอรก็คัดกรองเพราะหล่อนอยากจะได้คนดีๆมาเป็นคู่ชีวิตเช่นกัน
ซึ่งกัลย์ณพอยากจะให้พี่สาวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีเพราะช่วยเหลือเขามามากแล้วพี่อรควรทำเพื่อตัวเองบ้างเพราะว่าตอนนี้เขานั้นโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วไม่ต้องพึ่งพาพี่สาวเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กชายที่พี่สาวต้องคอยทำให้ทุกอย่าง และในปัจจุบันนี้กัลย์ณพเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายใกล้จะจบแล้วเขาเรียนคณะมนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ
ก็อยากจะเป็นครูสอนเด็กหรือทำงานในบริษัทเอกชนที่เกี่ยวกับทัวร์ท่องเที่ยวหรืองานโรงแรมที่ตรงกับสาขาที่เรียนซึ่งต้องใช้ภาษา ซึ่งกัลย์ณพถือว่าพูดได้แม้จะไม่คล่องแต่สำเนียงเขาได้
คำโปรย เพราะคืนนั้นคืนเดียวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและเธอไปเสียทุกอย่าง จากความรัก กลายสู่ความใคร่ และเป็นความแค้นในที่สุด เมื่อเธอไม่อยากพบเจอเขา แต่พรหมลิขิตก็เหวี่ยงให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ภาพของพิษแค้นเสน่หาในวันวาเลนไทน์จึงหลอกหลอนใจทั้งคู่อีกครั้ง ด้วยรัก ธันยวีร์
คำว่าเมีย” อย่างเธอ เด็กสาวอ่อนต่อโลก “ช่อดมิสา” มีที่มาแบบไม่ขาวสะอาด เพราะถูกอุปถัมภ์โดยหนุ่มใหญ่ อภิวานต์หรือว่าน ที่มีความแค้นแต่อดีตหนหลังระหว่างพ่อแม่ของเธอ คำว่าเมียเลี้ยง” ไม่ต่างจากที่ใครๆกล่าวหา เธอถูกนำมาไว้ที่บ้านสวนเพื่อปรนนิบัติดูแลคุณย่า ผลตอบแทนของเธอที่ได้รับ คือ สติปัญญา คุณค่า และการเอาตัวรอด ท่ามกลางอุปสรรคจากคนรอบข้าง ศัตรูร้าย และเพื่อนที่แสนดี คอยประคับประคองทะนุถนอมให้กำลังใจ ผิดไปจากเขาที่มอบแต่ความเถื่อน เหมือนซาตานร้าย แต่จะทำอย่างไรได้ และไม่อาจปฏิเสธตำแหน่ง ที่เขายัดเยียดให้ ด้วยรัก ช่อดมิสา
เจ้าสาวที่กลัวฝนอย่าง ฝ้ายนิิล นางเอก มีปมความหลังที่เพื่อนถูกคนรักทำร้าย และพี่สาวถูกสามีหลอกลวงปอกลอก ทำให้ตั้งป้อม อคติกับเพศตรงกันข้าม จนเมื่อ พระเอก กริญจน์ เพลบอยหนุ่มเข้ามาในชีวิต ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยเป็นขมิ้นกับปูน เริ่มเปิดรับความรักที่แสนอบอุ่น
ความรักของสองหนุ่มที่ขับเคี่ยวในเกมรัก เมื่อรักนั้นไม่ใช่รักธรรมดา พระเอก ไอยวุธ มองความรักด้วยสติ ความรอบคอบ ไม่เผลอไผลให้กับหญิงร้ายที่พยายามยั่วยวนเขา ผิดไปจากเพื่อนของเขา ที่คลำไม่เป็นหางก็ฟาดดะ ไอยวุธพบรักกับนางเอก ชฏาเดือน เป็นทนายความสาว เขาต้องทนุถนอมเธอ แต่ก็ต้องฝ่าฟันผู้หญิงร้ายที่ต้องการตัวเขา
“เมียขายฝาก” เรื่องราวความรักชุลมุล ที่มาจากความเข้าใจผิด ของนักเขียนหนุ่ม พระเอก “ ปางภู” ร่ำรวย เย่อหยิ่ง งานอดิเรก เล่นการพนันเป็นบางครั้งแก้เครียด ส่วน นางเอก “ ใบฟาง” ประชาสัมพันธ์สาว ที่แฟนหนุ่มนำตัวเธอมาขายให้พระเอก เพราะติดพนัน ความเลวร้าย และเจ็บปวดจึงเกิดขึ้นกับเธอ จึงโทษเขาที่มีส่วนร่วมกับแฟนหนุ่ม เพราะว่าเธอได้กลายเป็นเกมของเขา ที่ขุดบ่อล่อปลาให้เธอเป็นเมียขายฝาก หลังจากความสัมพันธ์คืนนั้น ที่ต้องพัวพันกับเขาทั้งดีและร้าย
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"