“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
แสงทองจากดวงอาทิตย์รำไรที่ปลายขอบฟ้า ท้องฟ้าสีครามสวยสดใสอาบทาไปด้วยลำแสงสีส้มอมทองดูสวยและสดใส บนเนินสูงหลังโรงเรียนมีหญ้าเขียวชอุ่มที่นุ่มละมุน ความอบอุ่นปนร้อนสะท้อนอยู่ที่บนผิวกาย เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายเพราะว่าตอนนี้ไร้ซึ่งสายลมที่เคยเคลื่อนไหว วินเทอร์ ค่อยๆ หุบยิ้มลงช้า ๆ เมื่อความรู้สึกที่แสนหลากหลาย ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอย่างไร ก่อนหน้านี้เธอคว้ากระเป๋านักเรียนแล้ววิ่งมาที่นี่ทันทีหลังจากออดสุดท้ายของวันดังขึ้น เขามาที่นี่เพราะแฟนสาวของตนได้นัดเจอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุย ประจวบเหมาะกับที่เขาเองก็มีเรื่องที่จะคุยกับเจ้าหล่อนเหมือนกัน ก็เลยดีใจมากเพราะว่าห
ลายครั้งแล้วที่เขาพยายามนัดเจอกับคนรักแต่พักหลังมานี้เจ้าหล่อนไม่ค่อยมาเจอเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาว่างและทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ แค่อยู่คนละห้องแต่ไม่รู้ทำไมพวกเขากลับแทบไม่ได้พูดคุยกันเลยเกือบเดือนที่ผ่านมา มีเบอร์โทรและแชทก็แทบไม่ได้คุยกันวินเทอร์ดีใจสุดๆ จึงได้ออกวิ่งอย่างสุดกำลัง ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แต่ทว่า คำทักทายแรกที่อีกฝ่ายพูดให้เธอได้ยินกลับเป็นสิ่งที่เชือดเฉือนหัวใจ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ วินได้ยินผิดไปหรือเปล่า”
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ”
“…..”
วินเทอร์นิ่งงันไปชั่วอึดใจก่อนจะค่อยๆ ระบายรอยยิ้มออกมาให้แล้วส่งเสียงพึมพำในลำคอเบาๆ จนอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยิ้มเต็มใบหน้าแล้วเอ่ยถ้อยคำที่อีกฝ่ายก็ไม่ทันคาดคิดขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
“งั้นเรากลับไปเป็นเพื่อนกันนะ เราโอเค ดีแล้วล่ะที่บอกกันตรงๆ เฮ้ย…เราโอเคจริงๆ ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น วันนี้เธอไม่รักเราแล้วก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าในวันข้างหน้า เธอรู้สึกเงียบเหงาโดดเดี่ยวและไม่มีใคร ให้นึกถึงเรานะ ทุกครั้งที่เธอมองกลับมาเธอจะมีเราอยู่ตรงนี้เสมอ….ลาก่อนนะอบอุ่น”
ไม่รู้ทำไมแต่คนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกและพูดว่าหมดรักกลับรู้สึกเจ็บลึกลงไปในใจ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธอแบบที่เคยทำเสมอมา เป็นรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าฝืดและฝืนมากแค่ไหน ความขมขื่นและหม่นเศร้าแสดงออกมาทางแววตาจนเห็นได้ชัด เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองแล้วคืนคำที่เคยพูดออกไปก่อนหน้านี้ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของใครอีกคนที่รออยู่ เธอก็จำต้องกล้ำกลืนเก็บคำนั้นลงไปถ้าหากว่าเธอเลือกแล้วเธอก็จะไม่ลังเล อบอุ่นหยิบกระเป๋าที่วางไว้ที่พื้นขณะที่รอคนตรงหน้า เอ่ยคำว่าลาก่อนแล้วก็เดินลงเขาไปเงียบๆ วินเทอร์ทิ้งกายลงนอนบนพื้นหญ้าด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง นี่สินะเหตุผลที่อีกคนหายไปตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะหมดรักกันแล้วนี่เองถึงไม่ค่อยอยากมาเจอกันโทรหาก็ไม่ค่อยรับแชทไปก็ไม่ค่อยตอบ ที่จริงคำตอบมันก็มีของมันอยู่แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาแต่เธอกลับเลือกที่จะมองข้ามมันไป เพราะอะไรกันนะ ยิ่งคิดยิ่งทบทวนก็ยิ่งไม่เข้าใจ เธอผิดพลาดที่ตรงไหนกัน แล้วมันมีอะไรมากกว่าคนหมดใจไหมนะ
วินเทอร์นอนมองท้องฟ้าและน้ำตาไหลเงียบๆ ก่อนที่จะนอนตะแคงข้างคุดคู้กอดตัวเองเอาไว้สะอื้นไห้จนตัวโยน เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่รู้ว่าความทรมานนี้จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน เธอรู้แค่ว่าขณะนี้ในทุกๆ ลมหายใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ทำไมคนที่เคยสัญญาว่าจะมีกันและกันตลอดไปถึงเลือกที่จะทิ้งกันไปอย่างง่ายดายนะ เธอไม่รู้อะไรเลย เพราะว่าเธอมีไม่เท่าเทียมคนอื่นหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่าเธอแค่เป็นคนที่ไม่ใช่เท่านั้น ทุกๆ คำถามทุกๆ ความทรงจำค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมาในหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งตอกย้ำให้ลึกลงไปในใจว่าตอนนี้เธอกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งแล้ว กำลังจะจบม. 6 ไปพร้อมๆ กัน เธออุตส่าห์สอบได้มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะอยากให้ไปอยู่ใกล้ๆ ไปเอาความมั่นหน้านี้มาจากไหนกันนะ ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่เคยเอ่ยปากชวนแท้ๆ ดิ้นรนอยากจะไปอยู่ใกล้ๆ เขาพยายามทำงานพาร์ทไทม์ทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะเก็บเงินให้มากพอ เพราะไปอยู่ที่นั่นต้องใช้เงินเยอะถึงแม้บ้านของเธอจะไม่ได้ยากจนขัดสนแต่การรบกวนเงินพ่อแม่มากๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเหมือนกัน
ในขณะที่วินเทอร์รู้สึกเจ็บปวดจนแทบปางตาย ลมหายใจทุกชั่วขณะมีเพียงความปวดร้าว ในใจมีแต่คำถาม ในหัวเต็มไปด้วยคำว่าทำไม คนที่บอกเลิกกันอย่างโหดร้ายอย่างอบอุ่นกลับเดินยิ้มร่าเริงและส่งมือให้ใครอีกคนที่ยืนรออยู่ด้านล่าง ลูกพีชยิ้มรับเปิดประตูรถให้อบอุ่นแล้วก็ขับพาออกไปจากหน้าโรงเรียน
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน
เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในช่วงเปิดเทอมที่ 1 พวกเขาดีใจมากที่ได้กลับมาเจอเพื่อนๆ หลังจากปิดเทอมไปเพราะบางคนก็ไปช่วยงานที่บ้านบางคนก็ไปอยู่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่ และบางคนก็ไม่มีโอกาสที่จะได้มาเจอเพื่อนๆ ทำให้ความคิดถึงนั้นถูกบ่มเพาะเอาไว้ในใจอย่างมากมายเมื่อมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกครั้งของวันแรกในการเปิดเทอมเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็ดังขึ้นไม่มีพัก จนกระทั่งคาบแรกของการเรียนมาเยือนคุณครูเข้ามายืนในห้องแล้วทุกคนก็ยังไม่รู้ตัว ในที่สุดคุณครูก็ต้องยกไม้เรียวขึ้นเคาะกระดานดำเสียงดังและเอ่ยเสียงดุๆ เท่านั้นแหละคนที่จับกลุ่มกันอยู่ก็วงแตกกลับที่ใครที่มัน การเรียนวันแรก ไม่ได้มีอะไรมากเป็นเพียงการปฐมนิเทศและบอกว่าเทอมนี้จะเรียนอะไรมากหรือน้อยยังไงก็เท่านั้น พอตกเย็นวินเทอร์และอบอุ่นก็เดินกลับบ้านด้วยกันเช่นเคย พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็เพราะว่าพ่อแม่ของวินเทอร์อยากให้ลูกได้อยู่อย่างสุขสบาย พวกเขาจึงปรึกษากันแล้วก็เลือกให้พ่อที่เป็นตำรวจออกจากบ้านพักตำรวจหลังจากกู้เงินได้และมาซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่กำลังตั้งท้องแล้วพอได้บ้านหลังนี้มาวินเทอร์ก็คลอดพอดี กลายเป็นว่าทั้งอบอุ่นและวินเทอร์คบกันมาตั้งแต่จำความได้ เติบโตแล้วร่ำเรียนมาด้วยกัน มีความรักและความผูกพันให้กันมากจนกระทั่งความรู้สึกของวินเทอร์ที่มันเปลี่ยนไปจะทนกักเก็บเอาไว้ในใจอีกไม่ไหวจึงได้เอ่ยปากสารภาพรักออกไป
“เป็นแฟนกันนะ”
“วิน…พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”
“รู้สิ เรารักอบอุ่น รักมานานแล้วแต่เราเพิ่งแน่ใจว่ารักที่เรามีให้ไม่ใช่เป็นรักแบบเพื่อนมีเท่านั้น ถ้าหากว่าอบอุ่นรู้สึกเหมือนกัน ส่งมือให้วินนะ”
อบอุ่นจ้องมองคนตรงหน้าและหัวใจสั่นไหว ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวสินะที่รู้สึก คนตรงหน้านี้ที่เพิ่งสารภาพรักและขอคบกับเธอเป็นแฟนเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เหลือเกินที่เพื่อน 2 คนสนิทกันมากตั้งแต่เด็ก จะกลับกลายมาเป็นคนรักกันในวันนี้ จากที่เคยเป็นเพื่อนสนิทก็กลายเป็นคนรักและรู้ใจ ท่ามกลางความยินดีของเพื่อนหลายคนและบางคนก็อิจฉานิดหน่อยเพราะว่า วินเทอร์ค่อนข้างหัวดี เขาฮอตในหมู่สาวๆ อยู่ไม่น้อยด้วยความที่บุคลิกนิ่งๆ ห้าวๆ เล็กน้อย จนตอนนี้เขามีเจ้าของหัวใจไปเสียแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับมีอุปสรรคเพิ่มขึ้น เมื่อวินเทอร์วาดฝันถึงวันที่มีอบอุ่นยืนอยู่เคียงข้างกาย และเขาก็พยายามตะเกียกตะกายที่จะเข้าใกล้ความฝันนั้น เขารู้ดีว่าตนเองเป็นผู้หญิงและไม่มีหลักประกันที่มั่นคงเพราะฐานะไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า ถ้าหากว่าเขาไม่เริ่มพยายามตั้งแต่วันนี้แน่นอนว่าพ่อแม่ของอบอุ่นจะต้องรับไม่ได้ที่ลูกคบกับคนเพศเดียวกันและยังไร้ซึ่งเงินทองและหลักประกันที่มั่นคง เธอจึงพยายามที่จะรับงานพาร์ทไทม์ ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อเก็บเงิน พยายามที่จะสร้างอนาคต และนั่นทำให้เวลาที่เคยมีให้กับคนรักมันน้อยลงไปทุกที เป็นเหตุผลให้คนอื่นสามารถเข้ามาแทรกกลาง ในที่สุดคนที่มาทีหลังก็ชนะใจของอบอุ่นด้วยความใกล้ชิดและเอาใจใส่ โดยที่วินเทอร์ไม่เคยรับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นลับหลังตน อบอุ่นเป็นคนที่ต้องการความรักและความอบอุ่นอยู่เสมอ คนที่บ้านเอาแต่ทำงาน เธอเหงามากพอแล้วและรู้สึกว่าตอนที่เป็นเพื่อนกัน วินเทอร์เอาใจใส่เธอมากกว่านี้ ตอนนี้พอเขาเปลี่ยนไปนั่นก็เป็นเหตุผลทำให้เธอเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน….
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก