คามินทร์หัวเราะออกมาได้นิดหน่อยกับคำพูดของเลขาส่วนตัว แต่ก็เป็นแค่การหัวเราะแห้งๆ ราวกับว่าประชดชีวิตมากกว่าจะรู้สึกขำจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามถ้ามาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาตอนนี้ก็คงจะรู้สึกยิ้มไม่ออกเหมือนกันหมด
“ต่อให้ดื่มกาแฟเป็นสิบแก้วก็คงไม่ช่วยให้ผมหายเครียดหรอก คุณดูสิ่งที่พ่อโยนมาให้ผมทำสิ แม่งเอ๊ย ขอลาออกเลยได้ไหมวะเนี่ย” นักธุรกิจหนุ่มอยากจะลาออกจากการเป็นตนเอง ลาออกจากการเป็นลูกของพ่อให้มันจบๆ ไป แต่คิดว่าต่อให้เขาตาย พ่อก็คงจะตามไปปลุกเขาขึ้นมาด่าอีกอยู่ดี
พ่อเป็นคนแก้ปัญหาไม่สำเร็จเลยทิ้งดิ่งโยนมาให้ลูกจัดการต่อเสียอย่างนั้น แต่ละเรื่องไม่ใช่ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะการคุยกับพวกคนแก่หัวโบราณเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ทั้งหลาย คามินทร์ต้องใช้น้ำอดน้ำทนมากในการไม่โพล่งด่าออกไปทุกครั้งที่คุยกับคนพวกนี้
“ผ่านวันนี้ไปก็ไม่ต้องเครียดแล้วล่ะค่ะ การที่พวกเขายอมตกลงมาคุยนั่นแปลว่ายอมรับข้อเสนอของบอสไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำหน้าตาให้หล่อๆ เตรียมเข้าประชุมเถอะค่ะ” รุจีฉีกยิ้มหวาน พูดให้กำลังใจเจ้านายของเธอเท่าที่จะทำได้ นั่นทำให้คามินทร์พอจะสบายใจขึ้นมาได้บ้างถึงจะแค่เล็กน้อย
ระหว่างรอให้ถึงเวลานัดประชุมคามินทร์ก็จิบกาแฟแก้วที่สี่ของวันไปเรื่อย ๆ คงจะดีถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีอย่างที่รุจีบอก เขาเหนื่อยที่ต้องมาเครียดกับเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่พ่อโยนมันมาใส่หัวมาหลายเดือนแล้ว คามินทร์ก็นอนหลับไม่เคยสนิทเลยสักคืน อยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำเพราะต้องมานั่งคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้จนหัวแทบแตก
เบื้องหน้าของคามินทร์คือนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตอนนี้ เจ้าของบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้า และสปอร์ตคาร์ระดับโลก ส่วนเบื้องหลังของเขาคือทายาทมาเฟียอันดับหนึ่งของเอเชีย ตำแหน่งนี้คามินทร์ไม่ได้ต้องการแต่มันติดตัวเขามาตั้งแต่ที่เกิดมาเป็นลูกชายของ อคิน หัวหน้าแก๊งคนก่อนแล้ว
เมื่อพ่อวางมือความรับผิดชอบ อำนาจทุกอย่างก็ต้องตกมาอยู่ที่คามินทร์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรแดง แต่ปัญหาตอนนี้คือพ่อของเขาดันอยากกลับดำเป็นขาว ปรับเปลี่ยนระบบภายในของการทำมาหากินในแก๊งเสียใหม่ อยากให้ลูกน้องหลายพันชีวิตที่แฝงตัวอยู่ในหลายๆ องค์กร หลากหลายอาชีพทั่วเอเชีย เปลี่ยนมาทำงานสุจริตกัน เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมาเป็นร้อยปีตั้งแต่สมัยปู่ของเขา คนของแก๊งมังกรแดงก็ทำอาชีพเทาๆ กันมาตลอด ถึงจะไม่มีเรื่องของยาเสพติด อาวุธสงคราม ค้ามนุษย์ แต่การส่งออกของหลีกเลี่ยงภาษีก็ไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมาย
แน่นอนว่ามันได้เงินดี พอมาถึงยุคของพ่อของคามินทร์อยากจะปรับเปลี่ยนระบบภายในเสียใหม่แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่มีใครยอม สุดท้ายพอทำไม่ไหวพ่อเลยโยนภาระนี้มาให้เขา คามินทร์เคยเสนอพ่อไปว่าก็ให้ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำมาหากินเองเสียก็จบ แต่ก็เป็นพ่อเองนั่นแหละที่ไม่เห็นด้วยเพราะอยากจะรักษาแก๊งมังกรแดงไว้ ชายหนุ่มอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด
จนท้ายที่สุดเขาก็หาทางออกที่คิดว่ามันคงจะดีที่สุดได้ หลังจากปรึกษากับเพื่อนก็ตัดสินใจเกริ่นเรื่องนี้ให้คนระดับหัวหน้าในหลายๆ สายของแก๊งมังกรแดงได้รู้ พวกนั้นยังไม่มีใครตอบตกลงเสียทีเดียวแต่ก็รับปากว่าจะมาตามนัดในการประชุมวันนี้
เอาเถอะ คามินทร์หวังว่ามันจะไปได้สวย เขาอยากจบเรื่องนี้เต็มแก่แล้ว
***
ภายในห้องประชุมคามินทร์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนคนที่ยืนอยู่ซ้ายมือของเขาคือ บอส เลขาชาย มือขวา คนขับรถ บอดี้การ์ด สารพัดอย่างที่อีกฝ่ายจะเป็นได้ บอสก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คามินทร์ปรึกษาเรื่องนี้ด้วย และก็เห็นตรงกันว่าวิธีนี้แหละดีที่สุดแล้ว
“อย่างที่ทราบกันว่าพ่อกับผมพยายามหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้มาตลอด หาตรงกลางเพื่อให้ความสัมพันธ์ของแก๊งมังกรแดงยังคงอยู่ ผมเคารพลุงๆ อาๆ ทุกคนนะ ไม่อยากผิดใจกับใคร” คามินทร์เกริ่น มองหน้าผู้ร่วมประชุมแต่ละคนที่รุ่นพ่อเขาทั้งนั้น ถึงได้บอกไงล่ะว่าลุงพวกนี้แหละที่เข้าใจอะไรยากที่สุด
อะไรที่เคยทำมาและได้ผลตอบแทนที่ดีอยู่แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยน สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้
“ในเมื่อเราเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ ผมต้องบอกตรงๆ ว่าเม็ดเงินมันคงจะไม่เท่าเดิม” พอคามินทร์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของแต่ละคนออกชัดว่าเริ่มไม่พอใจ ชายหนุ่มเลยต้องรีบยกมือขึ้นมาและพูดต่อ
“แต่ผมมีเงื่อนไขมาเสนอ ผมจะให้อาทั้งสองคนดูแลการขนส่งทางอากาศแถบภาคเหนือทั้งหมด ส่วนลุงอีกสองคนก็ดูแลการขนส่งทางเรือ ครอบคลุมภาคใต้เลยไปจนถึงมาเลเซีย เงินทั้งหมดที่ได้จะเข้ากระเป๋าลุงๆ อาๆ ทุกคนโดยไม่ต้องผ่านผม นอกเหนือจากนั้นก็จัดสรรกันเองว่าจะแบ่งให้ลูกน้องยังไงบ้าง”
ถึงแม้ว่าจะเสียรายได้จากระบบขนส่งทั้งสองทางนี้ไป แต่คามินทร์ประเมินแล้วว่ามันน่าจะคุ้มค่า อย่างน้อยก็แลกมากับการเป็นระเบียบและความเชื่อฟังของคนในแก๊ง ดูเหมือนว่าข้อเสนอนี้ของเขาจะถูกใจทุกคนไม่น้อย พวกเขามองหน้ากันอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด
“ตกลง ถ้าพ่อของหลานยื่นข้อเสนอน่าสนใจแบบนี้มาตั้งแต่แรกก็คงจะคุยกันจบไปนานแล้ว”
“ฮ่าๆ นั่นสิครับ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกัน ผมจะ…” คามินทร์หัวเราะ พูดต่อไปถึงรายละเอียดอื่นๆ โล่งใจอย่างกับยกภูเขาออกจากอกได้ที่ข้อเสนอของเขามันยั่วยวนมากพอ อย่างน้อยคลังสินค้าที่นั่นก็มีคนของเขาคอยเป็นหูเป็นตาอยู่ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องปัญหาการโกงหรือยักยอกภายใน
หลังจบการประชุมที่เครียดที่สุดในชีวิต คามินทร์ก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก หลังจากอมทุกข์มาหลายเดือนในที่สุดก็จัดการปัญหานี้ได้สักที พ่อคงจะภูมิใจในตัวเขาจนน้ำตาไหลเลยมั้ง
“ผมว่าคุณมินทร์ต้องเลี้ยงเหล้าขอบคุณให้คุณเอกกับคุณคิมหน่อยแล้ว” บอสพูดขึ้นเมื่อในห้องประชุมไม่มีใครแล้ว เจ้านายถึงกับปลดเนกไทและพับแขนเสื้อ ท่าทางโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายเดือน
“เอาไว้ค่อยเลี้ยงพวกมันสองคนวันหลัง ผมยังคบกับสองคนนั้นไปอีกนาน วันนี้ผมจะเลี้ยงตัวเองก่อน” คามินทร์พูดติดตลก ตอนนี้ในหัวของเขาคิดแต่ว่าจะต้องไปคลายเครียด ระบายความรู้สึกหนักอึ้งพวกนี้ออกไปจากหัวให้หมด ชายหนุ่มคิดเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาคงจะไม่กลับบ้าน สถานที่แรกคือผับสุดหรูใจกลางย่านธุกิจที่มักจะไปผ่อนคลายเป็นประจำ ส่วนคืนนี้จะไปจบที่ไหนก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคืนนี้
ช่วงค่ำคามินทร์ออกจากบริษัทตรงดิ่งมาที่ผับโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนด้วยซ้ำไป ร่างกายของเขามันต้องการแสงสี เหล้าดีๆ บรรยากาศผ่อนคลายและสาวสวยอีกสักคน แค่นั้นก็คงจะทำให้ความเหนื่อยและความเครียดที่สะสมมาหลายเดือนของเขาหายไปเป็นปลิดทิ้ง