ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
บริษัท เรดดราก้อน สปอร์ตคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด
“บอส กาแฟหน่อยไหมคะ มัวทำหน้าเครียดแบบนั้นดูแก่ลงไปอีกสิบปีเลยค่ะ” เสียงของรุจี เลขาสาวคนเก่งเรียกให้ คามินทร์ หลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าตนเองเหม่อลอยมาพักใหญ่แล้ว ปากกาในมือถูกหมุนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าจากด้ามสีดำเงาๆ ดูสวยแพงแทบจะกลายเป็นดำด้าน
“คุณรุจี วันนี้ผมดื่มกาแฟไปสามแก้วแล้วนะ”
“แหม ลองดื่มแก้วที่สี่ดูเผื่อจะหายเครียดไงคะ”
คามินทร์หัวเราะออกมาได้นิดหน่อยกับคำพูดของเลขาส่วนตัว แต่ก็เป็นแค่การหัวเราะแห้งๆ ราวกับว่าประชดชีวิตมากกว่าจะรู้สึกขำจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามถ้ามาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาตอนนี้ก็คงจะรู้สึกยิ้มไม่ออกเหมือนกันหมด
“ต่อให้ดื่มกาแฟเป็นสิบแก้วก็คงไม่ช่วยให้ผมหายเครียดหรอก คุณดูสิ่งที่พ่อโยนมาให้ผมทำสิ แม่งเอ๊ย ขอลาออกเลยได้ไหมวะเนี่ย” นักธุรกิจหนุ่มอยากจะลาออกจากการเป็นตนเอง ลาออกจากการเป็นลูกของพ่อให้มันจบๆ ไป แต่คิดว่าต่อให้เขาตาย พ่อก็คงจะตามไปปลุกเขาขึ้นมาด่าอีกอยู่ดี
พ่อเป็นคนแก้ปัญหาไม่สำเร็จเลยทิ้งดิ่งโยนมาให้ลูกจัดการต่อเสียอย่างนั้น แต่ละเรื่องไม่ใช่ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะการคุยกับพวกคนแก่หัวโบราณเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ทั้งหลาย คามินทร์ต้องใช้น้ำอดน้ำทนมากในการไม่โพล่งด่าออกไปทุกครั้งที่คุยกับคนพวกนี้
“ผ่านวันนี้ไปก็ไม่ต้องเครียดแล้วล่ะค่ะ การที่พวกเขายอมตกลงมาคุยนั่นแปลว่ายอมรับข้อเสนอของบอสไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำหน้าตาให้หล่อๆ เตรียมเข้าประชุมเถอะค่ะ” รุจีฉีกยิ้มหวาน พูดให้กำลังใจเจ้านายของเธอเท่าที่จะทำได้ นั่นทำให้คามินทร์พอจะสบายใจขึ้นมาได้บ้างถึงจะแค่เล็กน้อย
ระหว่างรอให้ถึงเวลานัดประชุมคามินทร์ก็จิบกาแฟแก้วที่สี่ของวันไปเรื่อย ๆ คงจะดีถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีอย่างที่รุจีบอก เขาเหนื่อยที่ต้องมาเครียดกับเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่พ่อโยนมันมาใส่หัวมาหลายเดือนแล้ว คามินทร์ก็นอนหลับไม่เคยสนิทเลยสักคืน อยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำเพราะต้องมานั่งคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้จนหัวแทบแตก
เบื้องหน้าของคามินทร์คือนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตอนนี้ เจ้าของบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้า และสปอร์ตคาร์ระดับโลก ส่วนเบื้องหลังของเขาคือทายาทมาเฟียอันดับหนึ่งของเอเชีย ตำแหน่งนี้คามินทร์ไม่ได้ต้องการแต่มันติดตัวเขามาตั้งแต่ที่เกิดมาเป็นลูกชายของ อคิน หัวหน้าแก๊งคนก่อนแล้ว
เมื่อพ่อวางมือความรับผิดชอบ อำนาจทุกอย่างก็ต้องตกมาอยู่ที่คามินทร์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรแดง แต่ปัญหาตอนนี้คือพ่อของเขาดันอยากกลับดำเป็นขาว ปรับเปลี่ยนระบบภายในของการทำมาหากินในแก๊งเสียใหม่ อยากให้ลูกน้องหลายพันชีวิตที่แฝงตัวอยู่ในหลายๆ องค์กร หลากหลายอาชีพทั่วเอเชีย เปลี่ยนมาทำงานสุจริตกัน เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมาเป็นร้อยปีตั้งแต่สมัยปู่ของเขา คนของแก๊งมังกรแดงก็ทำอาชีพเทาๆ กันมาตลอด ถึงจะไม่มีเรื่องของยาเสพติด อาวุธสงคราม ค้ามนุษย์ แต่การส่งออกของหลีกเลี่ยงภาษีก็ไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมาย
แน่นอนว่ามันได้เงินดี พอมาถึงยุคของพ่อของคามินทร์อยากจะปรับเปลี่ยนระบบภายในเสียใหม่แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่มีใครยอม สุดท้ายพอทำไม่ไหวพ่อเลยโยนภาระนี้มาให้เขา คามินทร์เคยเสนอพ่อไปว่าก็ให้ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำมาหากินเองเสียก็จบ แต่ก็เป็นพ่อเองนั่นแหละที่ไม่เห็นด้วยเพราะอยากจะรักษาแก๊งมังกรแดงไว้ ชายหนุ่มอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด
จนท้ายที่สุดเขาก็หาทางออกที่คิดว่ามันคงจะดีที่สุดได้ หลังจากปรึกษากับเพื่อนก็ตัดสินใจเกริ่นเรื่องนี้ให้คนระดับหัวหน้าในหลายๆ สายของแก๊งมังกรแดงได้รู้ พวกนั้นยังไม่มีใครตอบตกลงเสียทีเดียวแต่ก็รับปากว่าจะมาตามนัดในการประชุมวันนี้
เอาเถอะ คามินทร์หวังว่ามันจะไปได้สวย เขาอยากจบเรื่องนี้เต็มแก่แล้ว
***
ภายในห้องประชุมคามินทร์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนคนที่ยืนอยู่ซ้ายมือของเขาคือ บอส เลขาชาย มือขวา คนขับรถ บอดี้การ์ด สารพัดอย่างที่อีกฝ่ายจะเป็นได้ บอสก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คามินทร์ปรึกษาเรื่องนี้ด้วย และก็เห็นตรงกันว่าวิธีนี้แหละดีที่สุดแล้ว
“อย่างที่ทราบกันว่าพ่อกับผมพยายามหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้มาตลอด หาตรงกลางเพื่อให้ความสัมพันธ์ของแก๊งมังกรแดงยังคงอยู่ ผมเคารพลุงๆ อาๆ ทุกคนนะ ไม่อยากผิดใจกับใคร” คามินทร์เกริ่น มองหน้าผู้ร่วมประชุมแต่ละคนที่รุ่นพ่อเขาทั้งนั้น ถึงได้บอกไงล่ะว่าลุงพวกนี้แหละที่เข้าใจอะไรยากที่สุด
อะไรที่เคยทำมาและได้ผลตอบแทนที่ดีอยู่แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยน สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้
“ในเมื่อเราเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ ผมต้องบอกตรงๆ ว่าเม็ดเงินมันคงจะไม่เท่าเดิม” พอคามินทร์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของแต่ละคนออกชัดว่าเริ่มไม่พอใจ ชายหนุ่มเลยต้องรีบยกมือขึ้นมาและพูดต่อ
“แต่ผมมีเงื่อนไขมาเสนอ ผมจะให้อาทั้งสองคนดูแลการขนส่งทางอากาศแถบภาคเหนือทั้งหมด ส่วนลุงอีกสองคนก็ดูแลการขนส่งทางเรือ ครอบคลุมภาคใต้เลยไปจนถึงมาเลเซีย เงินทั้งหมดที่ได้จะเข้ากระเป๋าลุงๆ อาๆ ทุกคนโดยไม่ต้องผ่านผม นอกเหนือจากนั้นก็จัดสรรกันเองว่าจะแบ่งให้ลูกน้องยังไงบ้าง”
ถึงแม้ว่าจะเสียรายได้จากระบบขนส่งทั้งสองทางนี้ไป แต่คามินทร์ประเมินแล้วว่ามันน่าจะคุ้มค่า อย่างน้อยก็แลกมากับการเป็นระเบียบและความเชื่อฟังของคนในแก๊ง ดูเหมือนว่าข้อเสนอนี้ของเขาจะถูกใจทุกคนไม่น้อย พวกเขามองหน้ากันอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด
“ตกลง ถ้าพ่อของหลานยื่นข้อเสนอน่าสนใจแบบนี้มาตั้งแต่แรกก็คงจะคุยกันจบไปนานแล้ว”
“ฮ่าๆ นั่นสิครับ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกัน ผมจะ…” คามินทร์หัวเราะ พูดต่อไปถึงรายละเอียดอื่นๆ โล่งใจอย่างกับยกภูเขาออกจากอกได้ที่ข้อเสนอของเขามันยั่วยวนมากพอ อย่างน้อยคลังสินค้าที่นั่นก็มีคนของเขาคอยเป็นหูเป็นตาอยู่ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องปัญหาการโกงหรือยักยอกภายใน
หลังจบการประชุมที่เครียดที่สุดในชีวิต คามินทร์ก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก หลังจากอมทุกข์มาหลายเดือนในที่สุดก็จัดการปัญหานี้ได้สักที พ่อคงจะภูมิใจในตัวเขาจนน้ำตาไหลเลยมั้ง
“ผมว่าคุณมินทร์ต้องเลี้ยงเหล้าขอบคุณให้คุณเอกกับคุณคิมหน่อยแล้ว” บอสพูดขึ้นเมื่อในห้องประชุมไม่มีใครแล้ว เจ้านายถึงกับปลดเนกไทและพับแขนเสื้อ ท่าทางโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายเดือน
“เอาไว้ค่อยเลี้ยงพวกมันสองคนวันหลัง ผมยังคบกับสองคนนั้นไปอีกนาน วันนี้ผมจะเลี้ยงตัวเองก่อน” คามินทร์พูดติดตลก ตอนนี้ในหัวของเขาคิดแต่ว่าจะต้องไปคลายเครียด ระบายความรู้สึกหนักอึ้งพวกนี้ออกไปจากหัวให้หมด ชายหนุ่มคิดเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาคงจะไม่กลับบ้าน สถานที่แรกคือผับสุดหรูใจกลางย่านธุกิจที่มักจะไปผ่อนคลายเป็นประจำ ส่วนคืนนี้จะไปจบที่ไหนก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคืนนี้
ช่วงค่ำคามินทร์ออกจากบริษัทตรงดิ่งมาที่ผับโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนด้วยซ้ำไป ร่างกายของเขามันต้องการแสงสี เหล้าดีๆ บรรยากาศผ่อนคลายและสาวสวยอีกสักคน แค่นั้นก็คงจะทำให้ความเหนื่อยและความเครียดที่สะสมมาหลายเดือนของเขาหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!