/0/22514/coverbig.jpg?v=e2707a30b70f4ee4ee964a8383fb8cfa)
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
ค.ศ. 1989 ประเทศฝรั่งเศส
รถเบนซ์คันหรูสีดำทมิฬ ขับผ่านสวนสาธารณะคิงชิน สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ผลิดอกบานสะพรั่ง ตกแต่งด้วยไฟสลัวหลากสีตามตรีมของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ บ้านของชายหนุ่มมหาเศรษฐีถูกสร้างออกมาห่างจากตัวเมือง และอยู่ติดกับเขตสงวนเพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ แต่ทว่าห้าสิบปีมานี้ รัฐบาลได้จัดสรรให้เขตสงวนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเขาเองก็เพิ่งรู้
คฤหาสน์สีทองอร่ามบนพื้นกว้างหลายร้อยไร่ หญ้าสีเขียวถูกตัดแต่งสวยงาม ต้นโอนอ่อนพัดปลิวไปตามลม เขาสั่งให้คนขับเปิดกระจกรถเลื่อนลง
กลิ่นหอมอ่อนลอยโชยมาจากทุ่งกุหลาบสีขาวในลานใหญ่พิเศษ ปกคลุมคฤหาสน์ทั้งหลัง
เวเฟียส ชายผู้อายุสี่ร้อยกว่าปีในคราบชายหนุ่มหล่อเหลาผิวกายขาวซีด เจ้าของเส้นผมสีแดงเพลิงดวงตาสีรัตติกาลดั่งเจ้าชายผู้ไร้ซึ่งแสงแดดอาจเอื้อมถึง ความร่ำรวยมหาศาลทำให้เขามีบ้านสีทองอร่ามอยู่ทุกประเทศทั่วโลก ผู้บริหารหนึ่งเดียวของธุรกิจเพชร เป็นทั้งเจ้าของเหมืองเพชร โรงงานผลิตส่งออกเพชร รวมถึงเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของโลก แต่นั่นกลับไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขาเพราะนิสัยที่ลึกลับ แสนจะเย็นชา และไม่ใช่มนุษย์ ทำให้เขาไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนได้
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะนายน้อย” เมื่อรถเบนซ์ขับเข้ามาจอดนิ่งอยู่หน้าประตู
สีทองบานใหญ่ คนในบ้านต่างวิ่งกรูเข้ามารอต้อนรับเขา ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผม
สีแดงสง่าก้าวขายาวลงจากรถ หันมองแม่บ้านที่ยืนอยู่หน้าแถว สังเกตเห็นเส้นผมของเธอที่ขาวหงอกเต็มหัวก็ทำให้เขารู้ว่าเธอแก่ขึ้นมากแล้ว
“กลับมาคราวนี้จะอยู่กับพวกเรา...” เธอยังคงพูดถามต่อไป พร้อมสายตาของคนอื่น ๆ ซึ่งคาดหวังว่านายน้อยของพวกเขาจะอยู่ที่นี่นานสักหน่อย
"ตอบไม่ได้" แต่แล้วประโยคนั้นกลับเปล่งออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่งคำตอบจากคนร่างสูงก็พลันสวนกลับไปในทันที
เธอพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะให้แม่บ้านคนอื่นมาช่วยยกของเข้าบ้าน แม่บ้านหญิงชรามองตามเจ้านายของตนกำลังเดินหายลับเข้าไปหยุดอยู่ที่สวนหลังบ้านเพียงลำพัง
ดวงตาสีรัตติกาลมองชื่นชมดอกไม้สีขาวที่มีผีเสื้อโบยบินล้อมรอบกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์เหล่านั้น มือหนาเอื้อมจับสร้อยล็อกเกตสีเทาสวยบนคอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
รุ่งเช้า ณ สวนสาธารณะคิงชิน
ทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิแต่กลับมีหมอกหนา แสงแดดไม่สาดส่อง ชายหนุ่ม
ร่างสูงออกมาเชยชมบรรยากาศในสวนสาธารณะใกล้บ้าน สองเท้าเดินมาหยุด
อยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำขนาดเล็กสีแดงสวย หันไปมองน้ำที่กำลังไหลออกไปอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน ใบไม้ร่วงหล่นลอยบนผิวน้ำ และเงาสะท้อนของต้นไม้รอบข้าง
เกิดเป็นแสงระยิบระยับกระทบดวงตาสีรัตติกาลของเขา ลมเบาบางพัดสัมผัส
เส้นผมสีแดงสดให้ปลิวไสว เขายืนนิ่งเหม่อมองแม่น้ำ จนกระทั่งมีชายหนุ่มอีกคน
ที่กำลังวิ่งเหยาะ ๆ ผ่านมา ดวงตากลมโตสีฟ้าใสหันมองชายเส้นผมสีแดงที่ยืน
อยู่บนสะพานสีเดียวกันนี้
'เส้นผมของเขามีสีแดงสด โดดเด่นรับกับสันจมูกโด่ง และใบหน้าหล่อของเขา ทำไมเด็กสมัยนี้โตไวจังเลยนะ’ สีแดงภายในดวงตาเด่นชัดบนนัยน์ตา
สีฟ้า ดั่งไฟกับน้ำที่ตัดกันอย่างชัดเจน โอเชี่ยนคิดในใจ เขายังคงก้าววิ่งสายตาไม่ได้มองทางเพราะมัวแต่จับจ้องเด็กหนุ่มคนนั้น
โครม!!!
‘วันนี้ผมจะเจอเรื่องซวยอะไรอีกไหมนะ ซุ่มซ่ามตั้งแต่เช้าเลย’ ความไม่ระมัดระวังทำให้เขาไถลลงไปกับทางต่างระดับ คนล้มลงไม่ร้องออกมาแม้สักนิด แต่กลับบ่นตัวเองอุบอิบอยู่ภายในใจ
หลังจากล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า เขาก็รีบมองสำรวจตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับชายหนุ่มที่หันมามองจ้องเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าหล่อหันมามองก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง เขายังคงค้ำแขนอยู่ที่สะพานก่อนจะถอยออกมาแล้วก้าวขายาวเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของโอเชี่ยน นัยน์ตาสีรัตติกาลถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างเผลอตัวเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า ความอ่อนโยน ห่วงหา ความดีใจเหล่านั้นถูกกลบทับด้วยความเศร้า มือเรียวของคนด้านล่างเอื้อมออกไปเพราะคิดว่าชายหนุ่มต้องมาช่วยเขาแน่
“เป็นอะไร”
'ผมคิดว่าเขาจะช่วยพยุงผมสักหน่อยแต่ว่า... ผมคงคิดผิดไปเอง' ไม่เพียงไม่ยื่นมือออกมาช่วยพยุง เขายังเอามือสอดเข้าไปในกางเกงทั้งสองข้าง แล้วเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับดูคล้ายเป็นการตอกย้ำว่าคนด้านล่างซุ่มซ่ามมากแค่ไหน
“ผมไม่เป็นไร ผมสบายดี” คนตัวเล็กเจ้าของเส้นผมสีชมพูเห็นพฤติกรรมของเด็กหนุ่มก็ถึงกับคิ้วขมวดเล็กน้อย มือเรียวถอยเลื่อนกลับลงมาด้วยความ
เขินอาย รีบลุกขึ้นปัดฝุ่นบนตัวเล็กน้อย พร้อมรีบกล่าวปฏิเสธ
‘เป็นเด็กที่ดูดีจริง ๆ มองใกล้ ๆ เขายิ่งหล่อกว่าเดิม’
ส่วนสูงที่ห่างกันเพียงสี่เซนติเมตร เป็นความพอดีของระยะสายตาเมื่อ
คนทั้งคู่มองสบประสานกัน คนร่างสูงยืนนิ่งไม่พูดอะไรดวงตาสีรัตติกาลหางตาคมเฉี่ยวจ้องมองคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่ละสายตา ทำเอาโอเชี่ยนทำตัวไม่ถูก
“หน้าของนาย สีตาของนาย...” เด็กหนุ่มพึมพำออกมา
'เขามองหน้าผมอยู่จริงด้วย ตั้งแต่ตอนล้มเมื่อกี้แล้ว' โอเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ
“มีอะไรติดหน้าของผมงั้นเหรอครับ” มือเรียวข้างหนึ่งยกจับที่ข้างแก้มของตัวเอง
“ไม่มีอะไร”
“ดะ... เดี๋ยวสิ” โอเชี่ยนร้องตามหลัง คนร่างสูงที่ก้าวเดินลับหายไปอย่างรวดเร็วไม่ทันให้เขาได้วิ่งตามไป คนถูกทักเรื่องใบหน้าจึงรีบหยิบโทรศัพท์เปิดกล้องขึ้นส่องมองหน้าเรียวของตัวเอง
“ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยนี่นา” หลังจากมองดูแล้วไม่พบสิ่งที่แปลกไปจึงเลื่อนโทรศัพท์ลงด้วยความงุนงง เขาได้แต่บ่นพึมพำออกมา
คฤหาสน์สีทอง
ชายเส้นผมสีแดงเจ้าของบ้าน เปิดประตูเข้าห้องนอนของตัวเองก่อนจะทิ้งกายใหญ่ลงนอนบนเตียงใหญ่สีเพลิง ภาพในหัวปรากฏผู้ชายร่างบางเจ้าของดวงตาสีฟ้าทะเล ใบหน้าน่ารักสวยหวาน เส้นผม และผิวกายคนนั้น ที่ทำให้เขาก้าวเข้าหาคนแปลกหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เวเฟียสวางหลังมือขึ้นปิดเปลือกตาก่อนจะเผลออมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
'ทำไมถึงรู้สึก... มีความสุข'
1 สัปดาห์ต่อมา
ครืด ครืด
"ฮัลโหล” คนมือหนากดรับโทรศัพท์สายหนึ่งที่โทรเข้ามา
“สวัสดีครับคุณคิงเวเฟียส ยินดีต้อนรับกลับนะครับ วันนี้จะแวะเข้ามาตรวจงานใช่ไหมครับ”
“อืม” คุณคิงเวเฟียสที่ปลายสายกล่าวเรียก ตอบกลับเสียงเรียบตามบุคลิกของเขาก่อนจะตัดสายไป
14.00น.
"จริง ๆ ไม่ต้องลำบากนายท่านลงมาจากรถหรอกนะครับ" น้ำเสียงของชายมีอายุคนหนึ่งดังขึ้นจากทางเบาะหน้า เขาก้าวออกจากรถพร้อมกับหยิบร่ม
สีดำคันใหญ่รีบวิ่งมาเปิดประตูพร้อมกางออกให้กับนายท่านของเขา
ชายหนุ่มสวมแว่นตาสีดำเดินลงจากรถโดยมีเลขาพยายามก้าวไวตามมา และคอยระวังผิวกายของนายท่านที่เขาเรียกนั้น ไม่ให้กระทบแสงแดดแม้แต่น้อย
"ที่นี่คือที่สุดท้ายแล้วล่ะครับ เขาเพิ่งมาเช่าใหม่เห็นว่าติดท็อปร้านอาหารยอดนิยมประจำปี ผมว่าจะซื้อฝากภรรยาสักหน่อย" เมื่อทั้งคู่ก้าวหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เลขาจอร์นพูดยิ้ม ๆ แล้วหุบร่มลง
"สวัสดีค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ รับอะไรดีคะ" เปิดเข้ามาภายในร้าน
มีพนักงานต้อนรับกล่าวทักทาย ร้านเรียบหรูโทนสีฟ้า กว้างขวาง และถูกออกแบบสวยงามน่าใช้บริการ
"เจ้าของร้านอยู่ไหมครับ" เลขาจอร์นกล่าวถามพนักงานสาว
"เชฟเข้าครัวอยู่ค่ะ ต้องการพบใช่ไหมคะ"
"ครับ เดี๋ยวผมสั่งอาหารไปด้วยเลย นายท่านสั่งอะไรไปทานด้วยไหมครับ" เลขาตอบรับพนักงานพร้อมทั้งหันกลับมาถามเจ้านายของเขาที่นั่งกอดอกพิงเก้าอี้ ไม่พูดอะไร แต่แล้วเลขาจอร์นก็ต้องยิ้มแห้งเพราะรู้ตัวว่าพูดผิดไป เลยลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย กลัวคนตรงหน้าจะโกรธ
"ขอโทษด้วยครับ" เลขาจอร์นกล่าวขอโทษ และหันไปสั่งอาหารที่มียอดขายดีอันดับหนึ่งของร้านไปหลายรายการ พร้อมแจ้งเรื่องธุระไปเรียบร้อย
ห้องครัว
"เชฟคะ ออเดอร์ล่าสุดลูกค้าแจ้งว่ามาเรื่องสัญญาเช่าค่ะ" หญิงสาวเปิดม่านเข้ามาด้านใน ตะโกนบอกเจ้าของร้านที่ง่วนกับการทำอาหารอย่างตั้งใจ
"ขอบคุณครับ แจ้งเขาว่าผมจะออกไปพร้อมกับอาหารชุดนี้"
"รับทราบค่ะ"
40 นาทีต่อมา [Talk Ocean]
เจ้าของร้านถอดชุดเชฟสีขาวสะอาดออก ก่อนจะเดินมาที่โซนหน้าร้าน แวะพูดคุยกับพนักงานเล็กน้อย
ชายหนุ่มนั่งมองสำรวจรอบร้านกว้างโทนสีฟ้าอ่อน ก่อนจะหันไปเห็น
คนที่คุ้นหน้าคุ้นตา คนตัวเล็กเส้นผมสีชมพูสดใส ยืนพูดคุยออกคำสั่งพนักงานด้วยสีหน้าจริงจัง สลับกับยิ้มแย้มดูเป็นมืออาชีพ รอยยิ้มของเขาสดใสจนทำให้คนที่กำลังจ้องมองแทบละสายตาไม่ได้
"ให้เขาเซ็นสัญญาระยะยาวที่ยอดเงิน 0 ยูโรแล้วไม่ต้องบอกว่าฉันมาด้วย" คนร่างสูงออกเสียงสั่งตามใจตน ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือหนาคว้าร่มดำ
เดินออกไปจากร้านในทันที
“ทำไมล่ะครับนายท่าน?” เวเฟียสไม่สนใจเสียงร้องถามของเลขาจอร์นแม้แต่น้อย ทิ้งไว้เพียงความงุนงง เลขาหันไปมองตามนายของตัวเองที่เดินออกไปจากร้าน
‘เมื่อกี้เขาพูดผิดหรือผมฟังผิดกันแน่ ศูนย์ยูโรเนี่ยนะ เขาจะได้อะไร?' สถานการณ์พลิกผัน และพฤติกรรมของเจ้านายที่แปลกไปจากที่เคย ทำให้ชายสูงวัยแบบเขาไม่สบายใจเพราะกลัวที่จะทำงานผิดพลาด เลขาจอร์นได้แต่คิดก่อนจะหลุดจากภวังค์เมื่อมีเสียงชายหนุ่มอีกคนกล่าวทักทาย
"สวัสดีครับ คุณจอร์นทำไมมาคนเดียวล่ะครับ ไหนว่าเราจะเซ็นสัญญากันไม่ใช่เหรอครับ" ผมเดินเข้ามาเห็นเขานั่งอยู่คนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาแจ้งว่าจะมีการเซ็นสัญญาฉบับจริงเมื่อเจ้านายของเขามาด้วย
"ครับคุณโอเชี่ยน พอดีนายท่านติดประชุม เขาแจ้งว่าให้คุณเซ็นสัญญาฉบับนี้ได้เลยครับ" เลขาจอร์นพูดขึ้นพร้อมจัดวางเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าของผม
"คือว่า...ยอดเงินผิดหรือเปล่าครับ" ผมมองจ้องที่ช่องตัวเลขอยู่ครู่ใหญ่ มันมีเพียงตัวเลขกลม ๆ หนึ่งหน่วยในช่องประนั้น
"ถูกแล้วครับ" เลขาจอร์นยิ้มบาง ๆ ให้กับผม
‘มีแบบนี้ด้วยเหรอ ให้เช่าตึกฟรี’
“มันจะดีเหรอครับ ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ”
“ผมแค่ทำตามหน้าที่ครับ เรื่องเหตุผลผมไม่ทราบ อย่าทำให้ผมเดือดร้อนเลยนะครับ” เจ้าของเส้นผมสีหวานนั่งนิ่งไป เพราะไม่เคยเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อน และคิดไปว่ามันจะเป็นผลดีกับธุรกิจของเขาในระยะยาวจริง ๆ งั้นเหรอ
“นายท่านรวยมาก เขาอาจจะอยากช่วยคุณ ยังไงก็ช่วยลงนามให้ผมด้วยนะครับ” เลขาจอร์นสังเกตเห็นความกังวลของโอเชี่ยนจึงพูดเพื่อให้เขาสบายใจ แม้ตนจะไม่รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงด้วยเช่นกัน
'ไม่เซ็นคงไม่ได้ เลขาจอร์นเขาจริงจังกับงานไม่น้อยเลย' โอเชี่ยนเซ็นชื่อลงก่อนจะเลื่อนกระดาษส่งคืน'
“ขอบคุณครับ เรื่องสัญญาเรียบร้อยแล้วนะครับ” ชายในชุดสูทรีบจัดเก็บเอกสารใส่ซองทันที
"ขอบคุณที่มาอุดหนุนทางร้านของเรา ยังไงเมนูนี้ผมฝากให้เจ้านายของคุณลองชิมด้วยนะครับเป็นเมนูใหม่ที่ผมทดลองทำ" โอเชี่ยนกล่าวขอบคุณพร้อมยื่นถุงอาหารให้กับเขา
‘ผมไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาเป็นคนยังไง ทำไมรูปแบบสัญญาดูเหมือนจะเป็นผมที่ได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว หรือเขาอาจจะเป็นคนที่ใจดีมากคนหนึ่งนะ’
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด