/0/22510/coverbig.jpg?v=5fa11de78ffe83679c19adcaeeeb8126)
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
คริสต์ศักราช 1973 ประเทศนอร์เวย์
สวัสดีครับ ผมชื่อ เรย์ ซิลวาเพิร์ต เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอ็กซ์ ปัจจุบันผมอายุสิบแปดปี วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ หลังจากที่ได้เดินดูรอบมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่จะมีความพิเศษอะไร พื้นที่เขรอะไปด้วยคราบสีดำ บอกให้รู้ว่าไม่ได้มีการขัดทำความสะอาดมานาน โรงยิมนี้มืดมิดไร้แสงไฟเข้าถึง ห้องน้ำก็เขรอะไปด้วยรอยวาดขีดเขียนจากพวกมือบอน แต่เพราะพ่อตัดสินใจพาผมย้ายจากประเทศจีนมาที่นอร์เวย์ ผมก็คงต้องพยายามอย่างมากกับการปรับตัวให้ชินกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มันคงเป็นอะไรที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตวัยเด็ก โลกของผู้ใหญ่กำลังรอผมอยู่ ผมยังรู้สึก ...ไม่อยากโตเลยแฮะ
ตกเย็นหลังจากที่ปฐมนิเทศเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านของผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสักเท่าไร แต่คุณเมสันพ่อของผมก็ยังขับรถมารับ
“วันแรกเป็นยังไงบ้าง” พ่อเอ่ยถามหลังจากที่ผมขึ้นมานั่งบนรถ ผมพยายามทำตัวเหมือนว่าตื่นเต้นกับมัน เพราะถ้าจะบอกว่าไม่ชอบที่นี่เลย พ่อคงจะรู้สึกอึดอัด
“มันรู้สึกสุดยอดมากเลยครับ แว็บแรกที่เห็นนึกว่ามหาฯ ลัยร้างซะอีก” ถึงแม้จะบอกว่าสุดยอด แต่ก็ยังติดตลกว่าเหมือนมหาวิทยาลัยร้าง ทำเอาผู้เป็นพ่อถึงกับหัวเราะลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่า... มหาฯ ลัยนี้มันมีมาตั้งแต่รุ่นปู่เราแล้วอะเนอะ”
“เอาจริง ๆ พ่อไม่จำเป็นต้องมารับผมก็ได้ บ้านเราก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“พอดีวันนี้พ่อว่างน่ะ”
เมสันกำลังขับรถกลับบ้าน สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยป่าที่หนาทึบ วันนี้หมอกค่อนข้างหนา บรรยากาศน่านอนสุด ๆ แต่แล้วก็มีชายคนหนึ่งเดินพุ่งพรวดออกมาจากป่า เรย์มองจ้องไปที่ชายคนนั้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ย และได้เห็นเขาทรุดตัวลงนอนกองอยู่ข้างถนน
“พ่อ! จอดรถก่อนครับ ตรงนั้นมีคนได้รับบาดเจ็บ” เรย์ตกใจพูดบอกพ่อเสียงดังลั่น ทำให้พ่อหันไปมองที่คนเจ็บ ก่อนจะเหยียบเบรกเพื่อจอดรถอย่างกะทันหัน
ผมกับพ่อรีบลงไปดูชายคนนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ คือพ่อโยนเครื่องเงินบางอย่างไปบนตัวเขา
“นี่พ่อทำอะไรน่ะ พวกเราต้องรีบช่วยเขานะ!” พ่อไม่ตอบรับ เขายังคงมองไปที่ชายคนนั้นก่อนจะหยิบมีดพกประจำตัวที่ผมเห็นอยู่บ่อยครั้งออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้าป่าไป ทิ้งให้ผมอยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนจมกองเลือดเพียงลำพัง
‘แล้วผมต้องทำไงดีล่ะ สถานการณ์แบบนี้มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก’
...เรย์ได้แต่มองตามเมสันที่วิ่งเข้าป่าไปเพื่อสำรวจโดยรอบ...
“นี่นาย อย่าเป็นอะไรไปนะ ตั้งสติเข้าไว้”
ผมค่อย ๆ นั่งลงข้างคนเจ็บ มือข้างหนึ่งจับประคองคนร่างหนาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้ผมทำได้แค่เพียงเรียกสติของชายแปลกหน้าที่ดวงตาริบหรี่ใกล้ปิดสนิทไม่ให้หลับไป และในขณะนั้นพ่อก็วิ่งออกมาจากป่าข้างทางด้วยท่าทีที่รีบร้อน
“เราต้องรีบพาเขาออกไปจากที่นี่” ผมเห็นด้วยกับคำพูดนั้น พวกเราจึงช่วยกันพยุงเขาขึ้นรถ และกลับบ้านในทันที
บ้านของเรย์
เรย์มองดูชายตรงหน้าที่หลับสนิท นิ้วมือยาวเริ่มถอดเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยไม่เป็นชิ้นของเขาออกทั้งหมดก็อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นบาดแผลบนกายใหญ่นั้น
‘นี่เขาไปถูกใครทำร้ายมากันนะ? อาการของชายคนนี้แย่มาก สภาพมอมแมมคล้ายไปฟัดกับหมาที่ไหนมา แต่บาดแผลนั้นลึกและเป็นรอยยาว ทั้งบนแผ่นหลัง หน้าอก แขนและขา’ เรย์เริ่มปฐมพยาบาลโดยการใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้เขา
จนทั่วทั้งตัว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้องของชายหนุ่มผู้ให้การช่วยเหลือ หลังจากที่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลเสร็จจึงเริ่มทายาแดง เสร็จสรรพก็นำผ้าก๊อซมาพันแผลเอาไว้ แต่แผลบนร่างกายของชายแปลกหน้ามีเยอะมาก ทำให้ผ้าก็อซที่มีอยู่นั้นไม่พอ เมสันจึงอาสาออกไปซื้อให้
‘ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นตอนไหน หากฟื้นแล้วผมถึงจะนำตัวเขาส่งรักษาได้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร เห็นเป็นเพียงวัยรุ่นผู้ชายที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกันกับผม’
ชายร่างหนาตรงหน้ายังไม่ลืมตา เขามีอาการหนาวสั่น นอนขดตัวอยู่บนเตียงนอน เรย์จึงเดินไปหยิบผ้าห่มหนาอีกผืนจากตู้มาห่มให้เขาอีกชั้น แต่ทว่า...
“กูจะฆ่าพวกมึง!?”
พึ่บ!!! ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงที่เกรี้ยวกราดของชายคนนั้นทำให้เรย์ตกใจมาก เพียงแค่ปลายนิ้วของเรย์สัมผัสโดนตัวเขา ก็โดน
ล็อกคอให้ลงไปนอนราบบนเตียง โดยที่คนตัวใหญ่กว่าขึ้นมาทับอยู่บนตัว ใบหน้าหล่อคมนั้นซุกอยู่ที่ซอกคอของคนตัวเล็กกว่า ลมหายใจร้อนของคนบนร่างกระทบต้นคอจนเรย์รู้สึกจั๊กจี้
‘นี่เขานอนละเมอออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยสักนิดงั้นสินะ’
“ตัวหนักชะมัดเลย” เรย์ค่อย ๆ ผลักตัวเขาออก ดวงตาสีน้ำเงินครามพลางมองดูผู้ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้า เปลือกตาของเขาปิดสนิท แพรขนตาดำยาว เส้นผมสีดำเทารับกับจมูกโด่งใบหน้าคมคายได้รูปทำให้เรย์ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ
‘ทั้งที่เสียเลือดเยอะขนาดนี้ เขายังดูดีอยู่เลย’
เรย์เบนสายตาจากชายตรงหน้าแล้วเริ่มเก็บทำความสะอาดห้องนอนของตนเอง นำสิ่งของเปื้อนเลือดใส่ถุงแล้วเดินลงมาทิ้งขยะด้านล่าง
ผมไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ และคนเจ็บจะตื่นขึ้นมาตอนไหน เลยทำเมนูง่าย ๆ เป็นข้าวต้มหมูหม้อใหญ่ตั้งไว้กลางโต๊ะอาหาร ก่อนจะนอนดูทีวีอย่างสบายใจที่โซฟานิ่มด้านล่าง เพราะผมไม่อยากไปนอนเบียดกับคนแปลกหน้าข้างบนห้อง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป [Talk …]
“ปวดตัวชะมัด” กลิ่นหอมของอาหารทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมลืมตาขึ้นช้า ๆ พลางมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องสี่เหลี่ยมนี้ ทุกอย่างที่เห็นมันดูแปลกตาไปหมด แถมยังมีกลิ่นของคนที่ไม่คุ้นเคย พอมองดูดี ๆ ถึงได้สติว่านี่มันไม่ใช่ห้องของผม
จ๊อก...
เมื่อท้องร้องโครกครากเสียงดัง ผมเริ่มรู้สึกหิวทันทีจึงค่อย ๆ พยุงตัวเองเดินตามกลิ่นของอาหารไปที่ชั้นล่างแต่ไม่พบใคร มีเพียงเมนูแปลกตาเป็นข้าวใส่ผัก และมีชิ้นหมูเล็กผสมอยู่ในหม้อใหญ่ที่ถูกวางอยู่ตรงกลางโต๊ะ ผมสูดดมกลิ่นอาหารไปหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนจะจัดการข้าวต้มหมูตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยในห้องครัวที่มืดมิด
ง่ำ ๆ แกรก ๆ
เรย์เผลอนอนหลับไป แต่เริ่มรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างตรงบริเวณโต๊ะอาหาร จึงค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะหาอาวุธที่อยู่ใกล้มือมากที่สุด และเดินย่องเข้าไปในห้องครัว ดวงตาสีน้ำเงินเห็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ด้านใน แผ่นหลังกว้างที่ไม่คุ้นตาทำให้เรย์แน่ใจว่าเป็นคนร้ายแน่ ๆ ที่มานั่งทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ในความมืดแบบนี้
ผมที่หิวโซกินข้าวต้มหมูจนเกือบจะหมดหม้อแล้ว แต่ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง ทำให้รู้สึกถึงจิตสังหารที่คืบคลานเข้ามา
‘จะฟาดให้ตายเลย’ เรย์คิดในใจก่อนจะง้างมือขึ้นสูง
“นี่แน่ะ ไอ้โจรตายซะ!!!” เสียงตวาดดังมาจากด้านหลัง พร้อมอาวุธบางอย่างที่พุ่งมาทางผม
ดีที่ผมยังไหวตัวทัน แต่ยังคงโดนไม้กวาดฟาดเข้าให้สองสามที เด็กหนุ่มที่ถือไม้กวาดเป็นอาวุธไม่มีทีท่าว่าจะถอยและวางไม้นั่นลง ผมคงต้องเผ่นก่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบหม้อข้าวต้มมาด้วย
..เมนูนี่ผมไม่เคยกินมาก่อน แล้วมันยังอร่อยมากด้วย..
คนบาดเจ็บใช้มือข้างหนึ่งเปิดหน้าต่าง และกระโดดออกมาจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย เจ้าหัวขโมย เอาหม้อคืนมา!” เรย์ตามไปไม่ทัน เขากระโดดออกหน้าต่างหายไปพร้อมกับหม้อข้าวต้มหมูแล้ว
“นี่มันอะไรกัน? แล้วชายคนนั้นล่ะ!” เรย์ตั้งสติได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง จึงพบว่าชายคนนั้นหายไป
“ทั้งที่บาดเจ็บหนักขนาดนั้น แล้วตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้วแท้ ๆ ทำไมยังต้องหนีอีก” เสียงแห่งความสงสัยถูกเปล่งออกมา หัวคิ้วทั้งสองของเรย์ชนเข้าหากัน
เมสันเพิ่งกลับมา เขาถือถุงยาและผ้าก็อซเดินมาถึงตรงทางขึ้นบันได แต่สังเกตเห็นหน้าต่างถูกเปิดออกทั้งได้ยินเสียงเรย์ดังมาจากข้างบนพอดี
“เกิดอะไรขึ้น” เมสันรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบน เมื่อมาถึงห้องของเรย์ก็มองเตียงที่ว่างเปล่า และเข้าใจได้ในทันทีว่าชายคนนั้นหนีไปแล้ว
"เดี๋ยวพ่อกลับมา" เมสันโยนถุงยาในมือทิ้งไว้บนเตียงของเรย์ ก่อนจะออกไปสำรวจรอบ ๆ บ้าน
มหาวิทยาลัยเอ็กซ์ [Talk Ray]
“สวัสดีนักศึกษาทุกคน ตามธรรมเนียมของเรา ทุกคนจะต้องมีคู่บัดดี้ เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือกัน อาจารย์จะเรียกให้มาจับฉลาก แล้วให้นั่งโต๊ะคู่กันกับบัดดี้ของตัวเอง ส่วนเรื่องสายรหัสก็รับคำใบ้จากพี่รหัสของตัวเอง แล้วไปตามหากันเอาเองนะจ๊ะ” อาจารย์เอ่ยเสียงดังฉะฉานอยู่ที่หน้าห้อง และเมื่อจบคำก็หันมาเรียกผมเป็นคนแรก
“มาจ้ะ เรย์” ผมเดินออกไปหน้าชั้นเรียน ส่งมือลงไปในกล่องกระดาษสีดำ และควานหาชื่อคู่บัดดี้ของผม แต่ก็หวังว่าผมจะไม่โชคร้ายนะ
“เวเฟียสครับ” อาจารย์ชี้นิ้วไปทางเจ้าของชื่อ สายตาของผมเลื่อนไปจับจ้องผู้ชายคนนั้น เขามีเส้นผมสีแดงสด ผิวขาวซีด ริมฝีปากอมชมพูจนเกือบแดง
‘ดูโดดเด่นมากจริง ๆ เขาดูมีอะไรบางอย่างที่แตกต่าง ทำให้ผมจ้องเขาอยู่สักพักเลยล่ะ’
“นายคือเวเฟียสสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมหอบข้าวของไปนั่งข้างชายผมแดง แต่เขากลับไม่มีท่าทีใส่ใจอะไรผมเลย
“อืม” มีเพียงการตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของเขา มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่อยากมีบัดดี้เป็นผม
วิชาพละ
โรงยิมเก่า ๆ แบบนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อถูกซ่อมแซมทำความสะอาดเท่านั้นแหละ ไม่พ้นจะต้องเป็นหน้าที่ของนักศึกษา ผมสงสัยว่ามหาวิทยาลัยไม่มีเงินจ้างภารโรงหรือแม่บ้านเลยหรือไง แล้ววิชาพละของผมก็กลายเป็นวิชาทำความสะอาดไปซะงั้น
“ช่วยด้วย! เพื่อนโดนสังกะสีบาด” เสียงตะโกนร้องจากทางหลังโรงยิมดังขึ้น ผมที่กำลังถูพื้นอยู่ด้านในโรงยิมกับเวเฟียส โยนไม้ถูพื้นในมือทิ้งไป ทุกคนพากันวิ่งกรูไปดูยังจุดเกิดเหตุ เพื่อนคนหนึ่งในห้องโดนสังกะสีหล่นใส่ที่ขา จนเกิดแผลลึกเหวอะหวะน่ากลัว เลือดไหลอาบท่วมขาและเปื้อนพื้นไปหมด
‘นี่มัน… ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วเนี่ย เฮ้อ’
ผมก้าวไปนั่งลงข้าง ๆ คนเจ็บ
“ขอผ้าสะอาดและเปลผู้ป่วย ด่วนครับ!” ผมพูดคล้ายออกคำสั่ง ให้เพื่อนที่เหลือช่วยกันจัดแจง เพื่อน ๆ ต่างช่วยกันตามที่ผมบอก และไม่นานก็มีเพื่อคนหนึ่งเอาผ้าสะอาดมาให้ผม
“มาแล้ว ๆ” ผมรับผ้าขาวสะอาดนั้นมาประคบลงบนขาของคนเจ็บ และกดเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ เลือดจำนวนมากซึมผ่านผ้ามาที่มือของผม
“พาเพื่อนส่งห้องพยาบาลได้เลยครับ” ผมบอกเพื่อนคนอื่น ๆ ทุกคนช่วยกันพยุงร่างของเขาขึ้นบนเปลคนเจ็บ
เรย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และหันหลังกลับไปมองทางด้านในโรงยิม เวเฟียสยังยืนถูพื้นอยู่ตรงนั้นอยู่เลย 'นี่เขาไม่เห็นหรือไงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงยังถูพื้นอยู่ได้หน้าตาเฉยโดยไม่สนใจอะไรเลย'
ห้องเรียนนักศึกษาปีที่หนึ่ง
“อาจารย์นำตัวเพื่อนส่งรักษาที่โรงพยาบาลแล้วนะครับ เขาบาดเจ็บหนักคงต้องลาหยุดยาว ทุกคนไปเยี่ยมเพื่อนได้นะ และต้องขอโทษด้วยที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” อาจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
‘ผมเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก’
ในขณะที่อาจารย์พูดอยู่ เรย์ก็หันมองเวเฟียสไปด้วย
“เวเฟียส ทำไมนายไม่มาดูเพื่อนเลย” เรย์ถามคนข้างกายด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่ธุระของฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย
‘หมอนี่มันเป็นคนยังไงถึงได้เย็นชาขนาดนี้’
“แต่ว่าเพื่อนเจ็บหนักเลยนะ”
“ฉันไม่สน”
‘สีหน้าของเขานิ่งเฉยและคำพูดดูไม่สนโลก แต่ว่าพวกเราก็เพิ่งจะรู้จักกัน ผมเลยไม่อยากจะเซ้าซี้ แต่อยากจะเรียนรู้ตัวตนของเขาให้มากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินว่าเวเฟียสเป็นคนนิสัยยังไง’ เรย์เลิกต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มเส้นผมสีแดง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตามองกลับไปที่อาจารย์อีกครั้ง
หลังเลิกเรียน เรย์เห็นว่าทุกคนเริ่มตามหาพี่สายรหัสของตัวเองกันแล้ว คำใบ้ในใบกระดาษที่ทุกคนได้นั้นมันดูคล้ายเกมซ่อนแอบ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพี่รหัสคือใคร ตัวตนของพี่รหัสเป็นอย่างไร
“รุ่นพี่ก็มีเยอะมากด้วย อย่างน้อยถ้าบอกเพศมาหน่อยอาจจะช่วยให้ง่ายขึ้น เฮ้อ” เรย์กางกระดาษใบน้อยในมือออกมาแล้วได้แต่ถอนหายใจ
‘นี่มันคำใบ้อะไรกันเนี่ย!’
หิวตลอดเวลา
‘แสดงว่าเขาต้องมีรูปร่างใหญ่ และกินตลอดเวลาแน่ ๆ นอกจากนี้เขาต้องมีความสุขในการกินมาก ๆ ด้วยล่ะสิ แต่ใครใช้ให้เขียนคำใบ้ที่มันไม่ได้เรื่องแบบนี้มากันน่ะ ถ้าผมเจอพี่รหัส เขาจะต้องปล้นของกินผมไปหมดแน่เลย หรือไม่ก็ใช้ให้ผมทำอาหารที่เขาอยากกิน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว’ เรย์ได้แต่กุมขมับตัวเอง มองดูนักศึกษาคนอื่น ๆ วิ่งพล่านไปมา ขณะที่เขานั่งรอพ่อมารับ
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน