“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
ข่าวด่วน!
เมื่อกลางดึก เวลา ตีหนึ่งกว่า ตามเวลากล้องวงจรปิดของผับชื่อดังย่านไฮโซแห่งหนึ่ง มีคนพบร่างผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ในซอยข้างผับ ซึ่งปกติในซอยบริเวณตรงนี้จะเป็นสถานที่ลับสำหรับพรอดรักหรือมายืนสูบบุหรี่และจับกลุ่มมั่วสุมกัน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้วผู้ที่พบเห็นร่างผู้บาดเจ็บให้การว่า เขาและเพื่อนอีกสองคนกำลังจะเดินมาสูบบุหรี่ แต่เพื่อนของเขาคนนึงดันเตะเข้ากับร่างของผู้ที่คิดว่าเสียชีวิตที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ในคราแรกไม่กล้าแตะต้อง แต่พอเห็นว่ามือเขายังกระดิกและมีเสียงครวญครางเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดร้องขอความช่วยเหลือพวกเขาจึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัย ขณะนี้ระบุตัวตนผู้บาดเจ็บได้แล้วคือนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้
นายอนวัช สุธรธารา นักธุรกิจหนุ่มวัย 27 ปีที่มีข่าวว่าเพิ่งจะประมูลงานยักษ์ระดับประเทศได้ ขณะนี้หมอและครอบครัวยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บขนาดไหนและใครเป็น
ผู้ก่อเหตุ
จบการรายงานข่าว
โรงพยาบาล
อิงฟ้า คุณหนูที่เพียบพร้อมไปหมดทุกสิ่งอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะคิดจะฝันว่าอยากได้อะไรขอแค่เธอเอ่ยปากก็ไม่เคยต้องรอนาน ทั้งพ่อแม่และพี่ชายต่างประเคนทุกสิ่งให้เธออย่างเต็มที่ แต่ชีวิตเธอกลับตาลปัตรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในตอนนี้ เธอที่เป็นเพียงเด็กมหาลัยปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ รอยยิ้มสดใสที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ตอนนี้มันหายไป เหลือเพียงรอยน้ำตาและความเศร้าหมอง เธอมองภาพพี่ชายจากห้องกระจกอีกด้านของโรงพยาบาล เพราะเขาถูกสั่งงดเยี่ยม อาการของอนวัชสาหัสมากกว่าที่ใครจะคิด เขาถูกแทงและเสียเลือดมากเกินไป อีกทั้งบาดแผลจากการโดนแทงหลายจุดนั้นโดนทั้งจุดสำคัญและรอบตัวประปรายแม้จะไม่ใช่จุดสำคัญแต่ก็เป็นรูพรุนไปหมด ชนิดที่บอกได้เลยว่าคนร้ายนั้นต้องอำมหิตและโหดเหี้ยมเกินกว่าจะเป็นเพียงแค่โจรกระจอกธรรมดา เธอและพ่อแม่ได้แต่ยืนมองที่กระจกกั้นไม่สามารถเข้าไปในห้องปลอดเชื้อนั้นได้จนกว่าคุณหมอจะอนุญาต
“คุณหมอ ผมจ่ายให้ไม่อั้นไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ค่าใช้จ่ายจะแพงขนาดไหน ผมยินดีจ่าย ขอเพียงแต่ลูกชายของผมหายดี ได้โปรด”
“หมอพยายามอย่างเต็มที่แล้วค่ะ แต่ว่ากว่าคนไข้จะมาถึงที่นี่การรักษาบางอย่างก็ยากเกินไป เส้นประสาทเสียหายหลายจุดและเลยเวลาที่จะต่อกลับได้ ถ้าคนไข้ลืมตาขึ้นมาได้นั่นก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วค่ะ”
“คุณหมอคะ พี่ชายหนูมีโอกาสจะหายไหม เขาจะพิการไปตลอดชีวิตจริงๆหรอคะ”
“โอกาสหายมีค่ะ แต่เรียกได้ว่าริบหรี่ มันน้อยมากเสียจนหมอเองยังมองไม่เห็นทาง เราต้องพึ่งปาฏิหาริย์แล้วล่ะค่ะ หมอบอกได้เท่านี้”
“โถ่คุณหมอ ลูกชายของฉัน…ฮื้อออ เอิ้ก!”
อิงฟ้าเกือบจะรับร่างของมารดาไม่ทัน เพราะจู่ๆผู้เป็นมารดานั้นก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างเสียใจและสลบไปในเวลาไม่กี่วินาทีถัดมา ผู้เป็นพ่อรีบรับร่างของภรรยาคู่ชีวิตและพาไปนอนที่เตียง หมอก็เร่งรีบเดินไปตรวจอาการแล้วเรียกพยาบาลให้เอายามาฉีด และให้น้ำเกลือคนไข้ด้วย เพราะดูแล้วคนเป็นแม่นั้นหัวใจสลาย ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการ shutdown เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจ อีกทั้งยังอ่อนเพลียมากเพราะไม่ได้นอนมาเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงแล้ว
“คุณพ่อคะ เรียกอิงมามีอะไรหรอคะ”
“ลูกเห็นแล้วใช่ไหม ว่าพี่ชายของลูกสภาพตอนนี้เป็นยังไง”
“เห็นแล้วค่ะ คุณพ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ หนูเอาตัวรอดได้”
“อิงฟ้า พ่อว่าหนูอย่าดื้อดีกว่านะ ขนาดพี่ชายลูกเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดรอบตัว เขายังพลาดท่าเสียทีให้กับโจรกระจอก ไม่สิคงเป็นนักฆ่าที่ถูกจ้างมาอย่างดีมากกว่า พ่อไม่วางใจให้ลูกไปไหนมาไหนคนเดียวอีกแล้ว”
“นักฆ่าเลยหรือคะ พี่ชายมีปัญหากับใครงั้นหรอคะ ทำไมมันดูเลวร้ายจังเลยถึงขั้นจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือแบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือคะ”
“คนเรามีเหตุผลในการทำเพื่อบางอย่างโดยเฉพาะผลประโยชน์ไม่เหมือนกัน คนบางคนจัดการอารมณ์ความรู้สึกอยากได้อยากมี แต่ไม่สามารถทำได้ เลยระบายออกด้วยวิธีแบบนี้”
“แล้วคุณพ่อจะให้อิงทำยังไงคะ ในเมื่ออิงไม่ได้รักในงานธุรกิจของคุณพ่อ ยังไม่ต้องการบอดี้การ์ดหรือใครทั้งนั้นที่จะมาดูแล”
“งั้นพ่อจะขอสั่ง ในฐานะที่พ่อเป็นพ่อของหนู เป็นพ่อที่ห่วงใยลูกสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เพราะฉะนั้นพ่อจะให้หนูมีบอดี้การ์ดส่วนตัวไปไหนมาไหนด้วยอย่างน้อย 1-2 คนแล้วแต่สถานที่ที่จะต้องไป”
“ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นได้คะ นี่มันในชีวิตจริง ชีวิตปกติประจำวันคงไม่มีใครหรอกที่เดินไปเรียนแล้วก็มีคนมาเดินตามหลังหรือว่าใส่แว่นดำชุดสูทยืนรอหน้าตึงอยู่หน้าคลาสเรียน”
“แต่ต้องมี ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมี พ่อจ่ายตังค์บริษัทนายหน้าไปแล้ว”
“งั้นหนูไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชาย ไม่เอาเด็ดขาด!”
อิงฟ้า หลังจากที่ได้รับข่าวร้ายว่าพี่ชายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคนเป็นแม่ที่โทรมาบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกำลังเรียนอยู่ก็ต้องลุกออกกลางคันและขออนุญาตอาจารย์จะทำงานส่งในภายหลังแล้วบึ่งรถออกมาที่โรงพยาบาลทันที เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขับมาจนถึงที่นี่ได้ยังไงประคองสติมาได้ยังไงขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มัวมาคิดหาคำตอบหรอกนะเธอวิ่ง แล้วก็วิ่ง เพื่อไปทางห้องฉุกเฉินที่กำลังรักษาตัวพี่ชายเธออยู่อย่างขะมักเขม้น พี่ชายที่แสนดีเพียงคนเดียวของเธอ เธอก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขาไม่เป็นอะไร ในตอนนี้เธออยากให้เขาฟื้นกลับขึ้นมามากที่สุด อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อขอให้พี่ชายกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้งจะต้องแลกด้วยอะไรเธอก็ยอม หรือแม้แต่ชีวิตที่สั้นลงก็ได้นั่นคือคำอธิษฐานของเธอ
นับจากวันที่ปฏิเสธพ่อไป เวลานี้ผ่านมา 7 วันแล้วแต่ผู้เป็นพ่อก็ยังไม่ได้พาใครมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอแม้จะมีแอบสะกดรอยตามบ้าง จนกระทั่งวันนี้ผู้เป็นพ่อ ได้พาผู้หญิงร่างสูงและมีมัดกล้ามสวยจนขึ้นรูปติดเสื้อที่สวมใส่มาอย่างพอดีตัวทำให้เห็นกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจน เธอดูเท่ห์ สง่าและน่าจับตามอง ดูมีเสน่ห์ที่สุด ถ้าให้เดาน่าจะต้องเป็นสาวหล่อ เป็นไบ หรือไม่ก็เป็นเลสเบี้ยน อิงฟ้ามองตาไม่กระพริบ เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาที่ทรงเสน่ห์ของอีกคนที่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้เป็นพ่อ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลามากกว่าที่จะเรียกว่าสวย มันเงียบขรึมซะจนเธอขนหัวลุก และวินาทีถัดมาเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวจริงๆ
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด”
“แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด”
“ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า”
เด็กสาววัย 21 ปีถึงกับฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ แต่ก็เถียงหรือพูดอะไรไม่ได้อีกเมื่อนึกได้ว่าตนเองพูดไปแบบนั้นจริงๆ แล้วใครจะไปคิดล่ะว่าตระกูลของเธอที่เป็นเพียงนักธุรกิจอสังหาธรรมดานอกจากจะมีบอดี้การ์ดผู้ชายร่างล่ำบึกแล้วก็ยังมีบอดี้การ์ดผู้หญิงอีกด้วย ไม่ได้ล่ำเท่าผู้ชายแต่ก็ล่ำกว่าเธอแล้วกัน
“ไม่ต้องเดินตามติดขนาดนั้นก็ได้ ที่นี่โรงพยาบาล มันคงไม่มีโจรหรือคนโง่ที่ไหนเข้ามาทำอันตรายคนไข้หรือผู้ใช้บริการที่นี่หรอก อีกอย่างตำรวจก็อยู่เต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเดินถอยห่างๆ ฉัน”
“รับทราบค่ะคุณหนู”
น้ำเสียงเรียบนิ่งกับใบหน้าที่แสนเย็นชานั่น ทำเอาอิงฟ้าหมั่นไส้จนอยากจะกางนิ้วแล้วข่วนหน้า ให้เหมือนกับเวลาที่แมวข่วนทาสของมันเลย อิงฟ้ามองสีหน้าแววตาก็พอจะเดาออก ใครที่เจอเธอครั้งแรกไม่ประสาทแดกก็ให้รู้ไปสิ เย็นชาเสียขนาดนี้ รู้ตัวดีแต่ก็ปรับปรุงตรงนี้ไม่ได้หรอก การเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดทั้งที่อายุยังน้อยนำมาซึ่งความสุขุมและเยือกเย็น เธอจะต้องนิ่งรักษาภาพลักษณ์ ทำทุกอย่างให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือการเดินตามคุณหนูของเธอไปทุกที่ ตอนนี้มันคือหน้าที่หลักของเธอแล้ว….
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... "ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม" ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง "เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ" ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"