ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิตไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามา กระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป
“เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก”
นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง ทั้งที่แม่ควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อนแล้ว แม่ของสายลมเป็นกลุ่มเพศผู้ชายท้องได้ ส่วนพ่อเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ครอบครัวของเขาอบอุ่นมากกระทั่งอุบัติเหตุมาพรากชีวิตของคนทั้งสองไป
สายลมกลายเป็นเด็กเก็บตัวนับตั้งแต่นั้นมา เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเอง พยายามใช้ชีวิตให้ดีที่สุดอย่างที่พ่อกับแม่เคยบอกเอาไว้ เงินประกันชีวิตที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ให้และสมบัติทางฝั่งพ่อ คุณปู่คุณย่าก็ยกให้สายลมทั้งหมด พอให้ได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ ไปอีกหลายสิบปี
ทว่าคนที่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังลงไปหมดแล้วก็แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีจุดหมาย แค่อยากทำให้ชีวิตของตนเองเกิดประโยชน์ต่อคนอื่นมากที่สุด ให้สมกับที่พ่อกับแม่อุตส่าห์สร้างเขาขึ้นมา
“ไงเจ้าเม่นน้อย ไม่สบายอีกหรือเปล่าเนี่ย”
พระพายยกมือขึ้นอังหน้าผากเล็กจ้อยของลูกรักที่กำลังนอนทำตาแป๋วอยู่บนที่นอนด้วยความเป็นห่วง แค่ตัวของสายลมไม่ร้อนแล้วก็วางใจ เมื่อคืนเด็กน้อยในชุดเม่นเน่าตัวร้อนมากจนเขากลัวว่าลูกจะช็อก คอยเช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืนเพราะไม่มีรถพาไปหาหมอ คิดว่าตอนเช้าจะพาไปไม่คิดว่าไข้จะลดลงเร็วขนาดนี้
“หม่าม้า”
เสียงเล็ก ๆ ร้องเรียกแผ่วเบาก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม สายลมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตาย ก็ถูกพามาที่นี่ มาอยู่ในร่างเด็กสามขวบ มาเจอกับคนที่หน้าตาเหมือนแม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง แววตา หรือแม้กระทั่งความรู้สึกคุ้นเคยที่มีต่อกัน มันเหมือนกับว่าเขาได้มาเกิดใหม่ มาเจอกับแม่ที่จากไปนานแล้วอีกครั้ง
เห็นลูกร้องไห้พระพายก็โผเข้ากอดด้วยความตกใจ กลัวว่าลูกจะเจ็บป่วยตรงไหนเพราะสายลมไม่ยอมพูดอะไรนอกจากร้องไห้แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น เวลาที่สายลมป่วยก็มักจะเป็นแบบนี้ สามปีที่ผ่านมาแทบไม่พูดจานอกจากส่งเสียงร้องและเรียกชื่อเขาเป็นบางครั้ง เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวเล็กของเขาจะนอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ในโรงพยาบาลเสียมากกว่า
“หม่าม้า ฮึก…”
ถ้าหากความฝันของเขาเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่ามีใครบางคนให้โอกาสเขา ให้โอกาสได้กลับมาเจอครอบครัวที่ตนเองรักอีกครั้ง แต่ว่าพ่อของเขาไปไหนล่ะ?
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
มือเรียวตบก้นน้อยดังแปะ ๆ ปลอบโยนลูกน้อย แต่สายลมก็เอาแต่ส่ายหน้าไปมา กอดผู้ให้กำเนิดไว้แน่นด้วยความรู้สึกหวงแหน เขากลัวว่าจะต้องจากกันอีกครั้ง จากกันไปตั้งแต่ที่สายลมยังเป็นเด็ก จากกันทั้งที่ยังไม่ได้บอกลา สุดท้ายก็ร้องไห้จนหลับไปในขณะที่พระพายพาลูกน้อยนั่งรถเมล์ไปหาหมอที่โรงพยาบาล
เมื่อคืนสายลมไข้ขึ้นสูงมาก ถึงตอนนี้จะดูปกติดีแต่คนเป็นแม่ยังไม่วางใจ ร่างกายของสายลมไม่แข็งแรงตั้งแต่เกิดเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งพระพายยังไม่มีเงินทองมากพอที่จะดูแลเด็กน้อยให้ดี ให้ได้รับการรักษาที่ครอบคลุม ได้แต่ประคองอาการไปเรื่อย ๆ เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ในตอนนี้
“อือ…หม่าม้า”
พระพายคว้ามือน้อยเอาไว้ไม่ให้สายลมขยี้ตา ก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตกระหม่อมเล็กด้วยความรักใคร่ หมอบอกว่าอาการของสายลมดีขึ้นมากทั้งที่เมื่อคืนยังเป็นไข้สูงอยู่เลย กระนั้นก็นับว่าเป็นข่าวดี
“กลับบ้านไปหาคุณตาดีกว่าเนอะ”
“อื้อ”
สายลมกอดคอผู้เป็นแม่เอาไว้แล้วเหลือบมองโลกใบใหม่ที่ตนเองมาอยู่ก็ไม่ต่างจากโลกเดิมนัก แม่พาขึ้นรถเมล์ร้อน ๆ ก็ไม่ปริปากบ่น เดิมทีสายลมก็เดินทางด้วยรถสาธารณะเองเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร แต่ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะไม่ค่อยมีเงินหรือเปล่า บ้านพักก็เก่าเก็บทรุดโทรมทั้งยังเล็กแคบ ต่างจากโลกก่อนโดยสิ้นเชิงเลย
“หม่าม้า ฉายยมหิวนม”
ร่างบางกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สายลมเริ่มพูดคุยได้เหมือนเด็กทั่ว ๆ ไปบ้างแล้ว แม้ว่าเงินในกระเป๋าจะเหลือไม่ถึงห้าร้อย แม้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเอาเงินไปซื้อของมาขายประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่พระพายก็ยอมเจียดเงินจำนวนนี้ไปซื้อนมสำหรับเด็กที่ราคาแสนแพงให้ลูกอยู่ดี
มือน้อยจับกล่องนมไว้แน่นดูดเสียงดังฟืดเหมือนเด็กตะกละเรียกความเอ็นดูจากคนแม่ได้ไม่น้อย ก็ตั้งแต่เช้าเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเพราะตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้จนหลับ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลโดนคุณหมอฉีดตูดไปแล้ว
“หม่าม้าไม่หิวเหยอ”
“ค่อยกลับไปกินที่บ้านครับ ป่านนี้คุณตาทำกับข้าวรอแล้ว”
“อ้อ”
ริมฝีปากอิ่มเล็กขบเม้มลงเล็กน้อยระหว่างเดินตามการจับจูงของพระพายกลับบ้าน เขาไม่กล้าเอ่ยปากถามว่าคุณพ่อไปไหน ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมายังไม่เห็นอีกคนเลย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก บางทีคุณพ่ออาจจะไปทำงานแล้วเย็นนี้คงกลับมาหาเขาล่ะมั้ง
กับข้าวมื้อแรกหลังจากมาเกิดใหม่ของสายลมเป็นข้าวต้มปลาที่แกะก้างออกอย่างดี กับแครอทหั่นเป็นรูปดอกไม้สวยงาม อยากจะบอกเหลือเกินว่าต่อให้แม่หั่นเป็นลูกเต๋าธรรมดาเขาก็กินได้ ก็เนื้อในเขามันไม่ใช่เด็กสามขวบอยู่แล้วนี่นา
“เดี๋ยวตอนเย็นหม่าม้าต้องไปเปิดร้านที่หน้าปากซอย เม่นน้อยอยู่กับคุณตานะ”
สายลมในชุดเม่นขนฟูเอียงคอมองมารดาตาใส ตอนเช้าก็ขายของ เย็นก็ขายของ กว่าจะเก็บร้านล้างจานแล้วแม่จะได้พักเมื่อไหร่ คุณพ่อก็อีกคนไปไหนก็ไม่รู้ไม่เห็นว่าช่วยกันบ้างเลย สายลมไม่อยากให้มารดาเหนื่อยเพียงคนเดียว
“ยมไปด้วยคับ”
“หือ มีแต่ฝุ่นกับควันอยู่ที่บ้านแหละเดี๋ยวหนูจะไม่สบายนะครับ”
สายลมหันไปทำตาใสออดอ้อนคุณตาแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจให้กับชีวิตน้อย ๆ ที่น่าสงสาร เขาอยากบอกว่าเขาหายดีแล้วแต่ก็เข้าใจในความเป็นห่วงของคนเป็นแม่ ร่างกายนี้ป่วยหนักมานานนมหม่าม้าพระพายจะกังวลก็ไม่แปลกหรอก
คล้อยหลังพระพายออกไปเปิดร้านเตรียมขายของสายลมก็เดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา เขาอยากรู้ว่าพ่อไปไหนเหตุใดไม่มีใครพูดถึง อีกอย่างหม่าม้าลำบากขนาดนี้ทำไมไม่มาช่วยกันหาเงิน หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขามาเกิดใหม่เจอหม่าม้าได้แต่จะไม่เจอปะป๋า ในโลกก่อนเราสามคนอยู่ด้วยกัน โลกใบนี้ก็ต้องได้อยู่ด้วยกันสิ!
“คุณตาทำอะไยเหยอ”
ดวงตาใสแจ๋วมองมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลากำลังเหลาไม้ไผ่อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เขานั่งอยู่เฉยๆ ยังรู้สึกเสียววูบวาบที่นิ้วมือ มีดคมขนาดนั้นโดนบาดขึ้นมาคงไม่ต้องพูดถึงความฉกรรจ์ของบาดแผลเลย
“เหลาตอก ตอนเช้าพระพายจะได้เอาไปมัดห่อข้าวเหนียวขาย”
“อ้อ หม่าม้าขายข้าวเหนียวไก่ทอดนิเอง”
คุณตาวัตรพยักหน้าตอบหลานชายตัวน้อย ก่อนจะพักมือจากของที่ทำอยู่แบ่งเวลามาเล่นกับหลานบ้าน เห็นหลานอาการดีขึ้นคนเป็นตาย่อมดีใจเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นลูกชาย หรือหลานชายของเขาล้วนแล้วแต่น่าสงสารด้วยกันทั้งนั้น คนหนึ่งอาภัพรัก ส่วนอีกคนก็อาภัพพ่อ ได้แต่หวังว่าชีวิตของสายลมจะไม่ต้องเจอเรื่องราวที่ซ้ำรอยของพระพายอีก ไม่อย่างนั้นหัวใจของหัวหน้าครอบครัวแบบเขาคงสลายกว่านี้
เสียใจที่ตนเองเป็นแค่คนแก่ไร้ประโยชน์ช่วยอะไรลูกหลานไม่ได้เลย หากว่าเขามีความสามารถมากกว่านี้ หากว่าเก่งและขยันมากกว่านี้ ชีวิตของพระพายกับสายลมจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร
“คุณตาคับ”
เจ้าตัวน้อยโถมตัวเข้ากอดคนเป็นตาอย่างออดอ้อน ทำเอาหัวใจคนแก่เหลวไปหมด ฝ่ามือหยาบกร้านจากการทำงานหนักลูบศีรษะทุยด้วยความอ่อนโยน ได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้หลานชายไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากแบบนี้อีก จะทำอย่างไรให้เด็กน้อยมีอนาคตที่สดใสกว่าที่แม่ของของเขามี
“ปะป๋าของฉายยมไปไหนเหยอ”
สายลมเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสในขณะที่อีกคนก็ก้มลงมามองเขาอยู่เช่นกัน ตาวัตรเงียบไปชั่วขณะเพราะไม่รู้จะบอกหลานอย่างไร กระทั่งสุดท้ายก็เอ่ยปากในสิ่งที่สายลมไม่อยากได้ยินมากที่สุด
“คุณพ่อของสายลมจากไปนานแล้ว…”
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ