เขายื่นคำขาดให้ส่งหญิงสาวคนหนึ่งในตระกูลคอทลินไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใครบ้างจะไม่รู้ว่านี่เป็นกับดัก ไม่มีทางที่ตระกูลคอทลินจะส่งลูกสาวสุดที่รักไปเด็ดขาด ดังนั้นใครจะเหมาะสมไปมากกว่าลูกนอกกฏหมายกัน
เขายื่นคำขาดให้ส่งหญิงสาวคนหนึ่งในตระกูลคอทลินไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใครบ้างจะไม่รู้ว่านี่เป็นกับดัก ไม่มีทางที่ตระกูลคอทลินจะส่งลูกสาวสุดที่รักไปเด็ดขาด ดังนั้นใครจะเหมาะสมไปมากกว่าลูกนอกกฏหมายกัน
แสงไฟสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วงาน หยดน้ำที่เกาะบนดอกกุหลาบสีขาวเมื่อกระทบแสงไฟส่องแสงระยิบระยับเป็นประกาย
ภาพที่แสนสวยงาม บรรยากาศที่อบอุ่น บวกกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่หลั่งไหลกันเข้ามาร่วมแสดงความยินดี ช่างเป็นความทรงจำที่น่ายินดีสำหรับคู่บ่าวสาว
ฉับพลันประตูบานใหญ่ก็เปิดขึ้น เรียวขายาวระหงเดินก้าวออกมา บนกายประดับด้วยชุดเดรสยาวสีขาวสะอาด ผมดำขลับถูกม้วนขึ้นไปกลางศีรษะ แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าเนื่องจากบนศีรษะถูกคลุมด้วยผ้าบางๆสีขาวไว้ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าเจ้าสาวน่าจะเป็นหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่ง
" เจ้าสาวเดินเข้ามาในงานแล้ว ไหนเจ้าบ่าวล่ะ " เสียงซุบซิบดังมาจากบรรดาแขกเรื่อ
" นั่นสิ.ได้ข่าวว่างานนี้ฝั่งตระกูลลูอิซเอ่ยปากขอแต่งงานกับตระกูลคอทลินเองไม่ใช่หรอ "
" เธอไม่รู้อะไรน่ะสิ ที่ตระกูลลูอิซขอแต่งงานก็เพราะแค้นน่ะสิ "
" ตายแล้ว!! แค้นเรื่องอะไรกัน "
" ก็เรื่องลูกสาวคนเล็กของตระกูลลูอิซที่แต่งเข้าไปในตระกูลคอทลินน่ะสิ ได้ข่าวว่าตายอย่างปริศนา ตระกูลลูอิซโกรธมาก "
" ถ้าอย่างนั้น การแต่งงานวันนี้ก็เพื่อแก้แค้นน่ะสิ "
" ฉันว่าน่าจะใช่ ไม่อย่างนั้นจะแต่งงานทำไม ลำพังแค่ตระกูลลูอิซที่ยิ่งใหญ่ก็สามารถจัดการตะกูลคอทลินได้แล้วเพียงแค่พลิกผ่ามือ "
" น่าสงสารเจ้าสาว รู้ทั้งรู้ว่าแต่งเข้าไปยังไงก็อาจจะมีชีวิตรอดกลับมายาก แต่ก็ยังต้องแต่งเข้าไป "
" นั่นน่ะสิ "
เสียงกระซิบดังระงมไปทั่วงาน คำพูดทุกคนได้ยินเข้าโสตประสาททั้ง 2 ข้าง แต่เจ้าสาวก็ยังยืนนิ่งเฉยอยู่กลางเวทีอย่างสงบเสงี่ยม
พลั๊ก!!!
ฉับพลันประตูก็เปิดออกอย่างแรง ตามมาด้วยฝีเท้าหนักแน่นทรงพลัง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ด้านหลังของชายหนุ่มยังตามมาด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก ที่คาดว่าน่าจะเป็นบอดีการ์ดประจำตัว
เจ้าบ่าวเดินเข้ามากลางงาน พลางกวาดตามองไปรอบๆ
โอลิเวอร์ คอทลิน ประมุขตระกูลคอทลิน กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ก่อนจะค่อยๆยืนขึ้นเพื่อทักทายว่าที่ลูกเขย
" คุณมาคอส... "
มาคอส ลูอิซ มองประมุขคอทลินด้วยหางตา ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ ทิ้งให้โอลิเวอร์ขบฟันอย่างโมโหที่ถูกทำให้เสียหน้า
ร่างหนาเดินขึ้นเวทีไปอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องมองไปที่ร่างบางที่กำลังจะเป็นผู้หญิงของเขาในไม่กี่นาทีข้างหน้า
เท้ายาวก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว มือหนากำลังจะเชยคางมนขึ้นมาเพื่อให้มองหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าสาวดึงป้าคลุมหน้าออกด้วยตนเองก่อนจะเงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว
ใบหน้าสวยหวานปรากฏอยู่ในสายตาของมาคอส ลูอิซ ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองตาสีเม็ดอัลมอนด์อย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระตุกรอยยิ้มร้ายเรียกให้คนที่มองเห็นถึงกับขนลุกเกรียว
" ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตระกูลลูอิซ เจ้าสาวของฉัน "
เสียงดังกังวานประกาศก้องก่อนที่มือหนาจะคว้าเอวบางยกร่างเล็กขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดาย
" คุณจะทำอะไร! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ " เจ้าสาวหวีดร้องเล็กน้อยก่อนจะแย้ง
" พาเธอเข้าสู่ตระกูลลูอิซไง "
" แต่งานแต่งยังไม่เริ่ม คุณจะพาฉันออกไปแบบนี้ไม่ได้ " เคท คอทลิน เริ่มดิ้น
" ทำไมจะไม่ได้ มีงานแต่งหรือไม่มีงานแต่งเธอก็ต้องไปกับฉันอยู่ดี พ่อเธอยกเธอให้ฉันแล้วสาวน้อย "
เสียงหัวเราะในลำคอทำให้เคทขนลุกเกรียว มารร้ายในคราบซาตานอย่างเขาไม่สนใจกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น ทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ถึงแม้งานแต่งครั้งนี้เธอจะเต็มใจมาเอง แต่ซาตานร้ายที่อยู่ตรงหน้าก็เกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ เธอทราบดีว่าแต่งงานไปก็คงได้รับการดูแลที่ไม่ดีนัก หรืออาจจะถูกทรมานต่างๆนาๆ เพื่อระบายความเเค้นของตระกูลลูอิซ แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองกับตระกูลคอทลินได้ บุญคุณครั้งนี้ตระกูลคอทลินต้องชดใช้ให้เธอเท่านั้น
หญิงสาวเม้มปากแน่นรู้ดีว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์จึงได้หยุดดิ้นรน
มาคอสมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ ก่อนจะกระดกยิ้มมุมปาก ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจทีเดียว
" เธอคิดว่ากำลังจะได้เป็นนายหญิงของตระกูลลูอิซสินะ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก "
" นายหญิงของตระกูลลูอิซหรอ หึ..น่าขำ คิดว่าคุณมีดีขนาดที่ชั้นต้องไขว่คว้ามาครอบครองรึไงกัน " คำพูดสบประมาททำให้มาคอสฉุนกึก เขาวางร่างบางลง มือหนาคว้าเข้าที่ปลายคางมนก่อนจะออกแรงบีบ
" กล้าสบประมาทฉันคงไม่รู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น "
" หึ..มาคอส ลูอิซ คุณมันก็แค่นี้แหละ เผื่อคุณจะไม่รู้ว่าไม่ได้มีผู้หญิงทุกคนหรอกนะที่อยากเข้าหาคุณ ผู้หญิงที่รังเกียจคุณก็มีเหมือนกัน "
ร่างบางกระซิบเสียงเบา แม้ว่าเธอจะเต็มใจแต่งงานแทนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอพิสวาทซาตานอย่างเขาเสียเมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเองก็มีประโยชน์ต่อเธอไม่มีทางที่เธอจะเฉียดเข้าใกล้เด็ดขาด
" เธอสินะ ผู้หญิงที่ว่า " ร่างสูงปรายยิ้มอย่างมารร้าย พลางเดาะลิ้นในปาก ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจกว่าที่คิด ก็ดี...จะได้สนุกหน่อย
" ใช่ "
" แคร์ คอทลิน เธอพยายามจะยั่วโมโหฉันใช่ไหม "
เขาเรียกชื่อผู้หญิงอีกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวเธอ ใช่ เธอสวมรอยเป็นแคร์เพื่อแต่งงานเข้ามาในตระกูลลูอิซ
" ใช่ " เธอตอบอย่างไม่ลังเล
มาคอสยิ้มมุมปาก มือหนาดึงร่างบางเข้ามาใกล้ก่อนจะบดขยี้เรียวปากของเธออย่างรุนแรง
" อื้อ.. "
เคทดิ้นยกมือขึ้นทุบกลางหลังของมาคอสดังปักแต่ก็ไม่สะเทือนร่างสูงเท่าไหร่ มือหนาบีบปลายคางให้เธออ้าปากก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปอย่างตระกละตระกราม มืออีกข้างก็ล็อกหลังศรีษะเธอไม่ให้ดิ้นไปไหนได้
จูบที่แสนยาวนานทำให้เคทหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนที่เธอกำลังจะหมดแรงมาคอสก็พลักร่างบางออก ขาที่อ่อนแรงทำให้เคทถึงกับเข่าอ่อนกลางเวที
เธอปลายตาขึ้นมองซาตานร้ายอย่างแค้นเคือง แต่กลับเรียกรอยยิ้มขบขันจากชายหนุ่มแทน
เขาสนใจในตัวเธอซะเเล้ว แคร์ คอทลิน
" พาเจ้าสาวของฉันกลับคฤหาสน์ วันนี้มีอะไรสนุกรออยู่อีกเยอะ "
สิ้นคำสั่งบอดีการ์ดจำนวนหนึ่งก็กรูกันเข้ามากึ่งลากกึ่งพยุงร่างบางให้เดินออกไปพร้อมกัน
ใครบอกว่านี่เป็นการรับเจ้าสาวกลับบ้านกัน นี่มันนักโทษชัดๆ
แขกเรื่อพากันมองอย่างตกตะลึงที่เห็นเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเดินออกจากงานไปโดยที่งานยังไม่ทันเริ่ม
" อ้อ...ไม่ต้องเสนอหน้าไปหาฉันที่ตระกูลลูอิซ ถ้าฉันไม่ได้เรียก ส่วนลูกสาวของนาย ฉันขอก็แล้วกัน หึ.."
มาคอสพูดต่อหน้าโอลิเวอร์และภรรยาก่อนจะเดินออกจากงานไป ทิ้งให้คนจัดงานถึงกับหน้าเสีย กัดฟันอย่างโมโห
"พี่ริก" นินิวเรียกคนที่เข้ามาในห้องเธอ ฉันอยากจะกรี๊ดและกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันลืมไปสนิทว่าริกเป็นคนที่เข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างง่ายดาย "ออกไป ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกห้องคนอื่นในยามวิกาล" นินิวบอกริกมาเสียดังด้วยสีหน้าโกรธจัด ที่ริกเข้าห้องเธออย่างถือวิสะ "ไม่ไป ในเมื่อที่นี่คือห้องเมียฉัน ทำไมฉันต้องออก" ร่างสูงบอกมาด้วยเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ "ห้องฉันไม่ใช่ห้องของยัยโมเน่ เมียคนปัจจุบันของพี่ ถ้าพี่ยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้างก็ออกไปจากห้องฉันคะ" แต่ริกกับไม่สนใจคำพูดนินิวเลยซักนิด ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตรงหน้า นินิวที่เห็นเช่นนั้นถึงกับจับที่ชายผ้าขนหนูเอาไว้แน่นขึ้น เพราะคนตรงหน้านั่นดูอันตรายสำหรับเธอ "อย่านะพี่ริก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว" นินิวบอกมาด้วยเสียงสั่นเพราะสายตาที่เขามองเธอมามันน่ากลัวมากจริงๆ "ชอบฉันไม่ใช่เหรอ เอาฉันแล้วจะไปอ่อยคนอื่น อีกทำไม ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอจูบกับไอ้ไทม์" "ในเมื่อพี่เห็นเช่นนั้น พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียสิ ฉันจะอ่อยจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม ฉันบอกพี่ไม่กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเราเลิกกันแล้ว เพราะพี่มันเลว ฉันเลยไม่อยากได้พี่แล้ว " นินิวบอกคนใจร้ายอย่างคนเหลืออด เธอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สำหรับริกตอนนี้เธอมองเขาเป็นแค่เศษฝุ่นที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าแมลงสาบ ริกถึงกับกัดฟันกอดด้วยความโกรธและโมโห เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน (มีให้อ่านจบเรื่อง) พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส โลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ข้ามไปได้เลยจ้า นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามขัดลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ
ปรมะพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาของตัวเองจนตั้งท้อง เขาจำใจต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีทางเลือก แต่ผู้ชายระดับไฮเอ็นเช่นเขาไม่ยอมเข้าตาจนง่ายๆ หรอก ในเมื่อพลาดไปแล้วก็ช่างมัน รับแค่ลูกเอาไว้ และเขี่ยแม่ของเด็กทิ้งลงถังขยะ นี่แหละคือทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ตัวอย่างเล่ม : ระหว่างที่รองเท้าสีดำเงาวับกำลังย่ำลงไปบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาชนเข้าที่ขาด้านหลัง ปรมะหยุดเดิน และก็หมุนตัวกลับไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้าง... เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเผชิญหน้ากับเด็กตัวจ้อย “อย่าวิ่งซนนะครับเด็กดี...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “คุณพ่อ...” เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กหญิงตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกคือใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาตอนเด็กไม่มีผิด ปรมะถึงกับอึ้งงันไป แต่เด็กน้อยยังคงยิ้มแถมยังยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาไปมา “คุณพ่อจริงๆ ด้วย... ไข่มุกไม่ได้ฝันไป... เย้...” “หนู...” ตอนนี้แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นคำยังยากสำหรับปรมะเลย เด็กคนนี้เรียกเขาว่าพ่อ แถมยังมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาในตอนเด็กอีกต่างหาก ซีรีส์ในชุดที่เกี่ยวข้องกัน 1. ขายหัวใจให้ท่านประธาน 2. มลทินรัก CEO 3. คืนเผลอรัก 4. อุ้มรักเมียแสนชัง
+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด