/0/22739/coverbig.jpg?v=f19133db5267f41b56ed275efd660b64)
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
เผิงฟู่หลิน บุตรสาวราชครูเผิงผู้ยิ่งใหญ่ นางทั้งรูปงาม ทั้งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่ผู้คนกลับตราหน้าว่านางเป็นคุณหนูใจโฉด ทั้งร้ายกาจ ทั้งเอาแต่ใจ ในเมื่อนางรักมั่นทั้งหัวใจ แต่กลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เช่นนั้นนางจะหันหลังให้บุรุษทุกคน....
“เพล้ง...โครม” เสียงข้าวของที่ตกลงกระทบพื้นดังสนั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ของจวนราชครูเผิงอันหนิง เสียงกรีดร้องโวยวายของเผิงฟู่หลินยังคงดังออกมาไม่หยุด นางกรีดร้องโวยวายอาละวาดอย่างคนกำลังเสียสติ หากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางนางแม้แต่คนเดียว
สาวใช้ทั้งหลายต่างหันมองหน้ากันด้วยความแตกตื่น ข้าวของราคาแพงและหายากมากมายถูกทำลายเพียงเสี้ยวนาทีเดียว จนตอนนี้พื้นห้องโถงเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องที่แตกละเอียดและกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณห้อง
ราชครูเผิงรีบโบกมือไล่พวกนางให้ออกจากห้องไปเสียก่อน ตอนนี้เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ฮูหยินเซียงก็ได้แต่พยักพเยิดให้เหล่าสาวใช้รีบออกไปโดยเร็ว
“หลินเอ๋อร์ เจ้าหยุดร้องไห้ก่อนเถิด ท่านพ่อของเจ้าต้องหาวิธีจัดการให้เจ้าเป็นแน่” ฮูหยินเซียงตรงเข้าปลอบใจบุตรสาวที่กำลังอาละวาดไม่หยุด นางหันมองหน้าสามีอย่างขอความเห็นใจ
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ยอม ท่านพ่อ ข้าไม่ยอมรับ เหตุใดราชโองการสมรสจึงเป็นเสี่ยวว่าน ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ข้าจะไปพบท่านพี่ซูเว่ยเดี๋ยวนี้” เผิงฟู่หลินร้องไห้คร่ำครวญ นางสะบัดตัวก่อนจะยืนตรงหน้าบิดาของตนอย่างไม่ยอมรับ การกระทำดังกล่าวของบุตรสาวทำเอาราชครูเผิงถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัวยิ่งนัก
“ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้า ท่านต้องช่วยข้านะ” เผิงฟู่หลินรีบหันไปหามารดาของตนทันที นางร้องไห้ปิ่มขาดใจ
สภาพของบุตรสาวในเวลานี้ยิ่งทำให้ฮูหยินเซียงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมาบุตรสาวของนางถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาโดยตลอด หากอยากได้ดาวต้องได้ หากอยากได้ลมย่อมต้องได้เช่นกัน แต่บัดนี้ราชโองการที่ส่งมายังจวนกลับเหมือนสายฟ้าผ่า แล้วบุตรสาวของนางจะทนรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านพอจะมีทางช่วยเหลือหลินเอ๋อร์สักหน่อยได้หรือไม่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าหลินเอ๋อร์เศร้าเสียใจปานใด” ฮูหยินเซียงรีบกล่าวอ้อนวอนกับสามี นางมิอาจทนดูบุตรสาวในสภาพเช่นนี้ได้อีกต่อไป
“หลินเอ๋อร์ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ในเมื่อฮ่องเต้มีราชโองการมาเช่นนี้ เจ้าก็จงตัดใจเสียก็แล้วกัน ไว้วันหน้าข้ารับปากเจ้า ข้าจะต้องหาคนดี ๆ ที่เหมาะสมให้กับเจ้าเป็นแน่” ราชครูเผิงพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวคนเล็กอย่างรู้สึกยากลำบากใจ เขาคงตามใจบุตรสาวคนนี้มากจนเกินไปกระมัง ถึงทำให้นางอาละวาดเอาแต่ใจมากมายเยี่ยงนี้
“ข้าไม่ต้องการคนดีที่ไหน ข้าต้องการแต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟูหลินยังคงไม่ยอมรับ นางรักปักใจอยู่กับหนี่ซูเว่ยมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แล้วจะให้นางตัดใจแต่งงานกับคนอื่นได้อย่างไรกัน เผิงฟู่หลินตะโกนออกมาพร้อมจ้องมองบิดาของตนตาเขม็ง
“หลินเอ๋อร์...เจ้า...เฮ้อ...” ราชครูเผิงถึงกับถอนหายใจออกมากับท่าทางหัวแข็งของนาง เขารู้สึกจนปัญญาที่จะจัดการกับบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้เสียเหลือเกิน
“ท่านพ่อ ท่านต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ข้านะ ข้าเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่ ผู้คนในเมืองหลวงนี้ต่างก็รู้ดีว่า คนที่สมควรได้แต่งงานกับท่านพี่ซูเว่ยควรจะเป็นข้า...เป็นข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” เผิงฟู่หลินรีบวิ่งมาเกาะแขนบิดาของนาง หญิงสาวอ้อนวอนบิดาของตนพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มนวล
เมื่อเผิงฟู่หลินเห็นบิดายังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น นางจึงเชิดหน้าขึ้นพร้อมปาดน้ำตาทั้งสองข้าง “ถ้าท่านพ่อไม่จัดการให้ข้า เช่นนั้นข้ายอมแต่งเป็นอนุของท่านพี่ซูเว่ยก็ย่อมได้” น้ำเสียงจริงจัง แววตาหมายมาด มองบิดาของตนอย่างท้าทาย ทำเอาราชครูเผิงถึงกับตะลึงกับความดื้อรั้นของบุตรสาวตรงหน้า เลือดในกายสูบฉีดจนตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโมโห
“เหลวไหล ข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ” ราชครูเผิงหันมาตำหนิบุตรสาวของตนด้วยนึกหงุดหงิดใจ ใช่ว่าตัวเขาเองจะไม่แปลกใจกับราชโองการที่ได้รับมาเมื่อสักครู่ แต่เขาย่อมรู้ดีว่ากษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ แม้เขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตและเป็นที่เกรงใจฮ่องเต้อยู่หลายส่วน แต่การจะไปขัดราชโองการนั้นย่อมเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ความคิดของเผิงฟู่หลินนั้นยิ่งทำให้เขาถึงกับกุมขมับ เขาจะยอมให้พี่น้องแต่งร่วมชายคนเดียวกันได้อย่างไร ซ้ำยังจะให้บุตรสาวที่ตนรักนักหนาแต่งเข้าเป็นอนุอีกต่างหาก นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางยอมรับไปได้เป็นแน่
เผิงฟู่หลินมองหน้าบิดาของตนด้วยความผิดหวัง นางร้องตะโกนอย่างคนสิ้นสติ “ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร เสี่ยวว่านนางมีสิทธิ์อันใดมาแย่งคนรักของข้า นางมีสิทธิ์อันใดกัน ต้องเป็นนางแน่ ๆ ที่ใช้มารยาหลอกล่อท่านพี่ซูเว่ยให้หลงกล ข้าจะไปจัดการนางเดี๋ยวนี้”
ราชครูเผิงหมดความอดกลั้น เขาเผลอเงื้อมือขึ้นตบลงใบหน้าของเผิงฟู่หลินเข้า ทำเอาใบหน้าขาวนวลสะบัดไปอย่างแรงพร้อมรอยแดงปื้นที่ขึ้นเป็นริ้วตามความหนักของมือตน
ฮูหยินเซียงถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเสียงดังลั่น “ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร หลินเอ๋อร์กำลังเศร้าโศกท่านยังมาทำร้ายลูกสาวของเราเช่นนี้อีก” นางพูดพร้อมรีบเข้าไปประคองร่างบุตรสาวด้วยความโกรธเคือง “หลินเอ๋อร์ เจ้าเจ็บหรือไม่ เจ้าอย่าโกรธพ่อเจ้าเลยนะ” นางพูดปลอบโยนบุตรสายพร้อมมองสามีด้วยสายตาตำหนิอย่างแรง
ราชครูเผิงที่ยังคงตะลึงกับการกระทำอันชั่ววูบของตนเองไปครู่หนึ่ง ก่อนเขาจะได้สติ ชายชราได้สะบัดหน้าหนีสองแม่ลูกทันที เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยจนคำพูดใด ๆ
ราชโองการที่เพิ่งรับมาเป็นราชโองการประทานสมรสให้กับหนี่ซูเว่ย รัชทายาทกับเผิงเสี่ยวว่าน บุตรสาวคนโตของตน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกลำบากใจยิ่ง อันที่จริงเขาหมายมั่นว่าผู้ที่ควรแต่งงานกับรัชทายาทคือ เผิงฟู่หลิน บุตรสาวคนเล็กของตนต่างหาก แต่เมื่อเหตุการณ์แปรผันเช่นนี้ เขาจึงได้แต่น้ำท่วมปาก มิรู้จะทำเช่นใดดี
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
“สวัสดีครับ” เภสัชกรวัยกลางคนที่ประจำเค้าเตอร์ขายยาทักทายลูกค้าทั้งสอง “ผมต้องการยาคุมกำเนิด” อดัมแจ้งสิ่งที่ต้องการโดยทันที น้ำฟ้าหันไปมองคนข้างกายที่ยังกุมมือเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจนดวงตาสีน้ำตาลเข้มแทบจะหลุดออกจากเบ้าตา “ครับ” เภสัชกรขานรับพร้อมกับหันหลังหยิบสิ่งที่ลูกค้าตรงหน้าต้องการ ด้วยแววตาที่เรียบเฉย “คุณครับ...คุณคิดว่าเธอคนนี้ควรใช้เวลากับผมเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดหรือแค่ยี่สิบแปดวันเท่านั้นเหรอครับ” คำพูดของอดัมสร้างความฉงนไม่เข้าใจให้กับเภสัชกรตรงหน้าอย่างมาก “เอ่อ...ขอโทษครับ...ผมไม่เข้าใจ” “ก็เธอคนนี้...คนที่ยืนอยู่ข้างๆผม...เธอเข้าใจว่าผมจะให้เธออยู่กับผมเพียงแค่ปริมาณยาคุมกำเนิดที่ผมให้เธอกิน” อดัมพูดต่อโดยที่สายตาของเขายังคงจ้องอยู่ที่เภสัชกรเท่านั้น แต่กลับเป็นเภสัชกรที่ย้ายสายตามามองคนที่ถูกกล่าวถึง และตอนนี้เภสัชกรก็เห็นใบหน้าเธอซับสีเลือดอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของคนข้างๆเธอ “เข้าใจแล้วครับ...ทั้งร้านผมมียาตัวนี้อยู่น่าจะหนึ่งลังและในหนึ่งลังนั้นมีอยู่สี่ร้อยกล่องครับ...คุณจะเหมาหมดเลยมั้ยครับ” เภสัชกรวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าชายตรงหน้าหลายปีนัก SET : Romance Of Mafia เรื่องราวต่อเนื่องกันมา.... ลำดับที่ 1 ; จังหวะรักมาเฟีย [ Mafia’s Rhythms Of Love ] ลำดับที่ 2 ; มาเฟีย'จ้าว'ชีวิต [ Mafia’s King ] ลำดับที่ 3 ; 'ลูกไม้'มาเฟีย [ Heir Of Mafia ] ลำดับที่ 4 ; นางฟ้ามาเฟีย [ Mafia’s Fairy ] ลำดับที่ 5 ; จอมใจมาเฟีย [ Mafia’s Beloved ]
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เธอวางมือคืนอำนาจให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม แต่พวกเขากลับตามฆ่าเธอ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด