เขาให้เธอเลือกระหว่าง ‘แฟนตัวจริงหรือเมียสมอ้าง’ บอกว่าชอบใจคำไหนก็ให้เลือกใช้เอาเอง ทั้งที่เธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้น อย่างนี้ก็ได้ด้วย!
บทนำ
นิชนิภากำลังคิดถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของตนเอง
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงน่าปวดหัวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่… มันคงจะเป็นวันนั้นที่เธอมาเจรจาขอลดหนี้กับเจ้าหนี้มาเฟีย นึกอยู่แล้วว่าเขาคงจะไม่ใช่คนใจดี สรุปว่าเธอต้องมาทำงานใช้หนี้ที่บ้านเขา แต่อยู่บ้านเดียวกันได้แค่ไม่กี่วันเขาก็จับเธอโยนขึ้นเตียงเสียแล้ว
เป็นเธอที่ใจเบา หรือเป็นเขาที่ใจร้าย หรืออาจจะเป็นทั้งคู่ก็ได้ที่ใจบาป เธอถึงต้องมานอนอยู่ใต้ร่างเขาแล้วต่อต้านแบบพอเป็นพิธี…
หญิงสาวรูปร่างแบบบางที่นอนราบอยู่บนเตียงตะลึงตาค้างเมื่อชายหนุ่มที่คร่อมร่างอยู่ด้านบนเริ่มกดปลายจมูกโด่งลงมาที่ซอกคอ
ไม่อยากจะเชื่อว่าพลภัทรจะทำแบบนี้
เขาไม่เคยแสดงออกในเชิงสิเน่หาหรือว่าชื่นชอบในตัวเธอเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ที่รับเธอเข้ามาทำงานเพื่อชดใช้หนี้ เจอกันแต่ละครั้งเขาก็มักจะทำสีหน้าเข้มขรึมเสมอ มีเพียงครั้งเดียวที่เขายิ้มแต่นั่นก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่มอบให้เธอ
นิชนิภาเริ่มสับสนว่าตนเองควรทำอย่างไร ใจหนึ่งก็อยากต่อต้านที่เขาก้ำกึ่งใช้กำลังเข้าบังคับ จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอตรึงไว้กับที่นอนแล้วเริ่มปลุกปล้ำ แต่อีกใจก็อยากจะยินยอมเพราะเธอก็ชอบเขาไม่น้อย
ทว่ามันรวดเร็วมากเกินไปที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น เธอเพิ่งรับปากตกลงจะเป็นแฟนสมอ้างให้กับเขาวันนี้นี่เอง เวลาผ่านมาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็จะใช้สิทธิ์เกินข้อตกลงเสียแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรีบร้องบอก “คุณพล! ปล่อยนิ!”
ชายหนุ่มได้ยินเต็มสองหูแต่ก็ยังคงรุกไล่ไซ้ซอกคอไม่เลิก เขาค่อยๆ ใช้ริมฝีปากอุ่นประทับลงไปบนผิวนุ่มแล้วลากไล้ไปมา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวสาวเข้าปอดอย่างเชื่องช้าแล้วค่อยผ่อนลมหายใจอุ่นออกมารินรดลงไปที่เดิม ไม่น่าเชื่อว่าไรหนวดจางๆ ที่ครูดไปบนผิวนุ่มจะทำให้คนใต้ร่างหวั่นไหวได้ แรงต้านจากฝ่ามือน้อยๆ ที่ผลักอกส่งให้รู้ว่าเธอขัดขืนอย่างไม่จริงจัง
เรียวปากสีหวานพร่ำบอกให้เขาหยุด ทว่าทั่วทั้งร่างกำลังหอบสะท้าน และแรงต้านที่ข้อมือบางก็น้อยนิดเสียเหลือเกิน
พลภัทรไม่ได้เจนจัดเรื่องบนเตียงนัก หากแต่ก็ไม่ใช่ไก่อ่อน มีประสบการณ์ร้อนรักมาพอสมควรจึงรู้ว่านิชนิภากำลังหวั่นไหว และหากเขาดื้อดึงจะเล้าโลมเธอต่อไป หญิงสาวคงไม่รอดพ้นไปจากเงื้อมือเขาแน่
ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังขัดขืน คนที่ตัวใหญ่กว่าด้านบนก็กำลังสับสนในใจ เขาจะปล่อยเธอไปก่อนก็ได้ ทว่าก็อยากสั่งสอนเธอเสียบ้าง ที่ผ่านมานิชนิภาไม่เคยออดอ้อนหรือส่งยิ้มหวานอ่อนโยนแบบจริงใจ
เธอเคยยิ้มให้เขาก็จริงแต่เป็นเพียงยิ้มให้ตามมารยาทเท่านั้น ที่เห็นได้บ่อยๆ ก็คือยิ้มอ่อนที่ไปไม่ถึงดวงตา กระทั่งครู่ก่อนเธอยังหัวเราะร่ากับชายอื่นทั้งที่เพิ่งจะตกลงคบกันแล้วแท้ๆ
คนกำลังหึงจึงพรมจูบไปตามลำคอแทนการสั่งสอนด้วยวาจา
“คุณพล นี่คือวิธีจีบผู้หญิงของคุณจริงๆ เหรอคะ!”
“แบบนี้ละชัดเจน ตรงประเด็น ผมไม่ชอบอ้อมค้อม” แล้วเขาก็ผละริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียน
พลภัทรตัดสินใจได้แล้วว่าคงจะต้องให้บทเรียนกับนิชนิภาเสียบ้าง ขนาดนอนอยู่ใต้ร่างเขาเธอยังไม่ขอร้อง ใช้แต่น้ำเสียงออกคำสั่ง ทำแบบนี้กับเขามาก็หลายครั้งและไม่เคยส่งผลดีแต่กลับไม่จดจำ
คราวนี้ละ เขาจะสอนให้เธอหัดอ่อนหวานสมเป็นผู้หญิงเสียบ้าง…
แล้วชายหนุ่มก็ประกบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากสีหวานที่น่าเย้ายวนใจ
“อื้อ!…” นิชนิภาพยายามกรีดร้อง แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใดริมฝีปากเธอก็ยังตกอยู่ในความครอบครองของพลภัทร เขาไม่ได้สนใจเสียงร้องค้านของเธอแม้แต่นิด เรียวลิ้นนุ่มยังซุกไซ้และพยายามจะแทรกผ่านไรฟันเข้ามา และเขาก็มีชั้นเชิงมากกว่าคนอ่อนหัดอย่างเธอเสียด้วย
ไม่นานเขาก็สามารถเข้ามาสำรวจโพรงปากของเธอได้ตามอำเภอใจ นิชนิภาถูกล่อลวงด้วยฝ่ามือหนาที่ผละจากข้อมือบางไปเพื่อลูบไล้ต้นขา เพราะเธอกลัวว่าเขาจะไล้มือสูงขึ้นมาพร้อมกับการดึงรั้งชายกระโปรง ขณะที่เธอพยายามส่งมือไปยื้อข้อมือห้ามไว้ชายหนุ่มก็จู่โจมดูดดึงริมฝีปากเธออย่างรุนแรง
เมื่อถูกสัมผัสอย่างไม่ทะนุถนอมนานเข้าเธอก็ต้องยอมเพราะเริ่มเจ็บ พอยอมแล้วชายกระโปรงจึงถูกดึงขึ้นมากองอยู่ที่สะโพกมน
คราวนี้พลภัทรค่อยๆ ผ่อนแรงขบเม้ม เขาค่อยๆ เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการจูบไล้อย่างนุ่มนวล เปลี่ยนจากครู่ก่อนที่เร่าร้อนดิบเถื่อน เหมือนจะสอนว่าถ้าเธอไม่ดื้อด้านเขาก็จะอ่อนโยนกับเธอเหมือนกัน
“อื้อ…” ครั้นพยายามจะร้องค้านอีก จากที่เขาขบเม้มกลีบปากเธอเบาๆ จึงกลายเป็นแทรกเรียวลิ้นเข้ามากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นเธอเป็นพลันวัน และคราวนี้เขาหยอกเย้า ปลุกปั่นจนกระทั่งเธอเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง
จุมพิตครั้งนี้พาให้สติพร่าเลือนออกไป ลมหายใจอุ่นที่เป่ารด ไออุ่นจากร่างกายของเขา กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่ส่งกลิ่นยั่วเย้า และฝ่ามือหนาที่กำลังลากไล้อยู่บนผิวบางกำลังจะทำให้เธอกลับเข้าร่างไม่ได้
ร่างกายราวกับไม่เชื่อฟังเธอเลย
นิชนิภาปล่อยให้ชายหนุ่มเคล้นคลึงทรวงอกข้างหนึ่งของเธอได้โดยง่าย เธอเพียงวางมือแปะไว้บนลาดไหล่กว้างเบาๆ เพราะเริ่มอ่อนแรงลงทุกทีๆ
เขาเล้าโลมเพียงแค่นี้เธอก็พ่ายแพ้เสียแล้ว หากว่าเขาไม่หยุดมือเธอคงกลายเป็นเจลาตินแน่ๆ
พลภัทรหรี่ตามองคนตัวอ่อนใต้ร่างแล้วนวดคลึงเต้ากลมไปพลางๆ เขาชักอยากจะกระชากเดรสสีจืดของเธอออกไปให้พ้นเสียแล้ว แต่ถ้าเขาได้เห็นเรือนร่างใต้ร่มผ้าเขาจะหยุดตัวเองได้อย่างไร
ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าความเป็นชายได้ผงาดขึ้นแล้ว แทนที่พลภัทรจะหยุดซุกซนบนร่างกายของหญิงสาวแต่เขากลับใช้นิ้วดันบราเซียของเธอขึ้นไปให้พ้นทาง พอไม่มีปราการขวางกั้นแล้วก็นวดคลึงเต้ากลมได้อย่างสนุกมือ
สติที่หลุดลอยออกนอกอวกาศไปแล้วจึงกลับเข้ามาประทับร่าง เพราะมือหนาของชายหนุ่มเริ่มซุกซนมากเกินไป นิชนิภาลืมตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังไล่ปลดกระดุมเสื้อ และอีกไม่นานเขาจะถอดเดรสของเธอออกได้
และก็เป็นไปตามที่คิด เมื่อกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายหลุดออกริมฝีปากอุ่นก็ผละไปทันควัน พลภัทรปล่อยให้เรียวปากเธอเป็นอิสระเพราะเขาจะทำอย่างอื่นนั่นเอง
“อย่าค่ะ!” นิชนิภารีบร้องบอกอีกครั้ง และคราวนี้เสียงเธอสั่นสะท้านจนคล้ายอ้อนวอน
แต่คนที่เริ่มจะทนไม่ไหวกลับเป็นพลภัทรเสียเอง อยู่ๆ ก็ทำหูทวนลมขึ้นมา เขารีบลากริมฝีปากอุ่นลงมาประทับบนเนินอกขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังช่วยกันดึงชุดเดรสและบราเซียออก
ทว่าเขาคงจะใจร้อนมากเกินไป เสื้อผ้าสตรีที่ไม่ซับซ้อนจึงถอดยากขึ้นมาทันที ตอนนี้นึกได้แค่วิธีกระชากหรือทำให้ขาดออกจากกัน และเมื่อยังไม่อยากทำรุนแรงถึงขั้นนั้นจึงได้แต่พรมจูบไปบนผิวบางส่วนที่สามารถขจัดสิ่งกีดขวางออกไปได้
นิชนิภาเริ่มใจหายเมื่อชายหนุ่มจูบต่ำลงไปจนเกือบถึงยอดอกแล้ว จะสั่งเขาก็คงไม่ได้เปลี่ยนเป็นขอร้องก็อาจจะไม่ได้ผล แต่เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจึงพร่ำบอกกับลมกับฟ้า “คุณพลอย่า นิขอร้อง!”
พลภัทรตั้งหน้าตั้งตาจะเปลื้องผ้าเท่านั้น จนกระทั่งมาสะดุดหูที่คำหนึ่ง “นิขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ นิอยากมั่นใจว่าคุณทำเพราะชอบ ไม่ได้ทำเพราะหน้ามืดหรือประชดใคร”
‘นั่นสิ เขาทำเพราะอะไรกันแน่… ทีแรกตั้งใจแค่สั่งสอน ไปๆ มาๆ กลายเป็นจะครอบครองเธอทั้งตัว’
ริมฝีปากที่กำลังลากไล้อยู่บนทรวงอกหยุดชะงัก “ผมไม่เคยรักอาญ่า ไม่จำเป็นต้องประชด”
“แต่คุณก็มีลูกกับเธอแล้ว จะไม่ให้เกียรติเธอสักนิดเหรอคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมาทันที จะพูดออกไปจริงหรือว่านั่นไม่ใช่ลูกตนเอง…
อารมณ์ที่พุ่งทะยานจนเกือบหยุดไม่ได้เมื่อครู่ก่อนสลายหายไปสิ้น ความจริงที่เก็บไว้อัดแน่นอยู่เต็มอกจนเจ็บจุกไปทั้งใจ พลภัทรถอนหายใจแรงอย่างสุดเซ็งก่อนจะเอ่ย “เอาเป็นว่าตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงของผมแล้ว อยากจะคิดอะไรก็ตามใจ”
แล้วร่างสูงก็ลุกออกไปจากเตียง
เธอพูดแทงใจดำเขาใช่ไหมละถึงได้ชะงักไปแบบนั้น ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องเจ็บ พูดออกไปเองแท้ๆ แต่ก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน
นิชนิภาลุกขึ้นนั่งแล้วดึงชุดเดรสให้กลับเข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ ใช้จังหวะที่พลภัทรเดินไปเข้าห้องน้ำวิ่งออกไปที่ประตู
ครู่เดียวเธอก็กลับมาอยู่ในห้องพักของตนเองได้
‘เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เธออยากรับบทนางเอกงั้นหรือ… ระหว่างเธอกับเขามันคืออะไรกันแน่…’ คิดพลางกดล็อกลูกบิดประตูแล้วทรุดเข่าลงนั่งคิดใคร่ครวญ
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!