ครอบครัวของบุรินทร์เคยผ่านความล้มเหลวทางธุรกิจครั้งใหญ่ จนพ่อและแม่ของเขาต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง บุรินทร์มุ่งมั่น ต่อสู้ จนกลับมาผงาดได้อีกครั้ง แต่กลับถูกสกัดจนเกือบซวนเซ แล้วหญิงสาวที่เขาถูกตาถูกใจตั้งแต่แรกเจอ ที่ดูอย่างไรก็ไร้พิษสงอย่างสาริศาจะใช่หนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ทำลายเขาอีกครั้งหรือไม่ เนื้อหาบางช่วงบางตอน “เข้าบ้านไปทำหน้าที่ภรรยาก่อน” ได้ยินอย่างนั้น สาริศาสะดุ้งตกใจ ขยับถอยหนีเขาทันที บุรินทร์หรี่ตามองท่าทีของเธอ *พร้อมหัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนดูเกินจริงไปนิด ถามกลับสั้น ๆ ว่า “เป็นอะไร” “หน้าที่ภรรยา หน้าที่อะไรกันคะ” “เก็บกวาด เช็ดถูบ้าน เตรียมอาหารเย็น แล้วก็จัดเตรียมห้องหับไว้นอนคืนนี้ นี่เราคิดอะไรอยู่” “เปล่าสักหน่อย” พึมพำเดินตามหลังเขาเข้าบ้านไป อดบ่นอีกไม่ได้ “ไม่มีแม่บ้านคอยทำให้หรือยังไงนะ ไม่รวยจริงนี่นา” “พี่พูดสักคำหรือยังว่าพี่รวย”
เห็นมีช่องจอดว่างอยู่ บุรินทร์จึงพารถตรงไปจุดหมาย แต่แล้วกลับถูกอีกคันตัดหน้าเข้าไปจอดเสียก่อน ดีที่เขาเบรกทัน เลยไม่เฉี่ยวชนจนต้องเสียเวลา
ไม่ได้ติดใจเอาความเมื่อไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น พารถเคลื่อนตัวออกไปอีก ไกลจากที่หมายตาเมื่อครู่นี้ มีรถออกจากช่องจอดพอดี จึงหยุดรถลงที่ตรงนั้นแทน ดับเครื่องยนต์แล้วค่อยเปิดประตูรถลงไป
เขาเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อเข้าประตูของโรงแรม จึงได้เห็นว่าเจ้าของรถคันที่ตัดหน้าเป็นหญิงสาวร่างเล็ก แบบเดียวกับรถของเจ้าหล่อน ปราดเปรียว แลดูคล่องตัวดี กระนั้นก็พอมองออกว่ายังเด็กอยู่มากหากเทียบกับเขา ที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ก็จะย่างเข้าสามสิบเก้าปีแล้ว
หญิงสาวคนนั้นดูวุ่นวายอยู่กับรองเท้าที่ท้ายรถ ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ทุกครั้งหรือเปล่า หากว่าจอดรถที่ลับตาคนก็น่าห่วงเรื่องความปลอดภัยอยู่ไม่น้อย
ละสายตาไปยังทางเข้า พาตัวเองเดินไปเรื่อย ๆ หญิงคนเดิมเดินตัดหน้าเขาอีกครั้ง เธอหันมามองเขานิดเดียว เมื่อทำท่าว่าจะชนกันอีกรอบตรงประตู เลยผายมือให้เดินนำหน้าเข้าไปก่อน เห็นทำท่าพยักหน้าให้เบา ๆ เดินผ่านประตูเข้าไปแล้ว บุรินทร์จึงตั้งท่าจะเข้าไปบ้าง แต่มีคนโทรศัพท์มาพอดีจึงหยุดรับสาย แล้วสายตาของเขาก็มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้นที่เดินฉับ ๆ เข้าไปด้านใน จนลับสายตาของเขาไปในที่สุด
“เลทเกือบสิบนาที”
สรสิชบ่นบุตรสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ กระนั้นยังคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ เพราะคนที่ตนหมายตาอยากให้ได้พบกับบุตรสาวสักครั้ง ยังไม่เข้ามาในงานเลี้ยง
“ซินรีบสุดชีวิตแล้วค่ะ” อ้าปากจะบอกว่าการประชุมที่ให้ตนเข้าแทน ยืดเยื้อจนเลยเวลาไปเป็นชั่วโมง กว่าจะเสร็จสิ้นการประชุมก็ห้าโมงครึ่ง แล้วไหนยังต้องฝ่าการจราจรช่วงวิกฤตสุด ๆ ของวันเข้ามาที่โรงแรมย่านกลางเมืองนี่อีก สายสิบนาทียังถือว่าไวไปด้วยซ้ำ นี่เธอขับปาดหน้ารถคนอื่นมาแล้วกี่คัน บิดาจะรู้บ้างหรือเปล่า ขนาดที่จอดรถ หากไม่ปาดหน้าแย่งมาก็คงสายกว่านี้
พลันนั้นเองที่แววตาสีดำคมลึกของชายเจ้าของรถคันที่ถูกเธอปาดหน้าแย่งที่จอดมาก็ค่อย ๆ ผุดเข้ามาในหัว
หวังว่าคงจะไม่ได้มางานเดียวกันนี่หรอกนะ
“แต่งตัวแบบนี้อีกแล้ว”
สรสิชมองบุตรสาวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ วางแก้วลงกับถาดของบริกรที่ผ่านมาพอดี หันหลังให้คนอื่นในห้องจัดเลี้ยงเพื่อยืนบังบุตรสาว แล้วยื่นมือดึงสาบเสื้อตรงกระดุมเม็ดบนสุดด้วยเรี่ยวแรงพอประมาณ จนมันขาดออกจากรังดุมในทันที เม็ดหนึ่งกระเด็นตกไปที่พื้น อีกเม็ดยังคาอยู่ที่รังดุมของมัน จนเห็นเนินอกของเธอราง ๆ
สาริศาคิดไม่ถึงว่าบิดาจะทำกับตัวเองแบบนี้ ร้องเรียกท่านด้วยความตกใจ “คุณพ่อ!” พร้อมกับยกมือขึ้นกุมคอเสื้อตรงที่ถูกกระตุกจนกระดุมขาดออกจากกัน
สรสิชส่งเสียงขัดใจ ปัดมือเธอที่วุ่นวายกับคอเสื้อออก
และหญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีก็ไม่กล้าเถียงอะไรท่านอีก ชีวิตนี้ของเธอ ตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงบิดา เธออาจเก่งกล้า ต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่น แต่ไม่กล้าหือหรือดื้อรั้นกับบิดา ท่านสั่งอย่างไรก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น
“กุญแจรถอยู่ไหน”
สรสิชถามพร้อมกับยื่นมือออกมารอ เธอมองท่านด้วยอาการน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมความสงสัยที่แทรกเข้ามาแทนที่นิด ๆ ว่าจะเอาไปทำไม แต่ไม่ได้ถาม ทำเพียงล้วงหยิบกุญแจส่งให้เท่านั้น
“จอดตรงไหน” เสียงถามห้วนเล็กน้อยของสรสิชไม่ดังนัก
“ตรงหน้าประตูทางเข้านี่เลยค่ะ” ตอบไม่ทันจบประโยคดี ถูกตำหนิต่ออีก
“ยืนยืดไหล่ให้ดูเป็นสาวมั่นหน่อย ไม่ใช่งอตัวเป็นกุ้งสุกแบบนี้ เดี๋ยวจบงานพ่อต้องคุยกับครูแจมใหม่แล้ว ว่าสอนลูกยังไงถึงได้ไม่มีพัฒนาการเลย สอนเหมือนไม่ได้สอน หมดคอร์สพอดีใช่ไหม หมดแล้วก็ไม่ต้องไปมันแล้วนะ พ่อหมดเงินกับซินเท่าไรแล้วรู้ไหม”
ท่านบ่นไปถึงครูสอนบุคลิกภาพคนดังที่ส่งเธอไปเข้าคอร์สตั้งแต่เรียนจบออกมาช่วยงานที่บริษัท
สาริศาอยากช่วยบิดาทำงาน งานหนักแค่ไหน เธอไม่เคยบ่น
เธออยากเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง แต่ไม่ได้อยากเป็นสาวมาดมั่น ไฟแรง เปรี้ยว เฉี่ยว สวย สง่างาม อย่างที่บิดาต้องการให้เป็นเลยสักนิด แต่ดูเหมือนสรสิชจะมีความต้องการสวนทางกับบุตรสาว
คนเป็นพ่อมองด้วยสายตากดดันแกมผิดหวัง ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หันไปที่ทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ใบหน้าเฉยฉาบรอยยิ้มในทันที ปากพูดกับเธอ แต่ตามองไปยังทางนั้น
“พี่เขาเดินมานู่นแล้ว ยิ้มด้วยเวลาที่พูดน่ะ ไม่ใช่ยิ้มโง่ ๆ ทำตัวให้มีเสน่ห์เข้าไว้ ตามองตอบบ้าง หลบตาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่หลบตาตลอดเวลาอย่างกับพวกผู้หญิงบ้าน ๆ”
สั่งเสร็จ สรสิชยกมือทักทายชายคนที่ว่านั้น สาริศาจึงหันไปมองตามบิดา พบชายร่างสูงสง่าดูโดดเด่นที่สุดในงานเลี้ยง เขากำลังตรงมาทางนี้ และเธอจะไม่รู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้าอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลย หากว่าชายคนนั้นจะไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เธอแย่งที่จอดรถเมื่อครู่
อย่าเรียกว่าแย่งเลย อันที่จริงเธอก็แค่เหยียบคันเร่งเข้าไปจอดให้ไวกว่าเขาเท่านั้นเอง ก็ตรงนั้นมันไม่ได้มีป้ายกำกับว่าของใครนี่นา เอาเป็นว่าเลิกคิดเรื่องนั้นไปก่อนก็แล้วกัน มาแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้านี่ดีกว่า ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเรื่องเธอหรือเปล่า
“ทางนี้หมอก”
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!
เขาบีบบังคับให้เธอขึ้นเตียงได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่สามารถหลอกล่อให้ตนเองปล่อยเธอไปได้... คีแรน จอห์นสโตน คือผู้ชายสายดาร์ก เขามีพร้อมทั้งอำนาจและเงินตรา ความปรารถนาเดียวของผู้ชายเถื่อนคนนี้ก็คือการได้ครอบครองสาวใช้ของตนเอง เขายอมทำทุกอย่าง แลกด้วยทุกสิ่งที่ตนเองมี เพื่อให้ได้หล่อนมาอยู่ใต้ร่าง โดยไม่สนใจเลยว่าแม่สาวคนสวยที่เขาปรารถนาจะเต็มใจหรือไม่ สำหรับ พราวเนตร เขาคือผู้ชายใจดำอำมหิต เขาเหี้ยมโหด และไม่มีหัวใจ เขาแย่งชิงหล่อนมาจากชายคนรัก หักหาญน้ำใจของหล่อนอย่างป่าเถื่อน กักขังหล่อนเอาไว้ใต้เรือนร่างทรงพลังทุกค่ำคืนด้วยไฟปรารถนา หล่อนเกลียดเขาที่สุด เกลียดผู้ชายแสนเอาแต่ใจ ชอบบงการคนนี้นัก แต่ทำไมหนอหัวใจ ถึงได้หวั่นไหวไปกับจอมมารร้ายตนนี้ ทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร