เรื่องย่อ(part1) เหมย เด็กสาวผู้มีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม กิริยามารยาทงาม มหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมที่รับเหมยเข้าไปเรียนต่อ แม้ว่าผลการเรียนจะดีก็ตาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมยทำได้แย่มากคือ "การเล่นกีฬา" เจน เด็กสาวผู้มีทักษะด้านกีฬาระดับมืออาชีพ เป็นสมาชิกทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน นิสัยลุย ๆ เหมือนผู้ชาย แต่ถึงจะมีทักษะด้านกีฬาที่ดีเลิศแต่ "ผลการเรียนถือว่าแย่มาก" แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่ เมื่อรองผู้อำนวยการให้ทั้งคู่มาเป็นคู่หูช่วยเหลือเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ถนัดแต่ด้วยนิสัยที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว สรุปแล้วคู่นี้จะไปรอดหรือไม่ มาติดตามกันใน My buddy คู่หูคู่กัด เรื่องย่อ(part2) หลังจากที่ผ่านพ้นเทอมแรกมาได้ เจนก็ค่อยมีเวลาหายใจหายคอหน่อย แต่ทว่าในเทอม2นี้ พวกเธอทั้งสองคนก็ยังคงต้องเจอเรื่องราวทั้งในปัจจุบันและในอดีตที่วุ่นวายและเศร้า พวกเธอจะเอาชีวิตกันได้ไหม มาติดตามกันใน My buddy คู่หูคู่กัด (part2)
เช้าวันจันทร์ เวลา 7.00 น.
หญิงสาวในชุดนอนสีชมพูกำลังลุกขึ้นจากเตียงนอนหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม แล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวไปโรงเรียน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินลงมาข้างล่าง พอลงมาข้างก็พบผู้ชายคนหนึ่ง
"อ้าวเหมย มาพอดีเลย พ่อทำอาหารเช้าเสร็จพอดี มาทานกัน"
ใช่แล้ว ผู้หญิงในข้างต้นก็คือ เหมย หญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยร่างกายและใบหน้าที่น่ารักสมวัย เหมยเป็นลูกสาวของนักการทูต ส่วนแม่ของเหมยเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงแต่ต้องมาด่วนจากไปด้วยโรคร้าย ทำให้พ่อของเหมยต้องเลี้ยงดูเหมยด้วยตัวคนเดียว
"ค่ะพ่อ วันนี้มีอะไรทานเหรอคะ?"
"วันนี้มีไข่ดาวกรอบ ๆ แบบที่ลูกชอบพร้อมด้วยขนมปังเนื้อแน่นทาด้วยแยมเนยถั่วและไส้กรอกไร้แป้งแต่ไม่ไร้ความอร่อย"
"ระหว่างชาดาร์จีลิ่งกับชาเออเกรย์ คุณหนูจะรับชาอะไรดีคะ" ป้าดา แม่บ้านอาวุโสถามเหมย
"ขอชาดาร์จีลิ่งละกันค่ะ"
"ค่ะ แล้วคุณผู้ชายละคะ?"
"ผมขอชาเออเกรย์ครับ"
ป้าดาก้มหัวรับคำสั่งแล้วหันไปรินชา
"เกรดเทอมที่แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง"
"ก็ดีค่ะ"
"ดีเหรอ เทอมที่แล้วได้ข่าวว่าตกวิชาพละไม่ใช่เหรอ? ถ้าลูกอยากจะเป็นนักการทูต ลูกต้องทำให้ดีกว่านี้"
"หนูจะพยายามค่ะ"
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เหมยก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
"แล้วเจอกันตอนเย็นนะ"
"ค่ะ" เหมยตอบกลับพ่อ
ระหว่างทางไปโรงเรียน
"ลุงพลคะ ช่วยจอดตรงนี้ด้วยค่ะ วันนี้อากาศดี หนูอยากจะเดินไปโรงเรียนเองค่ะ" เหมยบอกกับลุงพลที่เป็นคนขับรถ
"จะดีเหรอครับคุณหนู ถ้าคุณผู้ชายรู้เข้า ผมโดนหักเงินเดือนแน่ครับ"
"หนูไม่พูด ลุงพลไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ"
"ก็ได้ครับ ระมัดระวังตัวด้วยนะครับ"
หน้าโรงเรียน
"ในที่สุดก็ถึงซะที ยังมีเวลาเหลืออยู่ ค่อย ๆ เดินเข้าไปดีกว่า"
"หลบหน่อย ๆ รถมาเร็วเบรกไม่ทัน"
พอเหมยหันไปก็พบกับ เด็กผู้หญิงผิวสีแทนในชุดเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับเหมย กำลังปั่นจักรยานพุ่งมาทางเหมย
"ว้าย อะไรกันเนี่ย ขับดี ๆ หน่อยสิ"
"โทษที รถมันแรงช่วยไม่ได้ แต่ยังไงก็ขอโทษด้วยละกัน"
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เหมยก็เดินไปที่ห้องเรียน
ในห้องเรียน
"ว่าไงอ้อม มานานยัง?"
"อ้าวเหมย เราเพิ่งมาเอง ว่าแต่...ทำไมเธอทำหน้าตาอย่างนั้นละ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?" อ้อม เป็นเพื่อนเก่าของเหมยตั้งแต่สมัยประถม รู้จักกันมาตั้งนาน
"พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยที่หน้าโรงเรียนน่ะ ก็มีเด็กผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ปั่นจักรยานพุ่งมาเกือบชนฉัน"
"อ๋อเหรอ โชคดีนะที่ไม่มาชนเธอ ไม่งั้นฉันคงต้องนั่งเรียนอย่างเหงาหงอย"
"อ้าว แล้วนิ่มละ ไปไหน?"
"นิ่มลาป่วยน่ะ บอกว่าปวดประจำเดือน"
กิ๊ง ก่อง แก๊ง นี่คือเสียงสัญญาณเริ่มเรียน
"เอาละ ทุกคนนั่งที่ ก่อนจะเริ่มเรียนวิชาแรก ครูมีคนที่จะมาแนะนำให้นักเรียนรู้จัก"
"เอาละ เข้ามาได้จ้ะ"
ครืดดด
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนางสาว บุษบา ทิพย์ราวัญ ชื่อเล่นว่า เจน เพิ่งย้ายมาใหม่ค่ะ ขอฝากเนื้อฝากเนื้อด้วยค่ะ"
"เหมย ดูสิ นักเรียนย้ายมาใหม่ น่ารักจัง" อ้อมชวนเหมยให้ดูนักเรียนใหม่
"เฮ้ย! นี่มันเด็กผู้หญิงคนเมื่อเช้านี้นี่" เหมยลุกขึ้นมาแล้วก็อุทานเสียงหลง
"เดี๋ยวนะ? เธอมันคนที่ฉันเกือบจะชนเมื่อเช้านี้ ขอโทษอีกทีนะ"
********************
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล