"...ผมมีอะไรจะบอกอาย" "...?" "อายอย่าเสียใจนะ" "เรื่องอะไร" "ผมยังไม่เคย" "...?" "ผมยังเวอร์จิน" "...!" อารยามองหน้าเจ้าบ่าวตาโตราวกับเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ไม่ปาน พลางถามตัวเองในใจว่า แล้วผู้หญิงเราควรจะรู้สึกยังไงดีล่ะ เมื่อเจ้าบ่าวมาบอกว่ายังไม่เคยผ่านมือหญิงใดมาก่อน
"สวัสดีครับพี่สวย พี่สาว ป้าส้ม"
เสียงทักทายคุ้นเคยที่ได้ยินเกือบทุกวันนำรอยยิ้มมาประดับบนริมฝีปากของเจ้าของชื่อ และผู้คนที่อยู่รอบๆ บริเวณเฉกเช่นทุกครั้งที่หนุ่มน้อยปรากฏตัวที่โรงพยาบาล
"สวัสดีค่ะน้องอาร์ม"
สามสาวต่างวัยเงยหน้าขึ้นมาทักทายขวัญใจของคนในโรงพยาบาล
"วันนี้ทำไมเลิกเรียนเร็วล่ะคะ"
ป้าส้มคนสวยถามกลับเมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งปกติจะแวะมาหาคุณแม่ทุกวันหลังโรงเรียนเลิก
"คุณครูประชุมครับก็เลยปล่อยก่อน"
"เหรอคะ...แล้วนั่นหอบอะไรมาเต็มอ้อมแขนเลยคะ"
"ของแม่อายครับ ไปรษณีย์มาส่งเมื่อกี้นี้เอง"
"อ๋อ! วันวาเลนไทน์"
สามสาวร้องออกมาพร้อมเพรียงเรียกรอยยิ้มจากเจ้าตัวเล็กบ้าง เพราะตั้งแต่คุณหมออารยามาอยู่ที่โรงพยาบาลเล็กๆ ประจำอำเภอบ้านเกิด คนที่ทำงานในโรงพยาบาลก็จะทราบกันเป็นอย่างดีว่าทุกเทศกาล หรือวันสำคัญต่างๆ จะมีของส่งมาถึงคุณหมอคนสวยไม่ได้ขาด จนเป็นที่โจษจันกันไปทั้งโรงพยาบาล ส่วนพยาบาลสาวๆ ที่ทำงานอยู่ด้วยกันก็จะพากันกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ในตอนแรกๆ ที่เห็น แต่ตอนนี้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเมื่อไหร่ที่คุณไปรษณีย์นำของมาส่งให้คุณหมอคนสวย ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลก็เป็นอันรู้กันเลยว่าของในกล่องนั้นมาจาก 'หนุ่มนิรนาม' ที่แม้แต่ตัวผู้รับเองก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป
"แม่อายอยู่ห้องตรวจใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"งั้นอาร์มไปนั่งทำการบ้านรอที่สนามด้านหลังนะครับ"
"ค่ะ...น้องอาร์มเอาขนมไปกินด้วยไหมคะ" พี่สวยถามอย่างมีน้ำใจ
"ขอบคุณครับ แต่ว่าวันนี้อาร์มขออนุญาตปฏิเสธดีกว่า...จะเก็บท้องไว้รอกินของในกล่องน่ะครับ" หนุ่มน้อยชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบกับสามสาวเรียกรอยยิ้มจากสาวๆ ได้อีกครั้ง
"แล้วน้องอาร์มรู้ได้ยังไงคะว่าในนั้นคือของกิน" ป้าส้มแกล้งถาม
"ช็อกโกแลตชัวร์ครับ เพราะวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เมื่อเช้าอาร์มยังก็ได้มาตั้งสามกล่อง"
หนุ่มน้อยถือโอกาสอวดซะเลย
"แล้วไม่เห็นเอามาฝากพี่ๆ บ้างหรอก"
"อยากเอามาครับ แต่เพื่อนๆ แย่งกันกินหมดเลย"
เจ้าหนูทำหน้าตาแบบรู้สึกผิดเต็มที่ให้สามสาวต่างวัยส่ายหน้าไปมาทั้งรอยยิ้ม
"แล้วสาวที่ไหนให้มาคะ"
"ความลับครับ บอกไม่ได้เดี๋ยวผู้หญิงเขาเสียหาย"
หนุ่มน้อยกระซิบกลับ ผู้ใหญ่ก็เลยได้หัวเราะไปตามๆ กัน ก่อนเจ้าตัวจะขออนุญาตไปนั่งทำการบ้านรอเวลาเลิกงานของผู้เป็นแม่
"อาร์ม"
"แม่อาย สวัสดีครับ"
ลูกชายวางมือจากดินสอยกมือไหว้มารดา
"แม่อายเลิกงานแล้วเหรอครับ"
"จ้ะ...แล้วนี่ทำอะไรอยู่"
"วาดรูปครับ...อาร์มทำการบ้านเสร็จแล้ว"
"แม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"
คุณแม่คนสวยระบายยิ้ม วางมือบนศีรษะลูกชายแล้วก็โยกเบาๆ
"วันนี้ได้ข่าวว่าลูกชายของแม่ได้ช็อกโกแลตตั้งสามกล่องเลยหรือ"
"กล่องเล็กนิดเดียวเองครับ สู้ของแม่อายไม่ได้หรอก"
คนเป็นแม่มองไปที่กล่องตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม เพราะสายรายงานให้ทราบตั้งแต่ก้าวขาออกมาจากห้องตรวจแล้ว
"โรแมนติกนะครับ"
"หืม...เดี๋ยวนี้รู้จักคำนี้ด้วยนะ"
คนเป็นแม่อดแซวไม่ได้
"อาร์มอายุสิบเอ็ดแล้วนะครับ"
"ถึงว่าแก่แดดเชียว"
"โธ่!"
"โธ่อะไร"
"เปล่าครับ โธ่เฉยๆ"
พอลูกชายเลี่ยงคัมภีร์ คนเป็นแม่ก็เลยส่ายหน้าให้เห็นบ้าง แต่รอยยิ้มยังเปี่ยมสุข แววตายังเต็มไปด้วยความเอ็นดูไม่ต่างจากทุกครั้งที่แม่ลูกมีเวลาอยู่พูดคุยกัน
"จะกลับบ้านกันหรือยัง"
"แม่อายไม่แกะดูหน่อยหรือครับ"
"อยากรู้หรือว่าอยากกิน"
คนเป็นแม่ถามกลับอย่างรู้ทัน เพราะลายมือบนกล่องบอกที่มาของของได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าไม่มีชื่อผู้ส่งเท่านั้น ส่วนที่อยู่ ก็เป็นที่อยู่เดิม...
คอนโดหรูกลางกรุงที่ไม่ปรากฏชื่อคนเป็นเจ้าของ
หลังจากพยายามตามหาเจ้าของของตามที่อยู่อยู่พักใหญ่ ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เธอก็เลิกล้มความพยายาม เพราะไม่มีร่องรอยอะไรให้เธอแกะไปถึงเจ้าของของที่ส่งมาให้ทุกปีได้เลย สุดท้ายเธอก็เลยได้แต่เซ็นรับเอาไว้ด้วยความจำใจ เพราะครั้นจะส่งคืนเจ้าของ ข้อความในการ์ดใบเล็กที่แนบมากับของ ก็ทำให้เธอไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้
'ห้ามส่งคืนนะครับ เพราะถ้าส่งกลับผมจะถือว่าอายรับรักผมแล้ว'
เพราะแบบนี้เธอถึงได้แต่รับและรับเรื่อยมา โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาให้ เพราะทุกปีของวันคล้ายวันเกิดเธอจะได้การ์ด ดอกไม้และน้ำหอม...
วันปีใหม่ วันคริสต์มาส จะเป็นการ์ดกับน้ำหอม...วาเลนไทน์เธอจะได้การ์ด ช็อกโกแลตกับน้ำหอม เป็นแบบนี้มาหลายปีจนเพื่อนร่วมงานรู้กันทั้งโรงพยาบาล
"หิ้วท้องรอตั้งแต่เห็นกล่องเลยครับ"
ลูกชายสารภาพหน้าเป็น ให้คนเป็นแม่ส่ายหน้าทั้งยิ้ม
"งั้นก็แกะเอง"
"ไม่มีความลับนะครับ" เจ้าตัวเล็กยังไม่วายหยอก
"เดี๋ยวอด"
คุณแม่ยังสาวโต้กลับไม่จริงจัง ลูกชายก็เลยรับมุกด้วยการคว้ากล่องมาแกะกระตือรือร้นให้มารดายิ้มแล้วยิ้มอีก
"อันนี้ของแม่อายชัวร์ครับ"
อารยายื่นมือออกไปรับน้ำหอมกลิ่นเดิมที่เคยได้รับเป็นของกำนัลกับการ์ดในซองสีเขียวอ่อนที่ลูกชายส่งให้
"ส่วนช็อกโกแลต ขอกินเลยนะครับ"
คนเป็นแม่พยักหน้าให้เจ้าตัวเล็ก แล้วก็ดึงการ์ดออกมาจากซอง คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดทันทีเมื่อกวาดสายตาไปตามข้อความสั้นๆ ในการ์ด
'ในที่สุดก็ได้เจอ'
ชารีดา พิมพร อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร : เพื่อคุณชายวังกุหลาบขาว เธอยอมทำทุกอย่าง หม่อมราชวงศ์เตชิษฏ์ ปารเมศ : เพื่อให้ได้เธอมา มารยา เล่ห์เหลี่ยมใดในโลกหล้า เขาก็พร้อมขุดมาใช้ ---------------------- “อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ชารีดาขอร้องเสียงอ่อน เมื่อเขายอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา แล้วก็เป็นฝ่ายรั้งเขาลงมาหาเสียเอง โอบกอดเขาเอาไว้ แนบริมฝีปากกับปากหยักสวยของเขา บดเบียดเงอะงะ ขบเม้มสเปะสปะลงบนริมฝีปากบนและล่างอย่างที่เขาเคยสอนอย่างไม่ประสีประสา หากเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเศร้าเสียใจส่งเสียงครางฮือในลำคอได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเมื่อริมฝีปากอิ่มเผยอออกต้อนรับปลายลิ้นอุ่นนุ่มที่แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ดูดซับเอาลมหายใจและความฉ่ำหวานเอาไว้เต็มๆ ปลุกอารมณ์หลากหลายในตัวให้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้ง กลิ่นฮอร์โมนเพศชาย กลิ่นกุหลาบขาวหอมกรุ่นจากร่างนุ่มนิ่มของคนใต้ร่าง กลิ่นความรักและความโหยหา กลิ่นตัณหาและความมึนเมาเย้ายวนอยู่รอบตัวสองหนุ่มสาว จนไม่คิดว่าจะมีอะไรมาหยุดยั้งไว้ได้แล้วในตอนนี้.... ชารีดาโน้มใบหน้าคมสันลงแนบชิดยิ่งขึ้น หลังปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายรุกมากว่าห้านาที.... ประสบการณ์สดๆ ร้อนที่เขาเพิ่งสอนไป ถูกนำมาใช้อย่างกระตือรือร้นเมื่อได้สัมผัสและรู้จักกับรสชาติของการจูบอย่างถึงแก่น...เรียวปากอิ่มประกบติดปากได้รูปสวยของเขาอย่างไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้ ละเลียดชิม เลาะเลม ดูดเม้มริมฝีปากบนและล่างของเขาอย่างกระตือรือร้นปนตื่นเต้น ก่อนจะส่งลิ้นนุ่มออกมาเลียไล้แผ่วหวิวจนคนได้รับการเยียวยาครางกระหึ่มด้วยความถูกใจ พอทนไม่ไหว ก็ส่งลิ้นอุ่นนุ่มออกมาเกี่ยวกระหวัด สำรวจกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร.... สัมผัสความหวานล้ำ ดื่มด่ำ หลงวนอยู่กับความฉ่ำชื้นแสนหวานปานน้ำผึ้งนานตราบเท่าที่ต้องการ จนกระทั่งร่างเล็กสั่นระริกอ่อนระทวย นอนซบร่างแกร่งหนาอย่างคนหมดแรงเมื่อเขาพลิกตัวลงรองรับ โอบกอดเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าเธอจะหนีจาก
สำหรับทิพย์วารีแล้ว เจ้าชายทาริซ วัฟซาลัม อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร เปรียบดั่งแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ สูงไกลสุดเอื้อมถึง แต่เธอจะทำเช่นไร เมื่อฟ้าที่คิดว่าสูงสุดเอื้อม อยากหลอมรวมดวงใจให้แผ่นฟ้าจรดผืนน้ำ...ตลอดไป ------------------ “คนเราถ้าลองได้รักใครสักคน เวลามันไม่สำคัญไปกว่าเรารู้ว่าใจของเราคิดและรู้สึกอย่างไรหรอก...รักก็คือรัก แค่ได้มองสบตา เราก็รู้แล้วว่าใช่ และเราก็ไม่ควรถามหาเหตุผลกับความรักด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่เราถามหานั่นหมายความว่าใจของเราเริ่มไม่มั่นคง และเราก็จะไม่มีทางได้คำตอบจากมัน เพราะเราจะคอยหาเหตุผลนั่นนี่มาเข้าข้างตัวเองจนลืมฟังเสียงของหัวใจ...สำหรับเราสองคน ถึงเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ผมก็อยากให้น้ำเชื่อใจผม ว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจไปจากน้ำแน่ เพราะผมถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเมื่อไหร่ที่ผมเอ่ยคำพูดใดออกไป นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่มั่นใจผมจะไม่พูดเด็ดขาด....ผมบอกว่าจะรอ จะให้โอกาสน้ำก็จริง แต่ผมก็จะไม่อยู่เฉย ถ้าหากว่ามีคนอื่นเข้ามาในชีวิตของน้ำ แล้วเวลาไม่กี่วันที่น้ำว่า ผมก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง และเปิดเผยทุกอย่างกับน้ำจนหมดเปลือก....ถึงตอนนี้ ก็อยู่ที่น้ำแล้ว ว่าจะกล้าวางชีวิตและหัวใจให้ผมดูแลหรือเปล่า” “...ช่วยกอดหน่อยสิคะ” “หือ?”
ชารีฟ อิสมาอีล อาห์เม็ด อุมัร กิวาซ ถูกภรรยาขอหย่าเพราะไม่สามารถมีลูกได้ แต่เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกลับทำให้เขารู้สึกสะกิดใจเข้าอย่างจัง เขาก็เลยต้องหาทางพิสูจน์... ไม่ใช่กับใครที่ไหน แม่ของหนูน้อยแชรีที่หน้าตาถอดแบบมาจากเขาราวกับแกะนั่นแหละ! -------------- “คุณว่ามันเป็นเรื่องน่าอายไหม ที่ผู้ชายคนหนึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นหมัน” “เป็นหมัน!” เสียงแหบแห้งเพราะโดนพิษไข้เล่นงานอุทานออกมาเสียงดังเท่าที่จะดังได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขาหน้าตื่น เขาแข็งแรง แข็งแกร่ง สมบูรณ์ไปหมดทุกสัดส่วน และเขาก็เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างสวยงามมาก แต่พระเจ้า! เขาบอกว่าเขาเป็นหมัน หมายความว่าจะไม่ใครสามารถสืบต่อกรรมพันธุ์แสนเพอร์เฟกต์นี้ได้อีกต่อไปแม้กระทั่งลูกของเธอ ที่เธออุตส่าห์หมายหมั้นปั้นมือ และเลือกเฟ้นมาแล้วเป็นอย่างดีว่าจะต้องเป็นเขา “อย่ามองผมแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสารผมด้วย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจในยามจ้องมองทำให้ชายหนุ่มต้องเอาตัวหญิงสาวลงนอนพิงอกกว้างอีกครั้ง “ทำไมคะ” “ที่ผมเป็นหมันน่ะเหรอ” “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะผมเคยประสบอุบัติเหตุก็เป็นได้” “คุณพูดเหมือนไม่มั่นใจ” หญิงสาวท้วง “แล้วใครเป็นคนบอกคุณคะ” “ผมถูกภรรยาขอหย่าเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ และหมอก็ยืนยันแบบนั้น” “คุณแต่งงานแล้ว” “เคยแต่ง แต่ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว” ชารีฟบอกไม่เดือดร้อน “เพราะว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้แค่นั้นเองเหรอคะ” ชาลินีเหมือนจะลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วคราว เมื่อรู้เรื่องของเขา เขาถามว่าน่าอายไหม สำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย แต่น่าสงสารมากกว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ถูกภรรยาขอหย่าเพียงเพราะว่าไม่สามารถมีลูกได้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าความรักและการร่วมชีวิตได้อย่างไร "เพราะแบบนี้ผมถึงบอกว่าคุณสบายใจได้ คุณไม่มีทางท้องแน่นอน” เขาย้ำถึงความเป็นจริง โดยไม่เห็นว่าหญิงสาวหน้าซีดเพียงใดเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขา ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป... เธอเสียตัวฟรีแน่แล้ว!!
"หนูดีเกลียดพี่ธิษณ์" "ไม่จริงหรอก พี่รู้ว่าในโลกใบนี้จะหาใครที่รักพี่ได้เท่าหนูดีไม่ดีอีกแล้ว" คนรู้ใจบอกอย่างรู้แจ้งเห็นจริงให้คนได้ครอบครองหัวใจพูดอะไรไม่ออก "นาทีนี้พี่ตามใจหนูดีทุกอย่างนั่นแหละ หนูดีจะว่าพี่รักพี่หลงไม่ลืมหูลืมตา หรือจะมองว่าพี่ไม่มีเหตุผล เป็นคนเห็นแก่ตัว หรือว่าเอาแต่ใจยังไงก็ได้ แต่พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว พอกันทีกับความทรมานที่ผ่านมา" พิมดาวพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อคู่หมั้นจัดเต็มและจริงจังกับการเปิดเปลือยความรู้สึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากที่โกรธที่ไม่พอใจก็กลายเป็นว่าต้องเก็บคำพูดของเขามาคิด แล้วเธอล่ะ ต้องการอะไร
สัญญาในวัยเด็กนำเขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้ง "นี่ยายฟันกระต่าย หัดเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่หือ...ทีแต่ก่อนขี่คอผมชมสวนทุกวัน ไม่เห็นจะคิดมากเลย" เขาจงใจเท้าความหลังให้อีกฝ่ายเกิดปฏิกิริยา "...ก็ตอนนั้นยังเด็กไง" "อ้อ! ตอนนี้โตแล้ว มีตัวเลือกเยอะ ก็เลยจะถีบหัวส่งเพื่อนวัยเด็กอย่างผม" คีรินทร์จงใจใช้คำพูดยั่วยุเต็มที่ ขณะที่หัวใจก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชีวิตของเขาจากนี้คงจะหายเหงาไปเยอะเลยล่ะ หากได้ปะทะคารมกับยายฟันกระต่ายทุกวัน ซุปเปอร์สตาร์คนดังคิดอย่างครึ้มใจ
"ลิลลี่เป็นผู้หญิงนะคะ แล้วก็เป็นสาวแล้ว จะให้เที่ยวมานอนบ้านผู้ชายได้ยังไง" โรมต้องยิ้มบ้าง ไม่ได้เอะใจเลยว่าฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นเตือนตนกลายๆ ว่าให้เขามองเธอเป็นผู้ใหญ่เสียที "พี่ก็ไม่ได้ว่ายังไม่เป็นสาว" ก็เพราะว่าเธอโตเป็นสาวสวยแล้วนี่แหละ จากความเอ็นดูในหัวใจมันถึงได้กลับกลายเปลี่ยนแปลงเป็นความทรมานแทน ที่ได้แต่แอบรัก และเฝ้ามองดอกลิลลี่แสนสวยเติบโตขึ้นทุกวันๆ หลังจากเลี้ยงต้อยเธอด้วยสายตามานานปี
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ