แคว่กก... กระโปรงตัวเดียวที่ยังสมบูรณ์เป็นรูปร่างถูกมือใหญ่ดึงทึ้งฉีกขาดอีกครั้ง ซึ่งบ่งบอกความบ้าบิ่นของเจ้าพ่อกาสิโนที่มีนิสัยชอบทำร้ายผู้หญิงก่อนมีเซ็กซ์พิสดาร เขาจับมือทั้งสองข้างของเธอขึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว ร่างโตโถมทับร่างบาง ใบหน้าคมคายก้มลงซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวนวล ริมฝีปากร้ายพรมจูบผิวเนื้อทุกตารางนิ้วบนใบหน้านองน้ำตา ริมฝีปากหนาไล้มาประกบจูบบดขยี้เรียวปากอิ่มจนทำให้ปากบางที่แตกอยู่แล้วกลับแตกและมีเลือดไหลซิบออกมาอีก “อย่าทำฉัน...ฮืออ” กล้วยไม้หมดหนทาง ไม่มีเรียวแรงที่จะสู้จึงอ้อนวอนชายหนุ่มด้วยเสียงสะอื้นไห้ครางฮือๆ อยู่ในลำคอ “หยุดแหกปากร้องเสียที ในนี้ไม่มีใครเขาสนใจโสเภณีอย่างเธอหรอก” ยาเสพติดผสมยาปลุกเซ็กซ์ออกฤทธิ์กระตุ้นให้อาเล็กกลายเป็นคนถ่อยสถุลที่สุด “ฮืออ...ปละ...ปล่อยฉัน!!” ความถ่อยกักขฬะของชายหนุ่ม ปลายลิ้นสากเปียกชุ่มน้ำลายเหนียวๆ ปาดเลียไปตามดวงหน้าหวานทำให้กล้วยไม้ขยะแขยง เธอดิ้นรนอย่างแรงเอาตัวรอด แต่กล้วยไม้ก็ไม่มีทางสู้แรงมหาศาลของคนสวะจึงปล่อยให้เขาจูบลูบคลำตามอำเภอใจ แล้วเมื่อชายหนุ่มหลงกล เธอจึงกัดเข้าที่ปลายลิ้นของเขาจนจมเขี้ยว “โอ๊ย!! ฤทธิ์เยอะนะมึง” อาเล็กยังนอนคร่อมร่างบาง เขาร้องโอดครวญยกมือขึ้นกุมปากที่โชกไปด้วยเลือด ความเจ็บปวดตุบๆ ตรงแผลกลางลิ้นทำให้อารมณ์โกรธเดือดดาล และยิ่งเป็นเพศตรงข้ามมาทำกับเขาแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่ชอบดูถูกผู้หญิงทุกคนเป็นเพียงเศษขยะฉุนขาด แล้วก็… เผียะ!! เผียะ!!! อาเล็กใช้มือข้างที่กุมปากชุ่มไปด้วยเลือดฟาดลงบนพวงแก้มนวลของกล้วยไม้สองครั้งอย่างแรง “กรี๊ดดด!! ฮืออ” เสียงหวานกรีดร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวด ดวงหน้าขาวที่ถูกตบแดงช้ำบวมเป่ง มองเห็นเป็นรอยฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มอย่างชัดเจน “อาเล็ก หยุด!!!” ภาพของผู้หญิงร่างบอบบางถูกทำร้าย ชุดกระโปรงตัวสวยถูกฉีกขาดวิ่นไม่มีติดกายจนมองเห็นริ้วรอยเขียวช้ำบนผิวขาวอย่างชัดเจน เธอนอนสั่นระริกอยู่ใต้ร่างของอาเล็ก ทำให้เดวิดเกิดความเดือดดาลอยากจะฆ่าไอ้น้องชายจอมชั่วที่มันช่างกล้ามาทำความเลวระยำในพื้นที่ของเขา “พิ...พี่ใหญ่!!” มือใหญ่กำเป็นกำปั้นกำลังจะชกลงบนหน้าท้องของหญิงสาวก็ต้องหยุดค้างไว้ เมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!!” ‘สถุลสิ้นดี’ เดวิดกัดฟันเสียงดังกรอดๆ เขาเค้นเสียงด่าน้องชายต่างมารดาออกมาจากไรฟัน “มาดมัวแซลล์” เจสันได้รับคำสั่งจากแววตาของเจ้านายที่ขณะนี้ช่างดูน่ากลัวมาก รีบทำตามคำสั่งเข้าไปประคองร่างน้อยที่นอนขดตัวเหมือนกุ้งโดนเผาอยู่บนพื้น “กรี๊ดดด!! ยะ...อย่าเข้ามานะ...ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย” กล้วยไม้เหมือนคนขาดสติหวาดกลัวกลัวเรื่องเลวร้าย เธอกรีดร้องพร้อมทั้งตะเกียกตะกายถอยหลังหนี ไม่ยอมให้เจสันได้แตะเนื้อต้องตัว “ไอ้เจสัน! มึงปล่อยผู้หญิงของกูเดี๋ยวนี้นะ!!” อาเล็กตะคอกเสียงใส่เจสัน พร้อมทั้งก้าวเดินจะเข้าไปจะฉุดกล้วยไม้ที่อยู่ในวงแขนของเจสัน “ฉันบอกให้หยุด!!” ดวงตาเปล่งแสงอ่อนลงเมื่อเหลือบตามองร่างเปลือยที่อยู่ในอ้อมแขนของเจสัน... แวบแรกที่เห็นใบหน้าบวมเป่ง มองไม่ออกว่าเจ้าของใบหน้านั้นจะมีรูปหน้าแบบไหน...เดวิดเมินหน้าหนีไม่เข้าใจตัวเองทำไมความรู้สึกขณะนี้อ่อนยวบ สงสารเธอ เขาอยากจะปกป้องดูแลเธอ และไม่อยากให้ชายหน้าไหนได้แตะต้องตัวเธออีกด้วย “พี่ใหญ่บอกให้ไอ้ดำมันปล่อยผู้หญิงของผมด้วย” อาเล็กถึงจะเกรงกลัวเดวิด แต่ชายหนุ่มก็ยังใจกล้าทำท่าทางยิ่งใหญ่ใส่พี่ชาย “ผู้หญิงเขาไม่ยินยอม นายก็ยังจะขืนใจเธอเนี่ยนะ” เดวิดถอดเสื้อสูทให้เจสัน พยักหน้าให้เจสันใช้เสื้อของเขาคลุมร่างน้อยไว้ไม่อยากให้ผิวบางที่เขียวช้ำถูกมือของเจสัน บ้าที่สุด นี่เขาหวงเธอ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันหรือ เดวิดครุ่นคิดสับสนหัวใจของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าบวมเป่งนั้น “จะเต็มใจไม่เต็มใจ ผมก็จ่ายค่าตัวเธอไปแล้ว...พี่ใหญ่บอกให้ไอ้เจสันมันส่งตัวเธอมาให้ผมเร็วๆ” อาเล็กยังมีอาการเมายา ชายหนุ่มพูดเสียงแข็งปนเสียงหัวเราะและทำท่าทีฮึดฮัด พูดลิ้นพันกันฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง “คุณเดวิดคะ...ฉันว่าอย่าไปสนใจเรื่องของผู้หญิงแบบนี้เลยค่ะ นี่คงจะโก่งราคากับคุณอาเล็กอีกละสิหล่อน” ซูซี่ที่ยืนฟังของสองพี่น้องทะเลาะกันเพราะเด็กผู้หญิงนั้น รีบเข้ามาตัดบท แววตาสีน้ำทะเลแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงเดือด จ้องมองหน้าสวยของซูซี่ ความร้อนของแววตาสีเข้มดั่งไฟบนใบหน้าสุดเซ็กซี่ทำให้ซูซี่ต้องหลบหน้างุด “ฮือออ...อย่าาา” กล้วยไม้สติยังไม่กลับมาอยู่กับตัว คนตัวน้อยเริ่มมีอาการแปลกใหม่ขึ้นกับตัวเธอ ครางเสียงกระเส่าใบหน้าเต็มน้ำตาดูเซ็กซี่ ดวงตาหวานคลอน้ำตาเยิ้มแพรวพราวมองหน้า เจสัน มือที่คอยปกปิดของสงวนนั้นคลายออกเปลี่ยนเป็นลูบไล้ไปตามจุดสำคัญใต้ร่มผ้าที่มีติดร่าง
บึมม!!!
“ระ...ระวัง! หละ...หลบไปครับพี่บุญมี!”
เสียงครางของผู้ชายตัวโตที่นอนเกลือกกลิ้งกระสับกระส่ายสะดุ้งเป็นพักๆ อยู่บนที่นอนหนานุ่มขนาดใหญ่ มือไม้ทั้งสองข้างไม่อยู่สุขก็คอยไขว่คว้าเอาอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามากอดไว้แนบชิด ซึ่งสิ่งที่คนนอนละเมอฝันร้ายก็คว้าเอาหมอนข้างกายมากอดไว้แน่นแทนอะไรบางอย่างที่ชายหนุ่มเรียกร้องโหยหา เฝ้าเสาะแสวงหามาตลอดสิบห้าปีกว่า
วี้ดด!! บึมมม!!! บึมมมม!!!
เสียงหวอระเบิดเตือนภัยมาพร้อมเสียงตูมๆ ของระเบิดหลายลูกที่เครื่องบินหลายลำบินผ่านโจมตีโยนลงสู่พื้นดินตรงหมู่บ้านเล็กๆ ในแผ่นดินประเทศลาวติดชายแดนไทยลุ่มแม่น้ำโขง ผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคนเฒ่าผู้แก่เด็กเล็กเด็กแดงในหมู่บ้านต่างพากันร้องวี้ดว้ายขอความช่วยเหลือ
ทุกคนต่างวิ่งหนีหลบลูกระเบิดกันขวักไขว่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกันกับครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ‘นาย บุญมี วิบูรณ์’ เขาจูงเมียและอุ้มลูกสาวเดินฝ่าความมืดไปตามตลิ่งแม่น้ำโขง ซึ่งมีนายทหารฝรั่งนายหนึ่งคอยเดินนำทาง
“คุณเดวิด...ผมฝากลูกสาวของผมด้วยนะครับ
เมื่อมาถึงที่หมาย ชายหนุ่มร่างท้วมวัยสี่สิบปีพูดภาษาฝรั่งเศสผสมภาษาไทยแบบคำต่อคำพอทำให้เดวิด นายทหารฝรั่งวัยยี่สิบหกปีได้เข้าใจ...
นายบุญมีหวาดระแวงคอยสอดส่องมองความปลอดภัยซ้ายขวาเมื่อเสียงปืนดังอยู่ข้างหลัง ไหนจะเสียงระเบิดที่เครื่องบินหลายลำบินผ่านและโยนลงแต่ละครั้งเสียงดังตูมตามๆ
ดวงหน้าหยาบกร้านของนายบุญมีเป็นกังวลอย่างหนักเมื่อมองหน้านายทหารชาวฝรั่งเศส เขาสงสารลูกแต่จะทำอย่างไรได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ลูกสาวมีชีวิตรอดก็คือ ฝากฝังลูกสาวสุดดวงใจให้นายทหารฝรั่งที่เขาไว้ใจว่าชายหนุ่มจะปกป้องคุ้มครองดูแลลูกแทนเขาได้เป็นอย่างดี
และก่อนที่เขาจะยื่นลูกสาวคนเดียวให้เดวิดนั้น...นายบุญมีก็ได้หันไปมองตาของภรรยาชาวลาว ซึ่งภรรยาของนายบุญมีก็พยักหน้าให้สามีทั้งที่มีน้ำตาไหลเป็นทางยาวอาบแก้มขาวผ่อง มือที่กุมมือของสามีไม่ยอมปล่อยนั้นเย็นเฉียบเมื่อเห็นสามียื่นลูกสาวสุดดวงใจให้เดวิด
“ไปด้วยกันนะครับพี่บุญมี...พี่ช่อไม้”
เดวิดพูดภาษาฝรั่งเศสผสมภาษาไทย เขาช่วยนายบุญมีเอาเรือพายออกมาจากที่ซ่อน แล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเรือที่มีเพียงสองที่นั่ง ซึ่งนายบุญมีเป็นคนหามาเตรียมไว้เพื่อหลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศไทย...
เดวิดรับหนูน้อยกล้วยไม้มาอุ้มแล้วปล่อยให้เด็กน้อยนั่งเกาะขาเขาไว้ แล้วเขาก็ยื่นมือให้ภรรยาของนายบุญมีเกาะเพื่อจะได้ข้ามเข้าไปนั่งบนเรือได้ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาคือ…
“ฉันฝากยัยหนูของฉันด้วยนะนายทหาร” นางช่อไม้ส่ายหน้าปฏิเสธ เธอสะอื้นไห้เสียงดังฮือๆ เมื่อเห็นลูกอยู่ในอ้อมกอดของนายทหาร
“ยื่นมือมาให้ผมเถอะพี่ช่อไม้ ไปด้วยกันนะครับ” เดวิดเป็นทหารของฝรั่งเศสซึ่งถูกพวกทหารจีนแดงตามล่าและเขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่นายบุญมีช่วยชีวิตเอาไว้และช่วยให้เขาหลุดพ้นจากหน่วยงานข้าศึกจีนแดง
“ฮืออ...นายทหาร...ยัยหนูเป็นดั่งดวงใจของฉัน...ฉันขอฝากกล้วยไม้ให้คุณดูแลแทนฉันด้วยนะคะ” นางช่อไม้กำชับบอกเดวิดด้วยเสียงสั่นเครือ
“อย่าร้องไห้เลยช่อไม้ เราจะต้องได้เจอลูก และได้ไปอยู่ที่ประเทศไทย บ้านเกิดของพี่แน่นอน...พี่สัญญา พี่จะพาเธอไปเจอลูกให้ได้”
นายบุญมีจุกอกหายใจไม่ออกเมื่อเอ่ยคำสัญญาที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาสงสารเมียรักที่เอาแต่ร้องไห้ จึงเข้าไปยืนเคียงข้างเมียกอดเมียไว้ด้วยความรัก และปลอบขวัญด้วยเสียงกระซิบให้เมียได้ยินเพียงคนเดียว
“พี่บุญมี...ฉันสงสารลูกค่ะ” เสียงสะอื้นสั่นเครือกระซิบบอกสามี เธอทำตามสามีบอก ให้หยุดร้องไห้โดยการยกมือขึ้นปิดเรียวปากไว้แน่นกลัวใครจะได้ยิน...
นางช่อไม้ได้แต่จ้องสบสายตาบ้องแบ๊วของลูกสาว ใจจะขาดตายเสียให้ได้เมื่อนึกถึงวันข้างหน้า ถ้าการจากกันครั้งนี้เป็นการจากที่ไม่มีวันได้พบเจอหน้าลูกอีก นางช่อไม้ไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าลูกสาวของเธอจะประสบปัญหาอะไรบ้าง และลูกของเธอจะอยู่ได้ไหมโดยที่ไม่มีพ่อและแม่คุ้มครอง
“แม่จ๋า...หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับแม่...ฮืออ”
เด็กน้อยไร้เดียงสารับรู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นแม่ไม่ยอมลงเรือ หนูน้อยกล้วยไม้ก็ส่งเสียงร้องให้ ร่างน้อยที่มีวงแขนของนายทหารนั้นตะเกียกตะกายไม่อยากจะไปกับชายหนุ่ม
“อึกก...ลูกแม่ อย่าร้องไห้ ไปกับนายทหารนะ ไปรอแม่กับพ่อที่ประเทศไทยนะ”
นางช่อไม้หัวใจร้าว เอ่ยเสียงสั่นเครือปลอบขวัญลูกรัก เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อแทบไม่มีเมื่อเห็นน้ำตาของลูกจึงทรุดนั่งบนพื้นหญ้าที่มีน้ำขัง
“ฮืออ...หนูไม่ไป...พ่อจ๋า...หนูจะอยู่กับพ่อ”
ดวงหน้าบ้องแบ๊วเขรอะไปด้วยน้ำตาหันไปมองหน้าพ่อ แววตากลมโตลูกนัยน์ตาดำขลับมองอ้อนวอนขอให้พ่อช่วย
“คัทลียาของคุณเด ไม่ร้องไห้เสียงดังนะ”
เดวิดใช้วงแขนแข็งแรงโอบกอดเด็กน้อยให้ความอบอุ่น เสียงนุ่มหูคุ้นเคยกระซิบชิดกระหม่อมบาง ปลอบขวัญให้เด็กน้อยหายหวาดกลัวและเชื่อฟังเขาให้มากที่สุด
“อึกก!!”
เด็กน้อยกล้วยไม้ทำตาคำสั่งของคุณเด มือใหญ่ที่เคยจูงหนูน้อยเดินเล่นตามหมู่บ้านลูบศีรษะน้อยอ่อนโยน และกดให้ศีรษะของเด็กกล้วยไม้แนบลงบนหน้าอกอันแข็งแกร่ง
“ลูกรักของพ่อ...อย่าดื้อกับคุณเดวิดนะ” นายบุญมี มีความหวังน้อยนิด เขารับรู้โชคชะตาของตัวเองและภรรยา เขาทำผิดต่อประเทศชาติของภรรยา เป็นกบฏลักลอบแอบช่วยเหลือศัตรูของประเทศชาติ…
นายบุญมีมองลูกสาวตัวน้อยที่เอาแต่สะอึกสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอดของเดวิด นายบุญมีมั่นใจได้ว่าเดวิดจะเป็นผู้ดูแลคุ้มครองลูกของเขาได้เป็นอย่างดี
“ไม่ค่ะ...หนูไม่ไปกับคุณเด”
หนูน้อยไม่เชื่อฟังพ่อส่งเสียงสะอื้นไห้ ก่อนผงกหัวขึ้นมองปลายคางของคุณเด แล้วหันมองหน้าพ่อกับแม่ เมื่อเห็นพ่อแม่ช่วยกันดันหัวเรือ เด็กน้อยก็ดิ้นและส่งเสียงร้องวี้ดๆ มือน้อยทุบตีหยิกข่วนแขนกำยำของเดวิด
“เป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณเดวิดนะลูก...พ่อสัญญาว่า พ่อกับแม่จะรีบตามหนูไป จำได้ไหมที่พ่อเคยเล่าให้หนูฟัง ว่าเราทั้งสามจะไปเจอกันที่ประเทศไทย บ้านเกิดของพ่อ”
นายบุญมีละสายตาจากดวงหน้าของลูก เขาเงยหน้าขึ้นแววตาหม่นมองความมืดด้านหน้าที่เห็นแสงไฟระยิบระยับซึ่งเป็นแผ่นดินไทย บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
คำโปรย ราเชนทร์ เกียรติก้องพิภพ รู้สึกขัดใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเด็กในบ้าน เด็กที่พ่อแม่ของเขารับมาอุปการะเลี้ยงดู เขาไม่รู้ว่าเธอมีที่ไปที่มายังไง รู้แต่ว่าพ่อแม่รักเธอมาก มากขนาดบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เขามีแฟนอยู่แล้ว ใครรักก็รักไป แต่เขา...เกลียดเธอ เขมจิรา กุสุมา เธอเป็นเด็กสาวที่พ่อแม่ของราเชนทร์รับมาอุปการะ ชีวิตเธอเติบใหญ่มาได้เพราะความเมตตาของพวกท่าน แล้วเธอจะขัดขืนได้อย่างไรเมื่อท่านต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายคนเดียวของท่าน แม้เธอจะรู้ว่าเป็นได้แค่ เงารักเจ้าสาวซ่อนใจ...เท่านั้น ราเชนทร์ปลดปล่อยธาราใส่ในช่อไม้ของหญิงสาว และก่อนที่เขาจะหมดสติหลับบนตัวของหญิงสาวเขาก็ละเมอออกมาว่า “ผมรักคุณ เกศริน รอผมนะ ผมจะหย่าให้เร็วที่สุด” “...” เสียงเข้มละเมอบอกรักแฟนสาวของเขา ช่างเหมือนสายฟ้าผ่าลงมากลางใจอันบอบช้ำของเธอ มันทำให้เขมจิราเจ็บปวดเสียใจ นี่เขาเห็นเธอเป็นตัวสำรองหรอกหรือ ขนาดร่วมรักกับเธอ เขายังพร่ำเพ้อบอกรัก คนรักของเขาไม่ขาดปาก “ทุกลมหายใจของพี่เชนทร์คงมีแต่คุณเกศรินสินะ” บทนำ “นี่เงินห้าล้าน ฉันให้เธอ แล้วไปจากที่นี่ซะ ไปก่อนที่จะมีงานแต่งระหว่างเธอกับฉันจะเกิดขึ้น” ราเชนทร์โยนซองสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเงินสดตามจำนวนที่ชายหนุ่มมบอกลงบนโต๊ะรับแขก “พี่เชนทร์..” “เธอก็รู้ฉันไม่ได้รักเธอ และไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ รับเงินแล้วออกไปจากชีวิตฉันซะ เขมมจิรา” ราเชนทร์คำรามเสียงเหี้ยม แล้วเดินออกจากห้อง พร้อมทั้งปิดประตูเสียงดัง ปัง! “พี่...” เขมจิรานั่งก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้มสองข้าง เธอไม่ได้เสียใจที่ราเชนทร์ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เธอเสียใจที่เขาดูถูกเธอและไม่ยอมรับฟังเหตุผลของเธอแม้แต่น้อย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้รักเธอ แต่เป็นเพราะคุณกันยา แม่ของเขามาขอร้องไห้เธอแต่งงานกับชายหนุ่ม ซึ่งคุณกันยาเป็นผู้มีพระคุณของเธอ รับเธอมาจากสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า คุณกันยาเลี้ยงดูยกย่องเธอให้เป็นเหมือนหลานแท้ๆคนหนึ่งของท่าน เธอได้ที่อยู่ดีๆ ได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ซึ่งหากไม่มีคุณกันยาเธอก็ไม่รู้ว่าชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร และตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนในครอบครัวนี้ก็รักและเมตตาเธอทุกคน โดยไม่เคยขอร้องให้เธอทำอะไรตอบแทนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นครั้งนี้.... ‘เข็ม ช่วยแม่สักครั้งเถอะนะ ถือว่าเห็นแก่แม่ได้ไหมลูก เข็มแต่งงานกับพี่เชนทร์ได้ไหมลูก’ คำขอร้องของคุณกันยา ทำให้เขมจิราช็อกไปชั่วขณะ ‘คุณแม่!คะ...คือพี่...’ ครั้งนั้นเธอจะปฏิเสธบอกผู้มีพระคุณท่วมหัวว่า ราเชนทร์มีคนรักอยู่แล้ว และชายหนุ่มก็คงไม่ยอมแต่งงานกับเธอแน่ ‘แม่ไม่เห็นใครเหมาะสมเท่าหนูแล้วนะ ที่จะดูแลตาเชนทร์ได้ดีเท่าเข็ม..’ ‘พี่เชนทร์มีแฟนแล้วนะคะคุณแม่ เธอชื่อเกศริน’ ‘แม่รู้ แม่ถึงอยากให้เข็มแต่งงานกับพี่เขาไง เพราะหล่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี แม่ไม่ชอบ จะมีก็แต่ตาเชนทร์เท่านั้นที่ยังคงหูหนวกตาบอดไม่รู้ว่าอะไรเพชร อะไรกรวด ถ้าเข็มรักแม่ เห็นว่าแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู เข็มทำตามคำขอของแม่ได้ไหมลูก’ คุณกันยากอดเขมจิราพร้อมกับลูบหัวเธอไปมา ‘นะเข็มนะ ถือว่าช่วยแม่สักครั้งนะลูก’ แล้วแบบนี้มีหรือที่เด็กกำพร้าที่ถูกผู้หญิงใจดีคนนี้นำมาชุบเลี้ยงจะกล้าปฏิเสธ เพราะบุญคุณท่วมหัวที่ท่านเลี้ยงมา ไม่อาจทำให้เธอกล่าวปฏิเสธได้ลง… เขมจิราทรุดนั่งลงบนเตียง เธอมองซองสีน้ำตาลด้วยหัวใจที่สั่นไหว เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องมีงานแต่งงานเกิดขึ้น เธอไม่สามารถทรยศผู้มีพระคุณได้ แม้จะรู้ว่าจะต้องเจอพายุร้ายโหมกระหน่ำซัดสาดใส่ไม่หยุด “เข็มทำอย่างที่พี่เชนทร์ต้องการไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษนะคะ” เขมจิราพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินลุกขึ้นเพื่อเข้าห้องน้ำอาบน้ำนอน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน แม้จะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เจ้าบ่าวจะมาร่วมพิธีหรือไม่… ด้านราเชนทร์เมื่ออาละวาดข่มขู่หญิงสาวแล้ว เขาก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว จุดมุ่งหมายคือผับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เมื่อเดินทางมาถึง เขาก็เข้าไปด้านในนั่งโต๊ะประจำของเขาทันทีพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มที่แรงที่สุดของผับมาดื่มอย่างไม่ยั้ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องนึกถึงเรื่องงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ เสียงเพลงในผับดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง ผู้คนชายหญิงต่างพากันเต้นอย่างเมาส์มันโดยไม่สนใจโลกภายนอก และแล้วเกศรินแฟนสาวของเขาก็มาถึงเวลาตามนัด เกศรินมาในชุดแหวกอกสีแดงเพลิงเว้าหลังลึกลงไปถึงสะโพก รูปร่างเธอเย้ายวน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังมองด้วยความตะลึง “เชนทร์ค่ะ..” เสียงดัดจริตแบบนี้ ทำให้ราเชนทร์ที่นั่งดื่มอยู่นั้นเหลือบตามอง เมื่อเห็นว่าเป็นแฟนสาว เขาก็คว้าหล่อนเข้าไปกอด และพูดว่า “ทำไมคุณมาช้าจัง คุณรู้ไหมผมมานั่งรอคุณนานแล้วนะ..” “นี่คุณเมาเหรอคะ” เกศรินไม่ขัดขืน หล่อนยืนกระแซะนั่งหมิ่นบนขาของชายหนุ่ม “ผมไม่เมา!” ราเชนทร์พูดลิ้นพันกันชิดซอกคอระหง “ไปค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ นี่คุณเมามากแล้วนะคะ ลุกขึ้นสิคะ” เกศรินประคองชายหนุ่มพาเดินออกไปจากผับทันที “ไปพักที่คอนโดของคุณนะ ผมไม่อยากกลับบ้าน” เมื่อเข้าไปนั่งในรถ ราเชนทร์ก็บอกแฟนสาว “ได้สิคะ เดี๋ยวเกศจะจัดหนักจัดเต็มให้เชนทร์หายเมาเลยดีไหมคะ” หล่อนพูดพลางส่งสายตายั่วยวนให้กับชายหนุ่ม “อย่ายั่วกันสิ ไม่งั้นมันจะไม่ถึงห้องพักนะ” ราเชนทร์พูดพลางรั้งร่างบางยั่วเย้ามาบดขยี้ริมฝีปาก ซึ่งเกศรินก็ตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน “พอก่อนค่ะเชนทร์ เกศว่าเราไปถึงห้องก่อนดีกว่าไหมคะ ตรงนี้มันไม่เหมาะนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าอายเขาตายเลย” เกศรินแกล้งขัดขืน ทำเป็นหญิงไร้เดียงสา “โอเค” ราเชนทร์พยักหน้าชิดทรวงอกอิ่ม เขาผละจากร่างนุ่มนิ่ม ปล่อยให้เกศรินขับรถ.. เมื่อมาถึงห้องทั้งคู่ก็ตรงเข้าไปยังห้องนอน เขาทั้งสองช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วและกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ซึ่งราเชนทร์ถึงจะเมามากแค่ไหน เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่เครื่องป้องกัน “กึกกักๆ” เสียงเตียงกระทบผนังห้องสั
คำโปรย ริชาร์ด เคาน์ซิคาโด้ ชายหนุ่มรูปหล่อตัวใหญ่สูงร้อยแปดสิบห้า พ่อรวยและเป็นลูกผู้ดีเก่า เพราะเขาคือ ลูกชายคนโตของเดวิดกับกล้วยไม้ เขาเติบโตมาด้วยความรักล้นเหลือจากครอบครัวและเขาเจริญรอยตามเดวิดที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสมาแล้ว เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าสายเลือดไม่สำคัญเท่ากับการเลี้ยงดู หนุ่มหล่อพ่อรวยคนนี้ยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีอายุน้อย จึงมีทั้งคนที่ชื่นชอบ และคนที่เกลียดชัง งานก็ต้องทำให้ทุกคนเห็นความสามารถ เรื่องความรักก็ต้องจัดการ แต่แม้จะมีสาว ๆ มากมายเพียงใด ในหัวใจของเขาก็มีเพียง ยูริ อัชลันบิน คนเดียวเท่านั้น ยูริ พลเมืองไร้สถานะเชื้อชาติ แม่ของเธอเป็นชาวมาเลเซียและเป็นหญิงขายบริการส่วนพ่อไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จู่ ๆ เธอก็ได้เป็นเพื่อนกับแคทริน นั่นทำให้ได้เจอกับพี่ชายของเพื่อน แม้จะดีใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดชายคนที่เธอแอบรัก แต่เพราะรู้ฐานะตัวเองดี ทำให้เธอปิดกั้นหัวใจมาตลอดจนกระทั่ง… ตอนนี้ เธอคือ ยูริ เคาน์ซิคาโด้ (มาร์โก) น้องสาวต่างพ่อของแม่ แมทธิว มาร์โก มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของอิตาลีที่เป็นน้องเขยของริชาร์ด แถมเธอยังเป็นหลานของเดวิดอีกด้วย นั่น ทำให้กวางตัวน้อยของริชาร์ด กลายเป็นลูกเสือที่พ่อเสืออย่าง แมทธิวหวงมาก แต่ริชาร์ถือคติว่า ไม่เข้าถ้ำลูกเสือแล้วจะได้ลูกเสือมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาจะต้องจัดการทั้งงานและสาว ๆ คนเก่าออกไปให้หมดก่อน.. แล้วเขาจะใช้ทุกเล่ห์ที่มีพากวางน้อยกลับมาให้ได้…..
“นี่เป็นยาคุมฉุกเฉิน กินซะ ถ้าไม่อยากอุ้มท้องโดยที่ไม่มีพ่อและเรียนไม่จบ.เพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกัน เพราะทนความร่านของเธอไม่ไหวเลยปล่อยในไปหลายครั้ง” เธออ่านข้อความนั้น ก่อนที่จะ... “ถ้าฉันท้อง ฉันก็จะเอาไอ้มารหัวขนนี่ออก คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะขอร้องให้คุณมารับผิดชอบ สบายใจได้” แคทรินหยิบยามาถือไว้ในมือ มืออีกข้างก็เขียนข้อความตอบโต้ด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่มีคำว่า พี่ หรือแคท อีกแล้ว ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นคนที่เคยเจอกันเท่านั้น
เพี้ยะ เพี้ยะ...!! กังสดาลยังยืนจ้องหน้าเมษา แล้วยกเรียวมือกางออกข่วน และตบลงไปบนผิวแก้มสีแทนนั่น สองสามที สลับซ้ายขวา “กังสดาล!!” ใบหน้าเข้มสะบัดหันไปตามแรงตบ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบรอยนิ้วมือบนผิวไปมา ลิ้นเรียวใหญ่เลียเลือดตรงมุมปาก แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์ ค่อยๆ หันมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นเทา “กะ…เกลียดนัก คนใจเลว!” ทำใจกล้าเปล่งเสียงเขียวสะบัดใส่ พร้อมทั้งไม่ยอมขยับร่างถอยหนี ถึงจะมีความหวาดกลัวต่อสายตาเพชฌฆาตคู่นั้น “คำก็เลว สองคำก็เกลียด ดี… ฉันจะทำให้เธอเกลียดฉันไปจนตลอดชีวิต ยัยเด็กร่าน!!!” คนร่างโตก้าวเดินย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่ยังยืนอวดดีปากเก่ง “ยะ…อย่าเข้ามานะ” ใบหน้าซีดกลัวคนตรงหน้า กังสดาลขยับปลายเท้าก้าวเดินถอยหนี เบี่ยงตัวหวังจะวิ่งหนีเขาไปยังห้องของมารดา “มานี่! วันนี้ฉันจะเลวให้เธอเห็น” เมษาเดือดดาล ใบหน้าถมึงทึง ยามนี้หลานสาวไม่คิดที่จะเอ่ยชื่อของเขาเอาเสียเลย คนตัวโตเดินตามรอยเท้าของเจ้าหล่อน แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์จับจ้องอยู่ที่ร่างบางด้วยความโกรธ ขืนเขามองนานๆ ร่างบางตรงหน้าอาจจะเป็นเถ้าถ่านแน่ เขารีบคว้าข้อมือเรียวบางกำกระชับแน่น ออกแรงกระชากให้หญิงสาวเข้ามาปะทะหน้าอก พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงบนช่วงลำคอระหง เรียวปากหยักซุกไซ้จูบสัมผัสไปตามผิวขาวนวลบนหัวไหล่ ปลายจมูกโด่งคมสันดมดอมกลิ่นจากผิวหอมตรงร่องทรวงอกอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ดดดด... ปล่อยเดี๋ยวนี้! คนเลว…เลวที่สุด ได้ยินไหม… ฮือออๆ” กังสดาลส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอหวาดกลัวเขา “เธอตายแน่ กังสดาล!” เสียงอันทรงพลังเปล่งออกมาอย่างน่ากลัว ตุ้บตับๆ… ผลั๊วะๆ… มือเรียวสวยข้างขวายกขึ้นผลักดันใบหน้าเขาให้ออกจากทรวงอก และอีกข้างก็ตบตีขีดข่วนไปตามหัวไหล่ ลำตัวและแผ่นหลังของเขา “หึๆ ฉันเลวได้แน่ คืนนี้แหละ... ฉันจะยัดเยียดความเลวร้ายให้กับเธอ ยัยผู้หญิงร่าน!!” เมษาเค้นเสียงเยือกเย็นจนสาวเจ้าหนาวเยือกเข้าไปในกระดูกสันหลัง เรียวปากหนายังซุกไซ้สัมผัสทั้งดูด ทั้งเล็มผิวขาวตามต้นคอระหง และยังไล่เลียผิวผ่องไปตามเรียวคางงาม
“ฮืออ ฉันเจ็บ ไอ้คนสารเลว!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ความสาวบริสุทธิ์ถูกทำร้ายทำให้เธอเจ็บร้าวหัวใจไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นและออกคำสั่งแกมขอร้องเขา “เก่งนักไม่ใช่เหรอ ร้องไห้ทำไม” แม้จะรู้สึกสะใจ แต่ลึกๆ แล้วก็อดสงสารและรู้สึกผิดไม่ได้ ทีแรก ไอศูรย์คิดว่าเธอจะช่ำชองเสียอีก ไม่คิดว่าจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ “ฉันเกลียดคุณ ไอ้สารเลว ชาติชั่ว!!” ทันทีที่พูดจบ ขวัญฤดีก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เมื่อไอศูรย์กระแทกความใหญ่โตใส่โดยที่ไม่มีคำว่าปรานีจนเธอสลบไปในที่สุด “อย่าเพิ่งตายนะ ตื่นขึ้นมารับรู้สิว่าฉันกำลังย่ำยีเธอ” ไอศูรย์หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างน้อยไม่ตอบสนอง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยากอ่อนโยนกับเธอ เขาจึงนอนทับโน้มหน้าเข้าหา จับหน้าเธอแล้วจูบริมฝีปากอิ่ม ปลายลิ้นลากไล้ลงมาที่ซอกคอระหงก่อนจะขบเม้มฝากรอยรักไว้ จากนั้นจึงลากลิ้นเลียลงมารอบดอกบัวคู่งาม ‘อื้อ ทุกส่วนสัดของเธอหอมหวานเหลือเกินขวัญฤดี’ เขาคิดพลางดูดดอกบัวคู่งามอย่างกระหายหิว แล้วลากลิ้นลงมาชิมกุหลาบงาม ‘ทำไมถึงได้หวานจับใจขนาดนี้นะ’ ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นสาบสาวแล้วกลืนกินน้ำหวานผสม ผสานเลือดสาวบริสุทธิ์รสชาติละมุนทุกหยาดหยด “อยะ อย่า” และถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ร่างกายกลับตอบรับสัมผัสเขาได้ดีทุกสัดส่วน ไอศูรย์กินน้ำหวานสีใสจากกุหลาบงามอยู่เช่นนั้นนานนับชั่วโมงอย่างเอร็ดอร่อย แล้วจึงค่อยขยับกายลุกขึ้นนั่ง จับความแข็งแรงถูไถตามร่องเนื้อบวมเป่ง ดันเบาๆ เข้าไปในตัวเธออย่างอ่อนนุ่มละมุน ก่อนขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากนั้นก็ถี่ขึ้นเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ สุดท้ายก็ปล่อยธารรักสีขาวขุ่นเข้าไปในร่างบางทุกหยาดหยดอย่างลืมตัว...
“ไอ้คนเลว! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” ด้านนุดีเมื่อเห็นหน้าวัลลภ เธอก็พ่นวาจาด่าหยาบคายใส่ทันที “จะลงนรกอยู่แล้วยังจะมาทำปากดีอีกนะ” วัลลภดันร่างบางให้หันหลังแล้วแก้เชือกที่มัดมือของเธอออก บังคับด้วยดวงตาถมึงทึงให้นุดีลุกขึ้น แต่กลับเป็นเขาเองที่อุ้มเธอออกจากรถ “โอ๊ยย!! ไอ้บ้า!! ฉันเจ็บนะ!!” เมื่อถูกปล่อยให้ยืน นุดีที่ไม่ทันได้ทรงตัวดีก็เซถลาชนข้างรถล้มลงไปกองบนพื้นดินแข็งๆ “อย่ามาทำสำออย ลุกขึ้น!!” วัลลภไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บไหม เขาจับแขนเล็กกระชากอย่างแรงให้เธอยืนขึ้น “นายพาฉันมาทำอะไรในกลางป่าน่ากลัวแบบนี้” ดงป่าเขียวจนครึ้ม ต้นไม้สูงใหญ่ดำทมิฬหนาทึบ กิ่งก้านใบไหวไปตามลมผสมเสียงแปลกประหลาดร้องและวิ่งไล่กัดกันอยู่ในป่าหญ้าคาข้างทางทำให้นุดีกลัวจนหน้าซีด “นรกอเวจีไง อยากลงไปเล่นน้ำในกระทะทองแดงไหม” วัลลภก้มๆ เงยๆ อยู่หลังรถจึงไม่ได้ทันระวังภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นุดีเป็นอิสระจากสายตาของชายหนุ่ม เธอยิ้มหยันเมื่อเห็นไม้กำลังเหมาะมือ แล้วจับท่อนไม้ขึ้นมาฟาดใส่กลางหลังและหัวของชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย “แกไปคนเดียวเถอะ ไอ้คนถ่อย!! นี่แน่ะ!!” “โอ๊ยย!! ยัยบ้าเอ๊ย!! นี่เธอกล้าตีหัวฉันเหรอฮะ!!” วัลลภยกมือกุมหัว เขาเดือดเป็นน้ำร้อนเมื่อเห็นเลือดเปรอะมือทั้งสองข้าง “ฉันฆ่าแกแน่ ถ้าเข้ามาหาฉันแม้แต่ก้าวเดียว” นุดีกลัวเมื่อเห็นเลือดแดงฉานซึมออกมาจากศีรษะเขา ไหลเป็นทางผ่านหัวคิ้วเป็นปื้นหยดลงใส่เสื้อยืด เธอเสียงดัง ใช้ไม้ชี้หน้าขู่ชายหนุ่ม “เธอหรือฉันจะถูกฆ่ากันแน่!!” เลือดจากหัวไหลเป็นทางผ่านหน้าผากเข้าตา วัลลภจึงใช้หลังมือเช็ดออก เขาแสยะยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้หญิงสาววิ่งหัวซุกหัวซุนหนีเข้าป่า “กรี๊ดดด!!” นุดีวิ่งผ่านต้นไม้ใบหญ้าโดยที่ไม่ได้ดูหน้าดูหลังทำให้สะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งไปกองบนพื้นดิน “ฉันว่าจะไม่รุนแรงกับเธอแล้วนะ!! นุดี แต่เธอรนหาเรื่องเอง” วัลลภกระโจนเข้าไปยืนดักหน้าหญิงสาวที่กำลังคลานหนี เขาคว้าแขนเล็กแล้วกระชากให้เธอลุกยืนเผชิญหน้ากัน “ถุย!! ไอ้ขยะ กะ...แกจะทำอะไรฉัน!!” นุดีก็ใช่จะยอม เมื่อได้ยืนอยู่ในอ้อมแขนกำยำ ใบหน้าของเธออยู่แค่ระดับราวนมของชายหนุ่ม หญิงสาวขัดขืน หยิกข่วนตามตัววัลลภ เขย่งปลายเท้าให้สูงจนดวงหน้าของเขาและเธออยู่ในระดับเดียวกันแล้วก็พ่นน้ำลายใส่หน้าหล่อ วัลลภกลายเป็นคนดุร้าย มือหนาหยาบกร้านเช็ดของเหลวออกจากแก้ม แล้วกางมือออกเหวี่ยงใส่ใบหน้างามซ้อนกันขวาซ้ายสุดแรงเกิด เผียะ!! เผียะ!! “กรี๊ดดด!!” ด้านนุดีไม่ทันตั้งตัว ถูกตบจนล้มกลิ้งไปนอนกองบนพื้นดินอีกครั้ง เธอเจ็บจนน้ำตาไหลจึงยกมือกุมแก้มที่แดงเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าแล้วค่อยๆ หันมองหน้าผู้ชายใจชั่ว ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้ “ไอ้หน้าตัวเมีย!! แกตบฉันทำไม!!” “วันนี้แหละ ฉันจะทำให้เธอไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน” เสียงของปีศาจคำรามดังก้องป่า มือเพชฌฆาตคว้าข้อมือน้อยกระชากลากถูไปตามทางเล็กๆ ที่ข้างทางมีแต่ต้นหนามกับใบหญ้า “กรี๊ดดด!! ไอ้ผู้ชายป่าเถื่อน!! ทำไมแกต้องทำกับฉันแบบนี้!! ปล่อยฉันนะ!! ไอ้ชั่ว!! ฮืออ” นุดีถูกฉุดลากทั้งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยดินแข็งและหินก้อนเล็กๆ เสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวดังก้องทั่วป่าทำให้คนงานชายสี่คนที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารอที่กลางป่าแห่งนี้มองหน้ากัน แล้วหันไปมองเงาดำทมิฬสูงใหญ่เดินลากอะไรบางอย่างตรงมาหาพวกมัน “นะ นาย!!” พวกมันทั้งสี่ยืนตาค้างเมื่อสิ่งที่ฟุบอยู่ตรงหน้ามันนั้นเป็นหญิงสาว ขนาดถูกวัลลภทำร้ายเช่นนี้ก็ยังดูออกว่าเธอสวยและเซ็กซี่มาก “พวกมึงมีโทรศัพท์ไหม?” วัลลภยืนมือเท้าสะเอวมองนุดีกำลังช่วยตัวเองดึงชายกระโปรงผ้าลูกไม้ที่ถลกขึ้นจนเห็นต้นขาขาวผ่องสองข้างลงปิดเนื้อเปลือยของตัวเอง “มะ มีครับ” ไอ้ลูกน้องสี่คนไม่ได้มองหน้าวัลลภเวลาพูด เพราะจุดสนใจของพวกมันคือผู้หญิงของเจ้านาย ซึ่งเวลานี้ เธอคลานหนีไปนั่งชันเข่าอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ “พวกมึงถ่ายคลิปผู้หญิงคนนี้ไว้ ทำแบบนี้สิวะ ไอ้ห่า” วัลลภแยกเขี้ยวใส่นุดี เขาแย่งโทรศัพท์ของลูกน้องมาถือไว้ด้วยมือเดียวแล้วย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ มือข้างที่ว่างยื่นเข้าไปจับคางน้อยบีบจนปากของหญิงสาวห่อแล้วดันให้หันมาสู้กล้อง “คะ ครับ” พวกลูกน้องพากันทำหน้าหื่นเหมือนเจ้านายแล้วจ่อกล้องโทรศัพท์ทำตามคำสั่งของนาย “ไอ้ลภ!! แกบอกให้พวกสวะนี้หยุดถ่ายฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีแย่งโทรศัพท์จากมือของวัลลภได้ก็เหวี่ยงเครื่องสื่อสารเฉียดหน้าของชายหนุ่มไปกระทบต้นไม้เสียงดัง เพล้งง!! “พวกมึงเตรียมเก็บภาพทุกช็อตไว้เลยนะ กูจะเล่นเป็นพระเอกคาวบอยควบม้าให้พวกมึงดู” แววตาดุจเสือร้ายหันขวับมองไอโฟนรุ่นใหม่กองเป็นเศษขยะอยู่ข้างต้นไม้ วัลลภกระตุกยิ้ม หันกลับมามองมือสองข้างที่กำกระชับคอเสื้อเปิดไหล่ของนุดี แล้วกระชากจนขาดเป็นสองส่วนเผยให้เห็นอกอิ่มขาวผ่องล้นออกมาจากบราไร้สาย “ว้ายย!! อย่าทำฉัน ฮืออ” นุดีรีบยกแขนข้างเดียวกอดตัวเองไว้ ส่วนอีกข้างทุบตี หยิกข่วนไปตามตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง “พวกมึงอย่าลืมถ่ายวิดีโอนะโว้ย!! กูจะแสดงหนังสดกับยัยนี่ในกระท่อม” สายตาของลูกน้องมองนุดีอย่างหื่นกระหายทำให้วัลลภรีบฉุดให้เธอเข้ามาซบหน้าอก แล้วอุ้มคนตัวน้อยขึ้นพาดบ่า “ไอ้คนเลว!! ฉันเกลียดแก!! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีอับอายจนอยากจะทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดมากที่สุด จึงทำร้ายเขาโดยการทุบๆ ที่หัวไหล่และจะกัดหลังเขาอีกครั้ง “ถ้าเธอกัดฉันอีก เธอได้มีผัวเป็นกรรมกรแบกหามหลายคนแน่!!” โครมม!! ก่อนที่วัลลภจะถีบประตูกระท่อมให้เปิดกว้างนั่นเขาได้คำรามเสียงเหี้ยมขู่เธอ
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!