เธอหวังไป ‘ยั่ว’ ให้เขาตื่น แต่กับดักสวาทที่สร้างขึ้น เธอดันติดเสียเอง เมื่อ ‘ดอกเตอร์’ หนุ่มสุดเคร่งขรึม ถูกล้วงความลับจาก ‘สาวใช้’ สุดอึ๋มกระแทกใจ ในข้อหาแสนจะโหดร้ายกับความหล่อ ‘เกย์’ หรือเปล่าที่เขาเป็น การพิสูจน์ในสิ่งที่ธรรมชาติเรียกร้อง ‘ทั้งวันและทั้งคืน’ คงเป็นคำตอบสำหรับเธอ ‘ยั่ว’ เท่านั้นที่ครองโลก ถ้าเขาแตะเธอเมื่อไร นั่นแหละคือคำตอบ แต่ ‘โอว... โน! ไม่นะ เธอไม่ได้อยากให้มันจบแบบนี้’ “อย่านะ! คุณผู้ชาย! อย่าทำบัวหล้า ขอร้องล่ะ บัวหล้ายอมแล้ว ยอมบอกแล้ว” แม้สมองจะยังช้าแต่สิ่งหนึ่งที่ระลึกได้นั่นคือ ‘อันตราย’ ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร เป็นเพศทางเลือกไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอต้องระลึกเสมอก็คือ ‘เขาเป็นผู้ชาย!!’ “มันสายไปแล้วละบัวหล้า ฉันให้โอกาสเธอแล้ว เธอไม่คว้าไว้เอง อยากจะพิสูจน์ใช่ไหม ว่าฉันเป็นผู้ชายจริงหรือเปล่า ฉันจะให้เธอพิสูจน์ แต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะ แต่เป็นทั้งคืน เธอจะต้องพิสูจน์ให้ฉัน จนกว่าจะพอใจ”
เสียงเพลงกระหึ่มในจังหวะเร้าใจดังขึ้นพร้อมๆ กับงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ประจำปี ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างสวยงาม ผู้คนที่สนใจในเรื่องยานยนต์ เซเลบ ดารา ไฮโซ ผู้มีชื่อเสียงในทุกวงการ ตลอดจนผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต่างตบเท้ากันเข้าชมงานไม่ขาดสาย เพราะตลอดทั้งงานที่จัดติดต่อกันถึง 12 วันนี้ ทุกค่ายรถยนต์ต่างขนนวัตกรรมยานยนต์มานำเสนออย่างไม่มีใครยอมใคร
ผู้คนคลาคล่ำที่เป็นชายมากกว่า 90% นั้นคงตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าแทบทั้งหมดนั้นมาดูรถยนต์ เพราะต่างรู้กันดีว่า สิ่งที่ล่อตาล่อใจและล่อ ‘ลวง’ ลูกค้าได้มากยิ่งกว่ามากนั้น ไม่พ้นจะเป็นพนักงานแนะนำรถยนต์สาวสวยที่ใครๆ ก็เรียกว่า ‘พริตตี้’ นางฟ้าจักรกลเหล่านี้แหละที่ทำให้คนหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งหลายต่างรอคอยช่วงเวลาแห่งปีจะเวียนมาถึงอีกครั้ง เพื่อเก็บภาพประทับใจและภาพแห่งความทรงจำลงในสมอง
“อูย... แม่ง... นมใหญ่เป็นบ้าเลยว่ะ อย่างนี้ให้กูจัดสักที กูยอมกราบเลย”
“เออ... กูก็อยากเป็นลูกของน้องเขาจริงๆ ว่ะ”
“ทำไมวะ”
“ก็กูจะได้ดูดนมน้องเขานอนไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะที่ดังอยู่ไม่ไกลจากตัวราวกับจงใจให้ได้ยินนั้น ทำให้เจ้าของใบหน้าสวยไม่ต่างจากนางฟ้าต้องยืนกัดฟันกรอดข่มอารมณ์ตัวเองเต็มที่ทั้งที่ริมฝีปากยังคงฉีกยิ้มให้กับลูกค้าไปทั่ว แต่ใจจริงอยากจะยกรองเท้าส้นสูงสีเทาเมทัลลิกเตะเสยใบหน้าไอ้พวกผู้ชายลามกนั่นสักครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ ที่ทำได้ก็แค่ยืนฉีกยิ้มจนเหงือกแห้งต่อไปเท่านั้น
ในขณะที่ต้องแอคท่าน่ารักอ่อนหวานให้สมกับชุดนางฟ้าที่สวมใส่อยู่นี้ เล็บมือสีชมพูกลีบบัวกลับจิกกดลงไปในเนื้อฝ่ามือของตัวเองเพื่อควบคุมอารมณ์เต็มที่ แต่มันก็ยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น จนเธอต้องใช้แผนสุดท้ายคือการเลือกที่จะนับ 1-100 อยู่ในใจ
‘บงกช ปวันรัตน์’ หรือ ‘บัว’ สาวสวยหุ่นดีวัย 24 ปี ตาคม ผมยาว ผิวสีน้ำผึ้ง เธอมีสัดส่วน 36-24-36 สูง 169 เซนติเมตร นั่นล่ะคือเธอ คุณสมบัติและรูปร่างหน้าตาแบบนี้ทำให้เธอรับงานถ่ายแบบและเป็นพริตตี้ มาตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยมาจนถึงขณะนี้ ที่แม้จะเรียนจบมากว่า 2 ปี เธอก็ยังคงรับจ๊อบเป็นพริตตี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนมากจะเลือกเฉพาะงานที่เกี่ยวกับเด็กหรือสินค้าสำหรับสตรี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เธอไม่อยากเจอ อย่างเช่นตอนนี้ไง
แต่สำหรับในงานระดับประเทศแบบนี้เธอย่อมไม่พลาดเพราะนั่นจะหมายถึงเงินค่าตอบแทนก้อนโต ในราคาเหมาจ่ายตลอดทั้งงาน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการถูกแทะโลมทั้งจากสายตาและคำพูดของไอ้พวกผู้ชายมักมากบ้ากามและหื่นจัดเหล่านี้ เพราะคนพวกนี้คงไม่คิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ส่งผ่านผู้ชายออกมาเกิดเลยสักนิด แต่ดันคิดว่าผู้หญิงเป็นสิ่งกระตุ้นความเสียว ที่แค่มองผ่านก็เก็บไปจินตนาการฝ่ามือได้ตามสะดวก
โดยเฉพาะในเวลานี้เธอก็ไม่ต่างจากสัตว์โลกสวยงามที่มีแต่คนมามุงดู บ้างก็มาถ่ายภาพด้วยความชื่นชม บ้างก็มาแทะโลมด้วยสายตา และก็มีไอ้ประเภทที่ยืนมองจนแทบจะปฏิสนธิพร้อมคำพูดโจ่งแจ้งแบบนี้ด้วย แต่เธอควรจะโทษใครล่ะในเมื่อเธอเลือกงานนี้เอง โทษโชคชะตาที่ทำให้เธอหางานทำไม่ได้ หรือโทษว่า ‘ความสวยพาซวย’ ทำให้เธอมีอันต้องออกจากงานบ่อยครั้ง
เพราะทนไม่ได้กับสายตาและความคิดของคนอื่นที่มีต่อ ‘นม’ สมบัติคู่หน้าที่แม่ให้มาอย่างมากล้นเกินพอดีอย่างนั้นเหรอ หรือจะโทษ ‘ก้น’ สมบัติคู่หลังที่ขยันเต่งตึงและเด้งดึ๋งเวลาเดิน จนผู้ชายต้องจินตนาการตาม อะไรกันล่ะที่เธอควรจะโทษ หรือจริงๆ แล้วเธอไม่ผิดหรอก ที่ผิดน่ะก็ไอ้พวกหื่นนี่มากกว่า
“บัว... อดทนหน่อยนะแก เดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว แกอย่าทำล่มกลางคันเด็ดขาดนะ คราวนี้ฉันเอาหัวตัวเองรับประกันกับเจ๊เมี่ยงไว้ด้วยว่าแกจะไม่อาละวาด ไม่อย่างนั้นงานหน้าฉันก็คงจะไม่ได้เหมือนกัน”
บงกชพยักหน้ายิ้มๆ ให้กับ ‘เจนนี่’ เพื่อนสาวร่วมอาชีพที่ช่วยหางานมาให้โดยผ่านเอเจนซีสาวประเภท 2 ที่รู้กิตติศัพท์ปัญหาของเธอดี และเธอก็จะอดทนให้มากเพื่อไม่ให้เสียไปถึงเพื่อนและ ‘เจ๊เมี่ยง’ แม้ว่ามันเกินจะทนแล้วก็ตาม
ปากฉีกยิ้มแต่ในใจพยายามท่องไว้ว่า ‘ไม่ถูกตัวๆ’ เพราะอย่างมากผู้ชายพวกนี้ก็ทำได้แค่รูปถ่ายกับใช้สายตาโอ้โลมเธอเท่านั้น ส่วนจะเก็บความทรงจำในเรือนร่างนี้ไปฝันเปียกกี่สิบครั้งเธอก็ไม่ควรจะต้องไปคิด คิดแต่เพียงว่าจบงานนี้จะทำให้เธอมีทุนที่จะมองหางานอื่นไปอีกเป็นแรมเดือนก็พอ
ใบหน้าเชิดขึ้น ริมฝีปากฉีกยิ้ม ตามองตรงไปข้างหน้า ไม่เอาคำพูดอุจาดรูหูมาคิดให้เป็นอารมณ์อีก ก่อนที่ร่างระหงจะเดินวาดลวดลายสลับตำแหน่งกับเพื่อน เพื่อโพสท่านำเสนอรถยนต์ตามตำแหน่งที่ได้ซักซ้อมกันมา และแค่เธอเคลื่อนตัวก็เหมือนกับว่าพวกผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันก็เคลื่อนตาม อาจจะเรียกได้ว่า ‘นมดึงดูด’ และ ‘ตูดสั่งได้’ เพราะจากสายตาทุกคู่ ไม่มีใครเลยที่ไม่มองเป้าหมายอันโดนเด่นของเธอ
ชุดนางฟ้าสีขาวแสนสวยยาวคลุมสะโพก ตกแต่งเม็ดคริสทัลระยิบระยับแต่แอบคว้านร่องอกจนเห็นเนินอวบอิ่มที่ถูกดันติดกันจนชิด กระโปรงผ้าสีขาวเข้ารูปเกาะสะโพกก็ตกแต่งด้วยเม็ดคริสทัลร้อยลงมาเป็นสาย ทำให้ทุกจังหวะการก้าวเดินของเธอคล้ายกับนางฟ้ากำลังร่ายรำ และสะโพกผายก็คงจะโยกไหวเย้ายวนสายตาผู้ชายเกินพอดี
บงกชเชิดหน้ายิ้มสู้กล้องทุกตัว เห็นนะว่ากล้องหลายตัว ‘ซูม’ เฉพาะเจาะจงที่ตรงจุดขายของเธอ แม้จะไม่ชอบใจแต่เธอก็จะทำให้มันดีที่สุด เพราะนาทีนี้เธออยู่ในฐานะพริตตี้ ไม่ใช่พนักงานบริษัทที่เพิ่งถูกไล่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ