‘ชีคมาลิก บิน ชารีฟ อัล นามีรุน’ ผู้ได้รับฉายา "เสือดำแห่งนามีรุน" เมื่อ ‘เสือดำ’ หนุ่ม อยากขย้ำแม่กวางน้อย จนร้อนรุ่ม กลัดกลุ้ม นอนไม่ได้ การเจรจาซื้อขายให้เธอมาอยู่ในฮาเร็มของเขาคงเป็นทางออก แต่ผู้หญิงอย่าง 'เนตรดารา' กลับซื้อไม่ได้ด้วยเงิน ‘ถ้าไม่มากพอ’ เขาถูกมองว่าเป็น 'แกะดำ' ของราชวงศ์ และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ ‘ลูกของเสือดำ อาจเป็นเสือดาว และลูกของเสือดาวก็อาจกลายเป็นเสือดำได้ แต่ที่สำคัญก็คือ เสือจะไม่กลายเป็นอย่างอื่นนอกจาก “เสือ” เท่านั้น’
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของบรรดาผู้ร่วมงาน รวมทั้งเสียงกรีดร้องเล็กๆ ของเหล่าสาวๆ ที่ต่างแข่งขันกันแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อประชันความสวยงามของตนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะในค่ำคืนนี้พวกเธอคนใดคนหนึ่งอาจจะสวยสะดุดสายตาจนทำให้ได้งานที่จะสร้างความสบายไปได้อีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยกัน แต่บุรุษหนึ่งกลับไม่สนใจอะไรเกินกว่า
‘เมื่อไรงานจะเริ่ม’ เพราะไม่ชอบเลยที่จะอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ แบบนี้ และโดยเฉพาะไม่ใช่คนที่เขาจะควบคุมได้เสียด้วย
เรือนร่างสูงใหญ่สไตล์หนุ่มยุโรปอยู่ในสูท ‘ไดมอนด์ อาร์เมอร์’ ซึ่งเป็นชุดสูทรุ่นล่าสุดที่บริษัท ‘สูทอาร์ท’ ออกแบบมาสำหรับมหาเศรษฐี นักธุรกิจ เจ้าพ่อ มาเฟีย หรือเหล่าคนดังทั้งหลายที่สนใจสั่งตัด เพราะนอกจากไดมอนด์ อาร์เมอร์จะมีคัตติ้งสุดเนี้ยบที่ทำให้ผู้สวมใส่ดูดีมีคลาสแล้วนั้น ผู้สวมใส่ยังได้คุณสมบัติเพิ่มเติมที่ไม่ธรรมดา เพราะอาภรณ์ทรงสง่านี้มีคุณสมบัติกันกระสุน กันน้ำ และมีระบบทำความเย็นในตัว ว่ากันว่าคุณสมบัติทั้งหมดนี้ราวกับเป็นสูทที่ออกแบบมาเพื่อ ‘เจมส์ บอนด์’ โดยเฉพาะ และเมื่อคุณสมบัติอันเพอร์เฟกต์นี้มาอยู่บนเรือนร่างสูงสง่า มันก็ช่างเหมาะสมยิ่งนัก
ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ยุโรปผสมอาหรับยังคงเคร่งขรึมมีเพียงดวงตาคมเข้มเท่านั้นที่ชำเลืองมองหนุ่มหล่อมากๆ อีก 4 คนที่ได้รับผลโหวตจากสาวๆ ทั่วโลกให้ได้รับรางวัล ‘Men of The year หรือ สุดยอดหนุ่มในฝัน’ ของนิตยสารเฮอแมนจัดขึ้น สาบานได้ว่าเขาจะไม่มีทางเชิญทั้ง 4 คนนี้ไปเยือนอาณาจักรของเขาเด็ดขาด เพราะในดินแดนที่เขามีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว เขาก็ควรจะหล่อสุดคนเดียวเท่านั้น
คิดดังนั้นศีรษะทุยสวยได้รูปก็ส่ายไปมานึกขำขันกับความคิดของตัวเอง เดิมทีครั้งแรกที่เฮอแมนติดต่อไป เขาไม่อยากมาสักนิด ติดแต่ ‘เสือเฒ่าอามีน’ ที่คะยั้นคะยอพร้อมยกแม่น้ำทั้งโลกมาอ้าง ว่านี่คือช่องทางหนึ่งที่เขาจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับ ‘ราชอาณาจักรนามีรุน’ ได้อีกมุมหนึ่ง และถ้าไม่ใช่เรื่องงานมีเหรอที่ ‘เสือดำ’ อย่างเขาจะอยากออกจากถ้ำ ที่เต็มไปด้วย ‘แบล็ก โกลด์’ และนางฟ้าทั้ง 1,000 ในฮาเร็ม
ยิ่งมารู้เอาในงานว่าเสือดำไม่ได้มาตามลำพัง แต่ยังมีเสือหนุ่มทรงพลังตามฉายาของแต่ละคนที่ได้รับการขนานนามไว้อีก 4 สายพันธุ์มาร่วมด้วยในวันนี้ ยอมรับว่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เสือ 2 ตัวยังอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่นี่ ‘นิตยสารเฮอแมน’ กล้ามากที่จะรวมเอาเสือหนุ่มทั้ง 5 มาอยู่รวมกัน โดยเฉพาะที่เสือหนุ่มแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วย ‘แรงขับเคลื่อนทั้งทางด้านธุรกิจ พละกำลัง รูปร่างหน้าตา และ เซ็กซ์แอพพีล’ อันล้นเหลือ
‘ชีคมาลิก บิน ชารีฟ อัล นามีรุน’ ผู้ได้รับฉายา "เสือดำแห่งนามีรุน" หรือ ‘เจ้าพ่อแห่งแบล็ก โกลด์’ ชีคหนุ่มผู้สง่างามแห่งราชอาณาจักรนามีรุน กวาดดวงตาคมเข้มยาวรีดุจเมล็ดอัลมอนด์สำรวจหนุ่มหล่อที่ได้รับการโหวตให้เป็น ‘Men of The year หรือ สุดยอดหนุ่มในฝัน’ ของนิตยสารเฮอแมน เช่นเดียวกับเขา
หัวคิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันเพียงนิดก่อนจะคลายลงอย่างเร็ว เพราะกฎพื้นฐานของการเป็นผู้นำ ‘การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า’ เป็นสิ่งที่ควรละเว้นให้มาก แต่มันก็น่าหงุดหงิดนักที่ตาเฒ่าอามีนไม่กระซิบบอกเขาในเรื่องนี้ เพราะคงไม่มีเรื่องใดในโลกใบนี้ที่จะรอดหูรอดตาเสือเฒ่าแห่งนามีรุนไปได้ หรือว่าอามีนต้องการให้มันเป็นแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ
เพราะนอกจาก ‘ธุรกิจน้ำมัน’ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำคัญของโลกที่ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ต้องการทรัพยากรอันมีค่านี้เพื่อใช้สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจ บนโลกใบนี้ก็ยังมีอีก 4 ธุรกิจที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการเงิน และธุรกิจเทคโนโลยี การขับเคลื่อนฟาดฟันทางเส้นทางธุรกิจโดย ‘ซีอีโอ’ วัยหนุ่มฉกรรจ์ ที่มักทำให้สาวๆ ในฮาเร็มของเขามีจำนวนที่ลดลงเสมอ นั่นก็คือ
‘แลร์รี่ จาคอป’ ฉายา ‘เสือจากัวร์แห่งวอชิงตัน ดี.ซี’ เจ้าของแลร์รี่กรุ๊ป ที่มีธุรกิจขนส่งและท่องเที่ยวทั้งทางน้ำ บนบก และอากาศ มีสาขาอยู่ทั่วโลก
‘มาร์ค เลวิน’ ฉายา ‘เสือดาวแห่งแลนด์มาร์ค’ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมหานครลอนดอน และมีสาขากระจายไปทั่วโลก โดยทำหน้าที่เป็นนายทุนร่วมหุ้นกับรัฐบาลหรือนักธุรกิจของประเทศนั้นๆ นับว่าเป็นกลยุทธ์อันชาญฉลาดเพราะมันคือการประกาศศักดาของแลนด์มาร์คให้รู้จักไปทั่วโลกโดยใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าครึ่ง
‘คาร์ลอส โรดิเกส’ ฉายา ‘เสือโคร่ง’ ธุรกิจการเงินการธนาคาร คงไม่มีปฏิเสธที่จะเป็นเพื่อนของโรดิเกส เพราะเขาเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่ดีที่สุดของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ดูได้จากเครือข่ายของ ‘โรดิเกส แบงก์’ ที่มีอยู่นับ 100 สาขาทั่วโลก อย่างว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่งในโลก
‘ธีโอ ไคล์’ ฉายา ‘เสือชีต้าร์’ เพราะธุรกิจโทรคมนาคมของไคล์ ถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารทุกแขนงในโลก เป็นผู้นำโครงข่ายใยแก้วนำแสงและมีดาวเทียมเป็นของตัวเอง ความก้าวล้ำและว่องไวในเทคโนโลยีควรวางไว้ในฝ่ามือของไคล์
และตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อามีน ก็อยากให้เขาสนิทสนมกับทั้ง 4 หนุ่มนี้ให้มาก เพราะใดๆ ในโลกล้วนไม่แน่นอน ในวันนี้เขาอาจเป็นเจ้าของธุรกิจทองคำดำที่ใครๆ ก็อยากจะคบค้าด้วย แต่หากในอนาคตเมื่ออำนาจนั้นเปลี่ยนมือ พันธมิตรทางธุรกิจที่ดีอาจทำให้เขาก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นไปได้ ซึ่งเขาคิดว่าตาเฒ่าอามีนช่างไร้สาระสิ้นดี เพราะอะไรก็ตามที่ตกมาอยู่ในมือของเสือดำ จะไม่มีวันเปลี่ยนมือ นอกจากเขาจะยินยอมด้วยหัวใจ
“ไม่สนุกหรือครับท่านชีค”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เทกันแล้วจะกลับมาเยกันอีกทำไม! นาชาเจ็บแล้วจำอย่าหวังว่าจะมาฟันเธอได้ง่าย ๆ อีก ทิ้งกันเก่งนักอย่ามาเสียดายคลานกลับมาเป็นหมาหวงก้างก็แล้วกัน ด้วยความจำเป็นนาชาจึงต้องขายตัวให้เควิล หลังจากนั้นเธอกับเขาบังเอิญพบกันในฐานะคนกันเอง เขาดีกับเธอจนทำให้เธอหลงรักและเข้าใจว่าเขาก็รักเธอ แต่วันหนึ่งเขากลับเทเธอไปอย่างไม่ไยดี หลังเสียใจอย่างหนักวันหนึ่งเขาก็กลับมาและทนไม่ได้ที่เห็นเธอกับเพื่อนสนิทของเขากำลังจะคบกัน!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!