ลินินถูกขอร้องให้หมั้นกับคนที่เธอขลาดกลัว แต่เพราะบุญคุณและความรู้สึกที่ถูกเก็บงำเอาไว้ภายใน เธอยอมที่รับหมั้นโดยไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ (เพราะถูกมัดมือชกโดยไม่ทันตั้งตัว) เธอทำให้จักรธรโกรธแค้น เขาจึงเอาความโกรธมาระบายลงที่เธอ...จะมีไหมที่เขารับรู้ว่าเธอมิได้เป็นดังข้อกล่าวหา จะมีไหมที่เขาจะเห็นหัวใจของเธอ ปลาดาว...ชอบเอาชนะ เมื่อเพื่อนร่วมงานทำให้เธอต้องออกจากงาน เธอก็เลยเล่นงานกลับ เพราะเหตุนี้ทำให้เธอคิดให้น้องสาวทำเวปขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน โดนกระทำ งานแรกที่รับทำ พาเธอไปพบกับโยชิ แสงสาธร ผู้ชายตัวร้ายที่จะต้องโดนเอาคืน! หากผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นล่ะ...
ตอนที่ 1
ปลาดาวเดินพาร่างกายอันอ่อนระโหยโรยแรงเข้าพักห้อง เธอนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าที่บางส่วนชำรุดไปตามกาลเวลา วันนี้ไปเดินสมัครงานเกือบสิบบริษัท เดินจนขาลากรองเท้าสึก แต่พอเข้าไปสมัคร ทุกบริษัทกลับบอกเหมือนกันหมด
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ทางเรายังไม่มีนโยบายรับสมัครพนักงานใหม่เลยค่ะ”
ไม่มีนโยบายรับสมัครพนักงานใหม่ แล้วเสือกลงประกาศในหนังสือพิมพ์ไปทำไมกันวะ
ปลาดาวยื่นมือเรียวไปรับน้ำเย็นๆ จากมือลินินที่ส่งให้พร้อมรอยยิ้มและคำถามนุ่มๆ ที่มันเสียดแทงใจเธอเป็นที่สุด
“เป็นไงบ้างจ๊ะพี่ปลา ได้งานหรือเปล่า”
ปลาดาวตีหน้ายักษ์ใส่น้องสาวที่เธอเรียกชื่อเล่นว่า ‘นิล’ ที่เป็นอักษร ล สะกด เพราะเธอต้องการให้ลินินเข้มแข็งอย่าง ‘พลอยสีดำ’ ไม่อยากให้อ่อนไหวง่ายเหมือนผ้าลินินตามความหมายของชื่อจริง และหากลินินเข้มแข็ง ก็จะได้ต่อกรกับไอ้ตัวร้ายจักรธรที่คอยแต่จะหาเรื่องรังแกทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หวังว่าจะมีสักวันที่น้องสาวเอาชนะไอ้ตัวร้ายให้หน้าหงาย...สักครั้ง
‘ยายนิลตาบอดหรือไงกัน เห็นสภาพพี่เป็นแบบนี้แล้วดูไม่ออกหรือไง ว่าไม่ได้งานนะ ถ้าได้ พี่จะมานั่งหมดเรียวหมดแรง ทำท่าซักกะตายแบบนี้หรือไงกัน’
“ดูสภาพพี่แย่ขนาดนี้ นิลยังดูไม่ออกอีกหรือไง ยังจะมาถามอีกให้พี่ช้ำใจอีก”
ลินินหัวเราะคิก “เอาน่าพี่ปลา วันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ก็ต้องได้ พี่ปลาของนิลเก่งจะตาย” ลินินปลอบพี่สาวบีบมือบีบขาเป็นการหยอกล้อ
“จ้าเก่ง เก่งจนต้องตกงานและก็วิ่งหางานจนขาลาก หัวยุ่งเป็นยุงตีกันอยู่แบบนี้ไง” ปลาดาวแยกเขี้ยวใส่ลินิน “งานที่พี่ให้เธอทำไปถึงไหนแล้ว”
ปลาดาวถามถึงเว็บไซด์ที่เธอให้น้องสาวเป็นคนจัดทำขึ้น เพราะเธอได้แรงจูงใจจากการแก้แค้นสาริกา อดีตเพื่อนร่วมงานที่ทำเธอเจ็บแสบ ทำให้ถูกไล่ออกจากงานยังไม่พอ ยังประจานกันต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน และยังบังอาจแย่งแฟนไปอีกด้วย ไอ้แย่งแฟนไปนะเธอไม่วอรี่หรอกนะ แค่ผู้ชายคนเดียว หาเอาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ดันต้องมาตกงานในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้นะสิ ใครจะไปทนได้
ความอดทนคนเราก็มีขีดจำกัด เรื่องอะไรจะยอมให้ยายผู้หญิงใจร้ายแบบนั้นลอยนวลมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของเธอกันล่ะ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใครทำอะไรไว้ ควรจะได้รับผลเช่นกัน คนอย่างปลาดาว สงครามพินิจน์ ถือคติ มีแค้นมันต้องชำระ!
ปลาดาวยิ้มตาวาว นอกจากจะได้เอาคืนจากคนที่ทำร้ายแล้ว เธอยังสนุกกับการที่ได้เห็นผู้หญิงหรือผู้ชายที่ทำร้ายคนอื่นต้องได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้น ทำให้เธอริเริ่มจัดทำเวบไซด์เพื่อช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อน ที่สำคัญงานนี้นะจ๊ะทำรายได้ให้เธอกับน้องสาวได้เป็นกอบเป็นกำอยู่
ปลาดาวคิดถึงใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสาริกาตอนที่ถูกเอาคืนแล้วยังสะใจไม่หาย ป่านนี้ยายนั่นคงจะตระเวนหางานเหมือนดังที่เธอกำลังเป็นอยู่นี่แหละ หากคุณสมบัติที่มีแต่ความสวยแต่โง่ คงจะทำให้ยายตัวร้ายนั่นหางานได้ยากกว่าเธอนับสิบเท่าล่ะ
‘หึหึ สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับปลาดาว ขอให้สนุกกับการหางานใหม่เถอะนะริกา’
“นิลทำเสร็จตั้งแต่ตอนสายแล้วค่ะพี่ปลา กำลังรอให้พี่ปลามาดูผลงานอยู่” ลินินบอกพี่สาว ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสสดชื่นเดินไปกดเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่าที่ใช้งานเกือบ 3 ปีแล้วแต่ระบบการทำงานยังดีอยู่ เสียงทำงานของเครื่องดังขึ้น ลินินถือโอกาสเช็คข้อความว่าก่อน แล้วดวงตากลมโตเบิกกว้างรีบเรียกพี่สาวเสียงสั่น
“พี่ปลาเร็วๆ ค่ะ มาดูนี่มีคนเข้ามาแล้วค่ะ”
ปลาดาวรีบรุดเข้าไปดูหน้าจอมีคนเข้ามาฝากข้อความไว้จริงๆ ด้วย เธอรีบตวัดสายตาอ่านข้อความทันที
‘สวัสดีค่ะแองเจิ้ล น้องขอแนะนำตัวก่อนนะ น้องชื่อแพรวดี กอบโสรัตน์ค่ะ อายุ 20 ปี น้องเห็นเว็ปของพี่บอกว่าถ้าอยากเอาชนะหรือแก้แค้นใครให้แวะมาทิ้งข้อความไว้ เรื่องก็มีอยู่ว่า น้องถูกบังคับให้แต่งงานกับนายโยชิค่ะ แองเจิ้ลคงจะพอรู้จักนายโยชิ แสงสาธรบ้างแล้วนะคะ น้องถูกคุณพ่อกับคุณแม่ขอร้องให้แต่งงานกับนายโยชิ ถ้าไม่ยอมแต่งด้วย เขาจะทำร้ายคุณพ่อคุณแม่ของน้องและจะยึดบ้านที่เราอยู่ค่ะ
ความจริงน้องมีแฟนอยู่แล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่เองก็เห็นชอบด้วย แต่เพราะนายโยชิใช้อำนาจบังคับข่มขู่ ตอนนี้เราทั้งครอบครัวรวมถึงพี่นพ แฟนน้องเองค่ะ ต่างกลัวจนไม่กล้าแม้จะออกไปไหนแล้วค่ะ เขากลัวว่าน้องจะหนีการแต่งงาน ถึงกับให้คนมาเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้าน คุณพ่อคุณแม่เสนอให้น้องกับพี่นพหนีไปอยู่ต่างจังหวัดกันก่อน แต่น้องกลัวค่ะ กลัวว่าถึงหนีไปได้ แต่เขาก็ต้องตามหาตัวจนเจอ อีก 3 วันน้องต้องแต่งงานกับเขาแล้วค่ะ
ถ้าแองเจิ้ลรับงานนี้รบกวนช่วยโทรมาหาน้องที่เบอร์นี้นะคะ 080-052xxxx ค่ะ น้องหวังว่าแองเจิ้ลเป็นความหวังสุดท้ายที่จะช่วยพวกเราแล้วค่ะ หากไม่เป็นเช่นนั้นอีกสามวันแองเจิ้ลอาจได้อ่านข่าวการตายหมู่ของครอบครัวน้อง’
ปลาดาวอ่านจบ ดวงตาคู่สวยแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า ทำไมเธอจะไม่รู้ซึ้งถึงการถูกบังคับเล่า ยิ่งถูกบังคับให้แต่งงานด้วยแล้ว ใครล่ะจะมีความสุขอยู่ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นๆ อยู่ ก็พ่อของเธอนี่แหละ ถูกย่าบังคับให้แต่งงานกับยายปากปลาร้า ทำให้แม่ตรอมใจและทำงานหนักจนตาย ไอ้ผู้ชายคนนี้ก็สมควรโดน เธอจะต้องทำให้รู้ซึ้งว่าการบังคับผู้หญิงให้แต่งงานด้วย ผลมันจะเป็นยังไง!
“พี่ปลา พี่จะรับทำงานนี้เหรอคะ นิลว่ามันน่ากลัวนะ แล้วนายคนนี้” นิ้วเรียวชี้ไปยังภาพของโยชิ แสงสาธร ทั้งสมองและหัวใจบอกว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัว แต่เธอก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าโยชิเป็นผู้ชายที่น่ากลัว มีเหตุบางอย่างที่ทำให้เธอคิดว่าเขาเหมือนกับจักรธรที่ซ่อนความร้ายกาจไว้ภายในใบหน้าเรียบเฉย จะแตกต่างกันตรงที่สำหรับเธอแล้ว จักรธรน่ากลัวไปหมด ทั้งกิริยาท่าทางการแสดงออก นิสัยใจคอ แววตาที่มองเธออย่างเกรี้ยวกราดโกรธแค้นเสมอ
ลินินปกปิดสายตาหวาดกลัวไว้ไม่มิด จากที่เคยได้ยินมาก็คือชื่อเสียงของโยชิโด่งดังมาก แต่เป็นดังในทางไม่ดี เป็นเจ้าของบริษัทผลิตและจำหน่ายคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์รายใหญ่ของประเทศ เป็นคนมีอิทธิพล ทำงานผิดกฎหมายหลายอย่าง เป็นคนที่ทางการต้องการตัวแต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะถึงจะสงสัยแต่ทางตำรวจก็ยังไม่มีหลักฐานการกระทำความผิดของโยชิ
“พี่จะทำ พี่จะไม่ยอมให้ไอ้บ้านี่ได้ทำตามใจมันเด็ดขาด นิลหาข้อมูลเกี่ยวกับนายคนนี้ให้พี่ด้วยละกัน” ปลาดาวสั่งน้องสาวก่อนจะเดินเข้าห้องพักส่วนตัว
“เดี๋ยวพี่ปลา”
ปลาดาวชะงักเพราะเสียงเรียกสั่นๆ ที่ดังมา เธอรู้ว่าน้องสาวหวาดกลัว เป็นความฝังใจที่มาจากผู้ชายคนนั้น นายจักรธร วรเกียรติกุล ไอ้ผู้ชายที่ชอบกลั่นแกล้งจนลินินหวาดผวา ไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชายนานเป็นปี มามีอาการดีขึ้นเมื่อย้ายออกจากบ้านหลังนั้น และดีขึ้นมาตลอด สามารถพูดคุยและทำงานร่วมกับผู้ชายได้ แต่ก็ยังมีอาการหวาดกลัวหวาดผวาให้เห็นเป็นครั้งคราว จนถึงตอนนี้แม้จะหายเป็นปกติแล้วก็จริง แต่หากว่าต้องเจอกับจักรธรอีก ปลาดาวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าน้องสาวจะกลับมามีอาการอย่างเดิมอีกหรือเปล่า
“พี่ไม่เป็นไรหรอกน่านิล ผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนหรอกนะ” ปลาดาวเดินกลับมาจับมือลินินพาไปนั่งบนโซฟา ลูบมือนุ่มและบีบเบาๆ อย่างปลอบประโลม
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน