นอกจากอายุที่ต่างกันถึงสิบหกปี เขายังมีคู่แข่งหัวใจอีกด้วย เขาจะทำทุกวิธีทางที่จะได้ครอบครองเธอ ด้วยการปราบพยศแม่สาวจอมดื้อ! “ไอริณ” เขาพึมพำขณะลากริมฝีปากไปตามลำคอ เขานึกโกรธปนดีใจกับชุดที่เธอสวม มันเปิดเผยและเย้ายวนเกินไป “ผมจะทำยังไงกับคุณดี...” หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ได้รับมันเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในหัวใจ ปล่อยให้ริมฝีปากของเขาชิมผิวกายเธออย่างอ่อนหวาน เธอร้อนจนหอบหายใจแรงและเรียกชื่อเขาอย่างคนละเมอ “มานพ....ได้โปรด...” เสียงหวานที่เรียกชื่อเขาทำให้เขายิ่งเตลิด ริมฝีปากสวยที่เขาเคยลิ้มลองเผยอขึ้นจนเขาต้องก้มลงดื่มด่ำความหวานของเธออีกครั้ง เขาไม่อยากจะหยุดจูบเธอเลยสักนาที ร่างกายที่ตอบสนองเขาอยู่มันทำให้เขาฮึกเหิมและไม่อยากคิดเรื่องอื่น ทุกการสัมผัสทำให้เขายิ่งมั่นใจว่ามันไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่เธอคือสิ่งที่หัวใจเขาเรียกร้องและโหยหา.
รถเก๋งญี่ปุ่นคันเก่าสีใบตองอ่อนพร้อมด้วยสัมภาระพะรุงพะรังเต็มท้ายรถ ขับเข้ามาจอดในพื้นที่โล่งกว้างที่กำลังมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อวางขายสินค้า หญิงสาวร่างเพรียวบางลงจากรถของตนเองก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ
“วันนี้มาเร็วจัง” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยทักอย่างเป็นกันเองแล้วถอดหมวกออกมาโบกพัดไล่ความความร้อนจากใบหน้า
“มาช้าก็ได้ที่ไม่สวยนะซิ” หญิงสาวยิ้มกว้างไม่กลัวแสงแดดยามบ่ายสามโมง “ได้ที่เดิมไหม?”
ชายคนเดิมก้มมองสมุดบันทึกสภาพยับเยินในมือก่อนพยักหน้า “ล็อกเดิม”
“ดีเลย” หญิงสาวดีดนิ้วอย่างอารมณ์ดีก่อนแหงนหน้ามองฟ้าที่สดใส “หวังว่าคงไม่มีฝนหลงฤดูมานะ”
“แม่ค้าพ่อขายอย่างเรา กลัวที่สุดก็เรื่องฟ้าฝนนี่แหละ” ชายคนเดิมหัวเราะพลางจดอะไรบางอย่างลงในสมุดบันทึกของตน “เริ่มตั้งแผงห้าโมงเย็นเหมือนเดิม”
“ขายของมาครึ่งปีแล้วไม่ต้องบอกซ้ำก็ได้”
ไอริณ พรวดี หัวเราะเสียงใสให้ชายวัยกลางคนที่เดินจากไปทำหน้าที่ของตนเอง ครึ่งปีแล้วหรือ? หญิงสาวถามตัวเองอย่างประหลาดใจขณะจัดการเอาเปิดท้ายรถเอาโครงอลูมิเนียมลงมาวางไว้ที่พื้น เธอเริ่มอาชีพแม่ค้าตลาดนัดตั้งแต่เมื่อไหร่นะ? ไอรินยิ้มให้กับโชคชะตาของตัวเอง เมื่อราวสองปีที่แล้ว เธอไม่ได้ขับรถโกโรโกโสแบบนี้ รถส่วนตัวของเธอคือรถยุโรปคันหรู กินอาหารแต่ละมื้อก็ในโรงแรมชื่อดังหรือไม่ก็จ้างเซฟมาทำอาหารให้กินที่บ้าน บ้านที่ว่าก็หลังขนาดคฤหาสน์บนเนื้อที่กว่ายี่สิบสี่ไร่ คนรับใช้อีกเป็นสิบคน เสื้อผ้าเต็มตู้ รองเท้ากว่าสองร้อยคู่ นั่นเป็นสิ่งที่เล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อว่า ไอริณ พรวดี คนนั้นจะเป็นคนเดียวกับไอริณ พรวดี คนนี้ที่เป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าตลาดไนท์
หญิงสาวจำได้ดี วันที่เธอรู้ว่าครอบครัวของเธอถูกฟ้องล้มละลาย เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเจอเหตุการณ์เหล่านั้น แม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เธออายุแค่แปดขวบ และพ่อก็รักเธอมากเกินกว่าจะแต่งงานใหม่ กิจการธุรกิจหลายอย่างในมือของพ่อสลายหายไปหมดสิ้นโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้พ่อเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก... พ่ออยู่โรงพยาบาลเพียงสามวันก็จากเธอไปโดยไม่ได้ล่ำราสักคำ และจากนั้นบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายต่างเข้ามายึดทรัพย์สินในสิ่งที่เคยเป็นของเธอจนหมดภายในเวลาไม่กี่วัน หลังจากเสร็จงานศพของพ่อ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งบ้าน รถและทรัพย์สินหลายถูกเปลี่ยนมือไปในเวลาเพียงแค่เดือนเศษ เธอเหลือเพียงบ้านหลังเล็กที่เป็นบ้านเดิมของแม่ มันไม่อยู่ในบัญชีทรัพย์สินของพ่อและเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของเธอ
ไอรินจำได้ดีว่าเธอเอาแต่นั่งร้องไห้กับโชคชะตาที่เล่นตลกร้ายกับชีวิต เธอร้องไห้อยู่นานนับเดือน เพื่อนที่เคยกินเที่ยวและชอปปิ้งหายไปในพริบตา ราวกับไม่มีใครรู้จักเธอมาก่อน หญิงสาวหอบสัมภาระมาอาศัยที่บ้านเดิมของแม่ มันเล็กเท่าบ้านพักของคนรับใช้เท่านั้น แต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจที่อย่างน้อยเธอก็มีที่ซุกหัวนอน รถเก๋งหรูๆ หลายคันถูกยึดไปด้วย เหลือเพียงรถญี่ปุ่นคันที่พ่อเคยซื้อให้ ‘ปกป้อง’ ลูกชายของลุงวิชัยที่มีหน้าที่ดูแลรถทุกคันในบ้าน วันที่ย่ำแย่ที่สุด ปกป้องยื่นกุญแจรถส่งให้เธอ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังอาทรและห่วงใยเธอ เธอไม่อยากรับมันกลับมาแต่เธอก็จำเป็นต้องมีรถไว้ใช้สักคน เธอสัญญาว่าจะเอาไปคืนเขาในวันที่เธอพร้อมมากกว่านี้ แต่มันก็ล่วงเลยมากว่าปีหนึ่งแล้ว รถเก่าเก็บที่เธอไม่เคยชายตามองกลับกลายมาเป็นรถคู่ใจที่ไปไหนไปกัน ช่วยให้เธอยังมีชีวิตอยู่โดยไร้ร่มเงาของพ่อ
ช่วงที่เธอระเห็จมาอยู่บ้านเก่าของแม่ เธอพยายามติดต่อคนรู้จักหลายคนเพื่อจะได้ช่วยเธอในเรื่องการเงินบ้าง แต่ก็ไร้คนเหลียวแล แม้กระทั่งเพื่อนที่เธอเคยให้ยืมเงินหลายหมื่นบาทก็ทำราวกับรู้จักเธอมาก่อน แม้จะไอริณจะเรียนจบจากเมืองนอกแต่คนที่ไม่เคยผ่านงานหรือความลำบากใดๆ เลยทำให้เธอเหมือนคนตาบอดเธอมีเงินสดติดบัญชีไม่กี่พันบาทกับเสื้อผ้ากองเท่าภูเขา หญิงสาวรู้สึกอับจนหนทางจนอยากตามพ่อและแม่ไปอยู่อีกภพด้วยกัน
‘ทำไมพ่อกับแม่ถึงทิ้งหนูไว้คนเดียวแบบนี้’
ไอริณคร่ำครวญอยู่ภายใน ค่ำวันนั้นเธอออกจากบ้านของแม่เตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนยามค่ำ ก่อนหน้านี้เธอเป็นเจ้าแม่นักท่องราตรี ผับเธคหรูๆ ที่ไหนก็มีเธอเป็นลูกค้า VIP ทั้งนั้น แต่คืนนั้นเธอกลับรู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวด ขณะที่หัวใจกำลังร้องไห้จนหมดแรง เธอมองเห็นผู้คนมากมายที่มาจับจ่ายซื้อของที่ ‘ตลาดไนท์’ ตลาดนัดยามค่ำคืนที่เธอไม่เคยย่างเท้าเข้าไปใกล้ แต่วันนั้นเธอกลับเดินดูผู้คนที่มาซื้อของและขายของ มีสินค้าหลากหลายและวางขายแตกต่าง บางแผงก็วางแบกะดิน บางร้านก็จัดโชว์สวยงาม เธอสะดุดใจกับแผงขายรองเท้ามือสองแสนถูก แม้สภาพจะยับเยินแต่ก็มีคนมาเลือกซื้อเป็นเจ้าของ ไอริณคิดถึงรองเท้ากว่าสองร้อยคู่ที่กองเต็มบ้านพร้อมกับเสื้อผ้าของเธอ นั่นทำให้เธอรีบกลับมาบ้าน จัดแยกเสื้อผ้าข้าวของออก แม้ว่าจะเสื้อดายเสื้อผ้าแบรนด์เนมของแท้ที่มีอยู่ แต่เมื่อท้องมันร้องบอกว่าหิว เธอก็จำเป็นต้องตัดใจ
ครั้งแรกของการเป็นแม่ค้าจำเป็น เธอขนเอาแต่รองเท้าไปขาย รองเท้าสวยๆ ของแท้ลดราคาขายเพียงคู่ละ199 บาท ถูกเสียยิ่งกว่าแจกฟรียังมีคนมาต่อรองราคา แต่นั่นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เธอเริ่มเรียนรู้อาชีพค้าขายที่ละนิดที่ละน้อยค่อยๆ เรียนรู้ จากคนที่เคยโทษโชคชะตามาวันนี้เธอกลับท้าทายปัญหาและอุปสรรคนานา
ไอริณบอกกับตัวเองและพ่อแม่ที่อยู่บนท้องฟ้า... นับจากนี้เธอจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ไม่ให้รู้สึก ‘เสียดาย’ อย่างที่เคยผ่านมาอีก.
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"