เดิมชื่อ พ่ายเล่ห์ซาตานจอมหึงหวง สำนักพิมพ์อินเลิฟ นะคะ
แนะนำเรื่อง.....
ฟรานซิส เลย์เซล
ชื่อของเขาแปลได้อีกชื่อคือ Black Demon
ชายผู้โหยหาความรักแต่กระนั้นกลับรังเกียจความรัก
เป็นเวลาสามปีแล้วที่ ‘ดาริน’ ต้องทนเป็นช่างภาพประจำบริษัทสื่อมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่
ของ ‘ฟรานซิส เลย์เซล’ เฝ้ารอว่าสักวันเจ้านายสุดเซ็กซี่ของเธอจะหันมาสนใจและมองเธอในฐานะผู้หญิงเสียที แทนที่จะเห็นเป็นสาวห้าวไร้เสน่ห์อย่างที่เป็นอยู่
แต่การแปลงโฉมธรรมดาๆ คงไม่สามารถลบภาพเดิมๆ ของเธอในสายตาของเขาได้แน่ๆ มันจึงถึงเวลาแล้วที่ดารินจะต้องปฏิวัติตัวเองและเปลี่ยนวิธีที่จะพิชิตหัวใจเจ้านายของเธอ ถึงแม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้เธอได้รับบทเรียนจากเขาอย่างเร่าร้อนที่สุดก็ตาม
ขณะที่ฟรานซิสได้แต่ยืนมองการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงของลูกน้องสาว แต่ในความเป็นจริง
เขาอยากจะตรงเข้าไปกระชากชุดของเธอออก แล้วลบเครื่องสำอางบนใบหน้านั้นทิ้ง เพราะชอบในสิ่งที่เ ธอเป็นมากกว่า แต่ทันทีที่เห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน ความตั้งใจแรกของมหาเศรษฐีเพลย์บอยก็สั่นคลอน แล้วตัดสินใจกระโจนลงไปเล่นเกมกับเธอทันที เพื่อสอนให้รู้ว่าในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่
ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายล่าหัวใจใคร ระหว่างเขากับเธอ
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาเท้าแขน กักขังร่างบอบบางไว้ในวงล้อมมัดกล้าม
“สาวน้อย... ผมเคยสอนอะไรไว้ทำไมไม่เคยจำ”
............................................................
เรื่อง อ้อนรักเจ้านาย เป็นหนึ่งในซีรีย์ Like a boss นะคะ พระเอกของสามเรื่องจะรู้จักกันค่ะ ^^ ทุกเรื่องมีอีบุ๊คขายที่เว็บ MEB ฝากติดตามด้วยน้าาา
............................................................
ลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
“โอย... อยากมีแฟน”
ดารินตะโกนดังลั่นออฟฟิศพร้อมทั้งโยนแฟ้มงานกระจุยกระจาย จากนั้นเสียงโห่จากเพื่อนร่วมงานก็ตามมาเป็นเกรียว ที่นี่คือเลย์เซลครีเอชั่น บริษัทมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก เป็นผู้นำในธุรกิจบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ และหนึ่งเดียวที่ครบวงจรให้บริการครอบคลุมทั้งธุรกิจเพลง ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจบรอดแคสติ้ง รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องยาวเป็นหางว่าว ส่วนเธอเป็นช่างภาพต๊อกต๋อยอยู่ในหลืบออฟฟิศ มีฉากกั้นรายล้อมสี่ด้านเป็นอาณาจักรเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยรูปถ่ายกับตารางงานแปะติดเต็มไปหมด
“อยากแต่งงาน!”
“งานการไม่ทำ บ่นแบบนี้มาตั้งสามปีแล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไงยะ”
ลูคัส หัวหน้าแผนกผู้ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่าตนเองชื่อลูซี่ ไม่ใช่ลูคัส หล่อนเดินอาดๆ มาจิ้มหน้าผากดารินรัวๆ จับเธอไปยืนหน้ากระจกเพื่อสับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอเสียเละตุ้มเปะไม่มีชิ้นดี “ชะนีอยากมีซัมติง แต่ดูสภาพของตัวเองหน่อยสิคะ ใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หน้าตาก็ไม่แต่ง เผ้าผมฟูชี้โด่เด่ไม่พอแถมยังไม่รู้จักเอาใจผู้ชาย ชีวิตนี้มีแต่กล้องกับแมว ชาตินี้คงจะหาแฟนได้หรอกนะ”
ดารินสะอื้น เถียงไม่ออก ปล่อยให้เพื่อนช่วยสางผมให้พอดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง
“ฮือๆ ลูซี่ไม่แปลกใจบ้างเหรอคะว่าแผนกเรามีแต่ผู้หญิง เกย์ กะเทยไม่ก็พวกลุงลงพุง แล้วแบบนี้รินก็ไม่รู้จะแต่งตัวไปทำไมนี่”
“นั่นมันข้ออ้างของพวกชะนีขี้เกียจ แล้วนี่อะไร?” หัวหน้าหยิบกระปุกออมสินรูปหัวใจที่วางบนโต๊ะขึ้นดู มันเขียนโนตแปะไว้เด่นๆ ว่า ‘สมทบทุนงานแต่งของรินริน’ เมื่อลองเขย่าดูก็มีเศษเหรียญดังก๊องแก๊งๆ “โอยตายแล้วแม่คุณทูนหัว ช่างน่าเวทนา นี่หล่อนอยากแต่งงานขนาดนี้เชียว”
“เตรียมตัวไว้ก็ไม่เสียหายนี่นา อย่างน้อยได้ค่าเช่าชุดเจ้าสาวก็ยังดี” ดารินจะคว้าคืนแต่ตุ๊ดโหดก็ปล่อยก๊ากแบบไม่เกรงใจกัน ลูคัสหัวเราะน้ำตาไหล ยัดเงินใส่ไปร้อยเหรียญก่อนจะโยนกระปุกใบนี้ส่งต่อๆ กันเวียนรอบแผนก เมื่อกระปุกเวียนกลับมาก็มีเงินอัดแน่นจนล้น เวลาจะเผาเธอ ทุกคนในแผนกจะสามัคคีชุมนุมกันมากจริงๆ
“ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” ลูคัสถาม ดารินจึงนับนิ้วก่อนจะชูให้ดู
“ยี่สิบห้า ไม่สิ หก... มั้งคะ” โทษฐานที่จำอายุตัวเองไม่ได้ ลูคัสจึงเขกไปหนึ่งโป๊ก
“เธอนี่ก็จริงๆ เลย หน้าตาก็สวยหุ่นก็ดี สมองไม่น่าเอ๋อ น่าจะยอมแต่งตัวบ้าง ไม่งั้นฉันจะเป็นแม่ยกดันเธอเป็นนางแบบ ได้ลงนิตยสารรายปักษ์ก็ยังดี” ลูคัสถอนหายใจให้ยัยเพื่อนคนนี้ ดาริน ‘เคย’ เป็นผู้หญิงสวยน่ารัก รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ผมดำเงางามยาวถึงกลางหลัง ตอนสมัครงานเข้ามาใหม่ๆ จึงมีแต่คนเหลียวมองตามหลัง
แล้วตอนนี้ล่ะ?! ลูคัสอยากจะกรี๊ด สภาพดารินตอนนี้เหมือนชะนีเดนตาย เหมือนกุหลาบก้นร้านดอกไม้ไม่มีผิด ดารินตัวเล็กนิดเดียวแต่ทำงานแบกกล้องโปรใหญ่เท่ากระบอกปืนใหญ่ตุเลงๆ ไปทั่วทั้งวันได้ไม่มีบ่น เสื้อผ้าหน้าผมกระเซอะกระเซิง หนุ่มทั้งหลายเลยเริ่มขยาดไม่กล้าเข้ามาจีบ
“ไหนดูสิ... กรีดตาไม่เท่ากันอีกแล้วนะเรา” ลูคัสเคยพยายามจับดารินแต่งตัวแล้ว เรียกเกรียวกราวกิ๊วก๊าวจนหนุ่มๆ แต่ละแผนกได้แบบถล่มทลาย แต่พอถึงเวลาออกนอกสถานที่ ดารินก็คว้าแจ๊กเกตตัวโคร่งสวมทับ สวมหมวกเบสบอล รองเท้าบูทหนังหุ้มข้อและผ้าปิดปาก ทุกอย่างที่ลูคัสอุตส่าห์เมคอัพให้จึงไร้ความหมาย หนำซ้ำช่างภาพเพื่อนร่วมงานมีแต่พวกถึกเถื่อน หล่อหลอมให้สาวงามเลียนแบบจนติดนิสัยไปด้วย น่าเสียดายจริงๆ
“เฮ้ ลูซี่ ปล่อยแม่สาวทอมคนนี้ไปเถอะ ผู้ชายน่ะถ้าอยากได้ แค่เอาเท้าเขี่ยๆ พื้นก็เจอ” เสียงแซวลอยมาตามลม
“ไม่ได้ย่ะ! ฉันเป็นหัวหน้าก็ห่วงชีวิตส่วนตัวของลูกน้องเหมือนกัน คือปล่อยไปก็เสร็จพวกสับปะรังเคกันพอดี” ลูคัสตะโกนกลับไป ก่อนจะหันมาจ้องหาดาริน “ที่ผ่านมาก็เจอแต่คนโน้นจีบคนนี้ คนนี้เป็นชู้กับคนนั้น คนนั้นจะหย่ากับคนโน้น มีแต่เคสนี้นี่แหละพิเศษ ‘อยากหาแฟน’ เธอไว้ผมสั้นแบบนี้ดูผ่านๆ ยิ่งเหมือนผู้ชายเข้าไปอีก”
“รินหลับตอนวานให้รูมเมทตัดผมให้ ตื่นมาอีกทีมันก็ตัดผมทิ้งไปแล้วอ่ะ แต่จริงๆ แล้วรินเป็นสาวหวานแสนเรียบร้อยนะคะ” ดารินชี้ให้ดูสติ๊กเกอร์รูปแมวคิตตี้ที่ติดบนอุปกรณ์ถ่ายภาพ
“ช่วงบ่ายมีงานที่สตูดิโอสอง เธอรับผิดชอบด้วย งานนี้มีนายแบบมาหลายคน แต่งตัวใส่กระโปรงสวยๆ สิ เผื่อจะได้หิ้วกลับบ้านสักคนสองคน”
“งานช่างภาพถ้ามัวใส่กระโปรงมันก็ไม่คล่องตัวน่ะสิคะ เวลาย่อตัวถ่ายรุปก็หวอออกพอดี”
“ข้อนั้นฉันไม่เถียง แล้ววันหยุดอยู่บ้านใส่อะไร?”
“บะ...บ๊อกเซอร์กับเสื้อกล้าม” ดารินหดคอตอบเสียงอ่อย พอเห็นสีหน้าของลูคัสแล้วเธอก็ยิ่งจ๋อย อธิบายเสียงอ่อยๆ “กะ...ก็มันใส่สบายนี่คะ”
“ถามจริง มีใครที่ชอบที่เล็งไว้บ้างรึเปล่า ฉันจะได้ช่วยดัน”
“มีค่ะ... แต่เท่าที่ดูรินไม่ใช่สเปกของเขา” เสียงอ่อยหนักกว่าเดิม “รินเคยชวนเขาคุย แต่เขาไม่ตอบ”
“ทำตัวแมนเกินไป ทำตัวเก่งล้ำหน้าเกินไป ไม่รู้จักอ้อนขอความช่วยเหลือจากหนุ่มๆ ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจล่ะคะคุณ” ลูคัสถอนหายใจดังเฮ้อ ดารินทำงานเป็นช่างภาพถ่ายแฟชั่น ถ่ายสินค้า ถ่ายภาพกิจกรรมงานข่าวตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท เธอเป็นผู้หญิงก็จริงแต่รับผิดชอบหน้าที่สูง ทำงานเร็ว ไม่เรื่องมาก ฝีมือจัดว่าทัดเทียมรุ่นพี่กระดูกแข็งๆ ในแผนกได้สบาย ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าจีบอย่างสมบูรณ์แบบ
“ถือซะว่าเป็นคำสาปจากป๊ะป๋าก็แล้วกันเนอะคุณลูกแหง่ ฮ่าๆ” ลูคัสหัวเราะหลังจากพูดถึงคุณพ่อจอมหวงของดาริน
“รินมาทำงาน ไม่ได้มาทำตัวเหลวไหลอย่างที่พ่อกลัวเสียหน่อย” ดารินอมอากาศจนหน้าป่อง “รินโตแล้วดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“งั้นจะให้ฉันรายงานว่าเธอเคยซดวิสกี้ไปสองแก้วแล้วเมาพับเป็นตาแก่ดีไหมหนอ”
“อย่านะลูซี่ ไม่งั้นพ่อลากรินกลับเมืองไทยแน่” ดารินร้อง เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานที่ลอสแองเจลิสได้สามปีแล้ว พ่อที่อยู่เมืองไทยเป็นห่วงจนไปหาเบอร์โทรของหัวหน้าลูคัสมาได้จากไหนไม่รู้ พ่อโทรมาฝากให้ช่วยดูแลและอนุญาตให้ลูคัสโทรมารายงานได้ทุกเมื่อ แต่ในสังคมฝรั่งนั้นเรื่องนี้ถือเป็นโจ๊กขบขันในแผนกมาก ทุกคนล้อเธอทุกวันโดยเฉพาะตุ๊ดลูซี่
“ถ้ามีคนมาจีบหล่อนแล้วไม่ผ่านเซ็นเซอร์จากป๊ะป๋า จะทำยังไงล่ะจ๊ะ”
ดารินกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ทันทีที่เห็นเงาของใครคนหนึ่งเดินผ่านมา ร่างบางก็รีบหลบมุดกลับเข้าไปหลังฉากกั้น ทำเอาลูคัสเหวอ แพขนตาหนาเหมือนเพิ่งลงมาจากเวทีคาบาเร่ต์กะพริบสองปริบ มองดารินสลับกับคนต้นเหตุที่ทำให้สาวมาดแมนกลายร่างเป็นสาวน้อยเอียงอายได้ขนาดนี้ ใครกัน?
“เธอหลบคุณฟรานซิสทำไม? อยู่ห่างกันตั้งหลายสิบเมตรยังอุตส่าห์หลบ”
ฟรานซิส เลย์เซล ทายาทเพียงคนเดียวของกลุ่มธุรกิจมัลติมีเดียยักษ์ใหญ่ของโลก เขาสวมชุดสูทตัดเย็บอย่างประณีต รูปร่างแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามและพละกำลังอันมีชีวิตชีวา ดวงตาคมกริบจ้องมองตรงไปข้างหน้า ดุดันเฉียบขาด ชักนำให้แก้มใสๆ ของเธอมีสีจัดขึ้น ท่วงท่าของเขาขณะย่างก้าวเข้ามาในแววตาของดาริน ช่างงามสง่าและผึ่งผายราวกับพญาราชสีห์เหลือเกิน
“สวัสดีครับ สวัสดี” เขาทักทายบรรดาพนักงานอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าหล่อเหลาทรงอำนาจตามแบบฉบับคนในตระกูลมหาเศรษฐี ฟรานซิสมักจะมีรอยยิ้มละไมเป็นมิตรแต้มริมฝีปากอยู่เสมอ ปัจจุบันเขาเป็นประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่อยู่สิบห้าบริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทดำเนินธุรกิจคล้ายๆ กันโดยแยกสื่อแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่นสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุและอินเตอร์เนต รวมไปถึงธุรกิจต้นน้ำอย่างอุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ ไปจนถึงสำนักพิมพ์ชั้นนำในเครือครอบคลุมแตกแขนงออกไปกว่าสิบแห่ง ครองตลาดมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์
และที่สำคัญคือเขายังโสด...
มันช่างน่าอับอายขายขี้หน้าจริงๆ ! นี่ฉันต้องมาติดแหง็กอยู่ในห้องทำงานของคนแปลกหน้า ใน 'สภาพเกือบล่อนจ้อน' !!!
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที