ถ้าอยากเป็นเมียฉันนัก ก็จงทำหน้าที่เมียอย่าง ‘สาสม!’ มรดกมหาศาลมาพร้อมกับเจ้าบ่าวรูปงาม เมื่อเงื่อนไขนั้นคือ ‘วรรณรดา’ ต้องแต่งงานกับ ‘หม่อมราชวงศ์ธีรดนย์ วรเวชเดชากร’ ชายรูปงามราวเทพบุตรที่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความร้อนแรงดุจ ‘พญามาร’ ที่พร้อมจะฉีกร่างเธอกัดกิน “แล้วทำไมไม่ปฏิเสธเล่า ยอมจดทะเบียนสมรสกับฉันทำไม หึ! สุดท้ายก็ปลิงนั่นแหละ มรดกที่ตกทอดทางสายเลือดไง อาเธอเป็นปลิงตัวโตที่ ‘ดูด’ พ่อฉันจนตาย ตอนนี้เธอก็ปลิงอีกตัวที่จะเข้ามา ‘ดูด’ ฉัน”
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน ‘พงศกร’ ควักเอาผ้าเช็ดหน้าที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินป่าแบบลวกๆ ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลต่างน้ำ
กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้และยังมองไม่เห็นทางออก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ส่องนกเพลินจนพลัดหลงกับเพื่อนและพรานป่านำทาง แต่ประสบการณ์เข้าป่าที่พอมีอยู่บ้างก็สอนให้เขาต้องเงี่ยหูฟังเสียงรอบด้าน เขาต้องฟังเสียงน้ำ เสียงสัตว์ และเสียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนๆ และพรานป่าที่กำลังออกตามหาเขาอยู่ก็ได้
แต่ยิ่งเดินเข้ามาลึกเขาก็ยิ่งถอดใจและคิดว่าไม่น่าเลย เพราะเขาควรจะหยุดรออยู่ตรงจุดที่หลง เพื่อรอให้คนอื่นเดินมาพบ ไม่ควรตัดสินใจเดินตามร่องรอยที่เพื่อนทิ้งไว้เลย แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว เพราะความอึมครึมที่คืบคลานเด่นชัดคือสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานี้ใกล้ค่ำเต็มทน
หากเป็นในเมืองกรุง เวลานี้ผีเสื้อราตรีคงเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโผบินในยามค่ำคืน แต่สำหรับป่า สัตว์หากินยามค่ำคืนก็คงเพิ่งตื่นเช่นเดียวกัน และอาหารของพวกมันก็คงไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างเคยแน่ เพราะร่างกายสูงใหญ่ของเขาคงกินได้อิ่มไปหลายมื้อทีเดียว ทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิตในป่านี้ได้ก็คือ เดินต่อไปและสังเกตเสียงรอบด้านไปด้วย
แต่แล้วสีหน้าของพงศกรก็ดีขึ้นเมื่อเสียงหนึ่งดังอยู่ไม่ไกล เขาแน่ใจว่าเป็นเสียงของน้ำตก น้ำเป็นสัญญาณของการกำเนิดชีวิต เมื่อมีน้ำก็ต้องมีคน และเขาอาจเจอเพื่อนกับนายพรานที่นั่นก็ได้ คิดแล้วก็ไม่รอช้าพงศกรรีบก้าวเดินไปยังจุดนั้นในทันที แม้ร่างกายจะอ่อนล้ามากแค่ไหน แต่เสียงน้ำที่ดังชัดมากขึ้นก็เร่งเร้าให้เขาไปให้ถึงโดยเร็ว
ลำธารขนาดเล็กที่มีฝายชะลอน้ำขวางกั้นทำให้พงศกรยิ้มกว้าง เพราะมีฝายก็แปลว่าใกล้แหล่งชุมชน เขาอาจเดินหลงจนย้อนกลับเข้ามาในเขตหมู่บ้าน หรือไม่ที่นี่ก็อาจเป็นหมู่บ้านของพวกพรานป่าก็ได้ สองเท้ารีบก้าวเร็วไว ทั้งดีใจและอ่อนล้าเสียจนอยากพัก หิวจนเสียงโครกครากในท้องเร่งเร้าว่าเลยเวลาอาหารมาจวนเจียนจะ 2 มื้อ
ทว่าเสียงหวานที่ดังแว่วมาจากธารน้ำข้างหน้ากลับทำให้ความโหยหิวจางหาย ก่อนหัวคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน
“ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”
“เสียงผู้หญิงร้องเพลง” พึมพำกับตัวเองพร้อมรอยยิ้มอย่างอิดโรยปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพราะเขารอดตายแล้วจริงๆ มีเสียงคน แปลว่ามีหมู่บ้าน
ทว่าสิ่งที่พงศกรเห็นกลับทำให้เนื้อกายของเขาเย็นวาบไปทั้งร่างตั้งแต่ปลายเท้าจดศีรษะ ก่อนจะร้อนวูบวาบจนเขาแทบอยากจะสลัดไล่เสื้อผ้าที่ขวางกั้นเกะกะเนื้อกายไปเสียให้พ้น เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือ เรือนร่างด้านหลังของหญิงสาวที่งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เธอยืนอยู่กลางลำธารที่มีน้ำสูงแค่สะโพก กำลังฮัมเพลงและซักเสื้อผ้าไปด้วย
“ลา... ล้า... ลาล่าลาล้า...”
พงศกรเหมือนถูกตรึงร่างกายด้วยผิวละเอียดขาวนวลเนียนนั้น เพราะผิวเนื้อที่ดูมีเลือดฝาดช่างขาวกระจ่างชัดเจนอยู่ท่ามกลางลำธารสีเข้มตามแสงอาทิตย์ที่เริ่มจะหมดไป เธอยังคงยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะการขยี้ผ้า แต่ที่พงศกรรู้สึกนั้นคือเธอกำลังขยี้เนื้อกายของเขาจนร้อนฉ่า
ยามเส้นผมดำขลับยาวสยายละบั้นเอวคอดกิ่วสะบัดพลิ้วไปมา นั่นไม่ต่างจากเธอกำลังยั่วเย้าร่ำร้องให้เขาก้าวเข้าไปหา เธอที่เขาเห็นแต่เพียงด้านหลังยังคงฮัมเพลงด้วยน้ำเสียงไพเราะอย่างไม่สนใจสักนิดว่า ณ ที่แห่งนี้จะมีใครนอกจากเธออีกหรือไม่
พงศกรมองความสวยงามตรงหน้า เกิดอาการอยากจะเข่าอ่อนอยู่เพียงแทบเท้าของเธอ แม้ยังมองไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็มั่นใจว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากอย่างที่สุด เพราะผู้หญิงที่มั่นใจในความงดงามของตัวเองเท่านั้นที่จะกล้าเปลื้องผ้าท้าธรรมชาติเยี่ยงนี้ โดยเฉพาะขนาดหน้าอกที่เอ่อล้นจนมองเห็นได้ชัดจากทางด้านข้าง นั่นก็ทำให้เขาต้องกางมือออกเพื่อกะขนาดของความยิ่งใหญ่
พงศกรสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคมเข้มฉายความปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าอย่างกะทันหัน จ้องมองสำรวจทั่วด้านหลังของร่างเปล่าเปลือย
หญิงสาวยังคงฮัมเพลงส่ายสะโพกใบไม้ไหวไปมาตามจังหวะจะโคน เรือนผมยาวสยายสีดำมันขลับเปียกลู่แนบไปกับเรือนร่างละอยู่ตามสะโพกผาย ทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความงามที่สวรรค์สรรค์สร้างได้เลยสักนิด ก่อนสายตาจะไล่ต่ำลงไปด้านล่างเพราะแม้บั้นท้ายกลมกลึงนั้นจะจมอยู่ปริ่มน้ำจนมองเห็นได้แค่เนินร่องที่ดำดิ่งลงไป แต่ความใสของผิวน้ำก็ทำให้มองเห็นอะไรๆ ใต้น้ำได้โดยไม่ยาก
พงศกรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นที่สุด เมื่อเธอบิดกายเพื่อโยนผ้าที่ซักเสร็จแล้วขึ้นไปไว้ในตะกร้าสานจากหวายอย่างลวกๆ ก่อนจะยื้อเอาผ้าที่อยู่ใกล้มือลงมาขยี้ในน้ำอีกตัว หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นเพราะจังหวะการเอี้ยวตัวของเธอนั้นทำให้เขามองเห็นปลายยอดสีชมพูสดเต็มตา ไม่น่าเชื่อว่าปลายลิ้นของเขายื่นออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังลงลิ้นเลียไล้ที่ปลายถันสีหวานนั้นอย่างมันลิ้น
ดวงตาคมเข้มมองจับแต่เพียงเรือนร่างงดงามที่สะกดสายตาเขาจนไม่อาจหลีกหนีไปทางไหนได้ และสายน้ำเย็นจัดก็ไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจเพราะทั่วทั้งกายเนื้อในขณะนี้มันร้อนรุ่มรุมเร้าราวคนมีไข้ และมันคงจะไข้หนักถึงตายหากไม่ได้ความงดงามตรงหน้านี้มาเติมเต็ม
เป้ที่สะพายหลังมาตลอด 2 ชั่วโมงถูกปลดออกอย่างเบามือ เสื้อผ้าชื้นเหงื่อก็ถูกถอดทิ้งเพราะไม่มีความต้องการใช้อีกแล้ว ในเวลานี้สิ่งที่เขาต้องใช้ก็คือความแข็งแกร่งกึ่งกลางตัว สิ่งที่จะมอบความสุขให้กับผู้หญิงได้ทุกคน
“ลา... ลั่นลาล้า... ลา... ลั่นลาล้า...”
เสียงฮัมเพลงของเธอยังมีอยู่ แม้ขณะที่เขาเคลื่อนร่างลงมาในน้ำเกือบที่จะถึงตัวเธออยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะชะงักหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา และเขาก็ได้เห็นความงามของนางไพรอย่างสมบูรณ์
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี