‘บุษบารัญจวน’ ซีรีส์ดอกไม้โชยกลิ่นหอมรัญจวนล่อแมลงตัวผู้มาดอมดม ถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความดิบเถื่อนของมนุษย์ ที่มีทุกอารมณ์และแง่มุมของเหตุผลที่ยากจะทำความเข้าใจได้ เพราะบางครั้งความงดงามอ่อนหวานที่เห็นอาจแฝงไปด้วยความร้อนแรงจนเกินจะคาดเดา ‘สาบกุหลาบ’เหมยกุ้ย... เธอที่มีความงดงามไม่ต่างจากกุหลาบแรกแย้ม ไม่ว่ากุหลาบดอกงามจะเยื้องย่างไปทางใด คนที่หลงใหลในกลิ่นหอมรัญจวนนั้นก็พร้อมจะทำได้ในทุกสิ่งที่เธอปรารถนา
แสงสีส้มที่เริ่มจะลาลับไปจากขอบฟ้าทำให้บรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่ใหญ่ๆ คลายลง ผู้คนที่พายเรือสัญจรไปมาในลำคลองสายนี้เริ่มบางเพราะต่างฝ่ายต่างรีบจะกลับให้ถึงบ้านถึงเรือนก่อนค่ำ ใครโชคดีบ้านอยู่ไปทางหน้าตลาดก็ยังพายเรือไม่ได้เร่งรีบมากนัก หากแต่ใครโชคร้ายที่บ้านอยู่ค่อนไปทางวัดแต่ดันทำธุระเสียจนเกือบค่ำก็ได้แต่จ้ำอ้าวๆ ไม่รอใคร เพราะรู้กันทั่วว่าผีหน้าวัดน่ะดุใช่เล่น ใครทะเล่อทะล่ากลับค่ำหรือแค่ยามโพล้เพล้ได้โดนหลอกจับไข้หัวโกร๋นกันมานักต่อนักแล้ว
น้ำเต็มตลิ่งเพราะใกล้เดือนสิบสองมาทุกทีทำให้สายลมที่โชยพัดมาหอบเอาความเย็นชื่นใจมาด้วย เธอจึงชอบที่จะมานั่งรับลมอยู่บริเวณหัวเรือ ไม่ว่าใครจะพูดถึงเรื่องผีสางกันเท่าไร เธอก็ไม่กลัว เธอกลัวความร้อนมากกว่า หลายปีแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในลำเรือ เพราะตั้งแต่เตี่ยและแม่เลือกที่จะค้าขายทางน้ำทำให้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวต้องติดสอยห้อยตามมาด้วย จากเด็กหญิงจนกลายเป็นสาวเต็มตัว ความอุดอู้อยู่เพียงในลำเรือพูดไปก็คงจะไม่มีใครเข้าใจ
ยามต้องทนมองหญิงสาวหลากหลายคนลงเล่นน้ำในท่าหน้าบ้านของตนเอง เธอให้นึกอิจฉาพวกหล่อนนัก อิจฉาที่พวกหล่อนเป็นลูกหลานคนไทย จึงมีที่มีทางให้ทำกิน แม้ไม่ต้องมีบ้านใหญ่โตเท่าเจ้าของห้างร้านหรือเจ้าของโรงสี แต่พวกหล่อนก็ยังมีที่ว่างให้วิ่งเล่นซุกซนหรือเล่นตามประสาสาวน้อยวัยกำดัด ไม่เหมือนเธอ
เตี่ยของเธอเข้ามาในเมืองไทยช้ากว่าบรรดาพี่น้องทำให้จะหยิบจับอะไรก็ดูจะพบทางตันไปเสียหมด แต่ก็ต้องนับว่าเตี่ยไม่ยอมแพ้หลังจากที่ได้ตบแต่งกับแม่เพราะเถ้าแก่โรงสีที่เป็นญาติห่างๆ ชักพาไปดูตัว เตี่ยก็ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในโรงสีทำให้มีเงินเก็บพอที่จะซื้อหาเรือเอี้ยมจุ๊นและต่อเสริมจนเป็นเรือขายของชำขนาดปานกลางขึ้นมาได้
แม้จะขัดใจแม่ที่เตี่ยไม่คิดจะซื้อที่สร้างบ้านใหม่ให้แม่มีความทัดหน้าเทียมตาผู้อื่น แต่กลับนำมาซื้อเรือ แต่เมื่อนึกถึงคำที่เตี่ยบอกให้เชื่อใจแม่ก็ยอมที่จะย้ายจากบกมาสู่น้ำ เพราะยังไงเสียสาวจีนอย่างแม่ก็ยังต้องถือว่าสามีเป็นใหญ่ แม้จะเป็นลูกจีนที่เกิดในเมืองไทยก็ตาม สำหรับแม่อาจจะคิดแบบนั้น แต่สำหรับเธอ ‘ผัว’ ตามที่แม่มักจะย้ำเตือนว่าต้องให้เตี่ยและแม่ดูให้ เธอจะไม่ยอมทำอะไรตามใจผัวเด็ดขาด ผัวน่ะสิที่ต้องทำอะไรตามใจเธอทุกอย่าง
"เหมยกุ้ยเอ๊ย! เหมยกุ้ย!"
"จ๋าแม่ ฉันอยู่นี่"
‘เหมยกุ้ย’ ขานรับเสียงเรียกของแม่ที่ดังมาจากด้านในของตัวเรือ ใบหน้างดงามปานดวงจันทร์วันเพ็ญมีแววเย็นชาในขณะที่ดวงตาฉายแววเร่าร้อนทะยานอยากหันมองแม่ แม่ที่มีใบหน้า รูปร่างและเรือนกาย ใกล้เคียงกับเธอราวกับเป็นพี่น้องมากกว่าจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่อดทนอยู่ในลำเรือแต่ไม่ใช่เธอแน่ที่จะทนตลอดไป
ยิ่งนึกถึงความคับแคบที่แค่เรียกเบาๆ ก็ได้ยินจนทั่ว เธอยิ่งอยากจะไปให้พ้นจากที่นี่ เพราะลำเรือไม่ได้กว้างขวางมากนัก จากตรงกลางค่อนมาทางด้านหน้าใช้เป็นที่จัดวางสินค้าประเภทกะปิ น้ำปลา น้ำตาลปึก เกลือ ส่วนจากตรงกลางไปจนถึงท้ายยกพื้นขึ้นมาเป็นที่นอนและครัวแบบง่ายๆ ที่บริเวณท้ายเรือ
ยามเธอเป็นเหมยกุ้ยตัวน้อยๆ ของแม่ เธอดีใจที่ได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ในทุกคืนแม้ว่ากลางดึกเมื่อแม่คิดว่าเธอหลับไปแล้ว แม่จะลุกเข้าไปในครัวซึ่งเตี่ยใช้เป็นที่หลับนอนก็ตาม ก่อนความรู้สึกคล้ายเรือไหวโยกอยู่ทุกคืนวันราวกับว่ามีเรือใหญ่กว่าหรือเรือข้าวแล่นผ่าน แต่น่าแปลกที่เธอไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือเลยสักนิด มีแต่เสียง...
แต่เมื่อเธอตัวเท่าแม่ ความอบอุ่นนั้นกลับกลายเป็นร้อนจนนอนหายใจหายคอไม่สะดวก และแม่ที่เพิ่งจะสามสิบต้นๆ ก็ดูราวจะเข้าไปในครัวบ่อยครั้ง จนบางครั้งเธอต้องขายของอยู่เพียงคนเดียวเพราะแม่กับเตี่ยขยันกันทำเรือสั่นได้ไม่เว้นกลางวันกลางคืน คงจะมีเพียงช่วงหลังที่อาการเรือสั่นหายไปหลังจากเรือถูกโจรปล้น
ดวงตาสวยหวานมองเหม่อไปบนฝั่ง เธอโหยหาที่จะไปอาศัยนอนบนผืนดิน แม้ว่ามันจะใกล้กันเพียงกระดานไม้พาดผ่าน และเรือของเตี่ยที่จอดอยู่ใต้สะพานไม้แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะขึ้นไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะขึ้นไปอยู่ตามลำพัง ต้องมีคนพาเธอขึ้นไป
"เหมยกุ้ย ทำบัญชีให้เตี่ยเขาหรือยัง ประเดี๋ยวเตี่ยก็จะกลับมาแล้วนะ"
เหมยฮัวเลิกผ้าม่านสีหม่นที่ใช้สำหรับปิดกั้นสายตาคนภายนอกในยามค่ำคืนขึ้นมองลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ ใบหน้าเศร้าแต่แววตาโชนแสงคู่นั้นเธอรู้ดีว่าดอกกุหลาบแรกแย้มดอกนี้ต้องการอิสระมากมายเพียงใด ก็คงเหมือนกันกับเธอ เหมยกุ้ยในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเธอในยามนั้น แค่รู้ว่าจะมีผู้ชายมาดูตัว เธอก็สั่นไปทั้งร่าง แรงขับเคลื่อนภายในร้องสั่งให้รีบไปจากครอบครัวให้ไวที่สุด ไปสู่อิสระที่เธอต้องการ ไปสู่โลกใหม่ที่ไกลกว่าบ้านและโรงสี และรสสัมผัสจากชายก็ทำให้เธอต้องยอมทุกอย่างที่เขาต้องการ
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -