เขาคิดเสมอว่านรกส่ง ‘หล่อน’ มาให้เขา แต่เขาจะพาหล่อนขึ้นสวรรค์ในฐานะ ‘ทาสสวาท’ เขาไม่สนหรอกว่าหล่อนจะดิ้นมากแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาก็เหมือนเจ้าชีวิตของหล่อน เขามีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวหล่อน จะฉุดหล่อนขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ได้ทั้งนั้น เพราะมันเป็นเงื่อนไขที่เอวิตาเต็มใจยอมรับมันเอง หล่อนก็ต้องยอมเขาได้... ทุกอย่าง เอวิตาสั่นสะท้านเมื่อตกอยู่ใต้ร่างแกร่งเกือบเปลือยของเขา โซลดอนจะรู้หรือเปล่าว่าเธอหวาดกลัวเขามากแค่ไหน
“นั่นมันเสื้อตัวโปรดของฉันนี่” เจ้าของร่างสูงเกือบสองฟุตในวัยสิบเก้าปี กำลังย่างสามขุมเข้าหาเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเขาถึงแปดปีอย่างคุกคาม เสียงห้าวที่ตวาดก้อง พร้อมกับสีหน้าท่าทางเอาเรื่องของโซลดอน ส่งผลให้ร่างเล็กที่สูงเพียงร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรที่กำลังรีดผ้าอยู่ ต้องรีบผละออกแล้วถอยร่นหนีด้วยความตกใจกลัว
กลิ่นไหม้ลอยเข้าแตะจมูกของทั้งสองคน แล้วเด็กสาวรีบก้าวไปที่โต๊ะรีดผ้าหมายจะจับเตารีดออก แต่เด็กหนุ่มก็คว้าเสื้อของเขาเอาไว้ก่อน เตารีดหล่นตุ้บเสียงดังสนั่น ยิ่งทำให้เอวิตาอกสั่นขวัญแขวนเข้าไปใหญ่ กลัวเหลือเกินว่าเจ้าของเสื้อราคาแพงๆ ตัวนั้นจะโกรธเอา และเขาก็โกรธเธอจริงๆ
ดวงตาสีเทาเข้มคมกล้าคู่นั้นที่ตวัดมามองหน้าสาวน้อย ดั่งมีเปลวเพลิงนรกคุโชนอยู่ในนั้น ก่อนที่เรียวปากบางเฉียบสีสดจะขยับเพียงเล็กน้อย แต่คำที่เอ่ยออกมานั้น ไม่ต่างจากมัจจุราชที่หมายจะเอาชีวิตเธอ
“เธอทำเสื้อของฉันไหม้! เธอต้องชดใช้!”
เอวิตาเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มก้มลงหยิบเตารีดแล้วก้าวตรงรี่เข้ามาหาเธอ ในมือถือเตารีดที่ขีดความร้อนยังไม่ได้หมุนมาอยู่ในตำแหน่งปิด กำลังจะโฉบมานาบที่มือข้างขวาของเธออยู่รอมร่อ
“กรี๊ด! อย่าค่ะ! พี่โซลดอนอย่า! โอ๊ย! ร้อนๆ ๆ กรี๊ดดดดด! ...”
“โซลดอน! หยุด!!! แกทำอะไรน้อง!” เด็กหนุ่มถูกผู้เป็นบิดาลากไปทำโทษอีกห้อง ขณะที่มารดาของสาวน้อยรีบวิ่งมาหาลูกสาวที่กำลังกุมมือตัวเองสั่นๆ
“เอวี่ลูกแม่!!”
“ฮือๆ แม่ขามือหนู มือของหนูแสบร้อนเหลือเกิน” สาวน้อยเอามือข้างหนึ่งจับประคองมือข้างที่โดนเตารีดนาบขึ้นมาดูแบบสั่นๆ คนเป็นแม่น้ำตาไหลพรากๆ เมื่อเห็นมือของลูกสาวพุพอง
ความเจ็บปวดและแสบร้อนเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว ยังฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเธอเสมอมา เอวิตายกมือข้างขวาขึ้นมาดู มันยังคงเห็นรอยแผลเป็นจางๆ บนหลังมือ ทว่าความรู้สึกเจ็บในคราวนั้นยังคงแจ่มชัดในความรู้สึกของหญิงสาวอย่างไม่มีวันลบเลือน
เมื่อตวัดสายตามองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่สะท้อนภาพอยู่ในกระจก เธอก็เหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นเส้นเล็กๆ เหนือคิ้วด้านซ้าย แล้วความทรงจำเมื่อแปดปีก่อนก็หวนกลับมาอีก
วันนั้นนอกจากเธอกับแม่บ้านแล้วไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน เธอเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน และเดินเข้าไปในห้อง กำลังเปลี่ยนชุด จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผางออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“พี่โซลดอน!” สาวน้อยตกใจจนหน้าซีด รีบยกมือสองข้างขึ้นมาปกปิดหน้าอกของตนเองที่มีเพียงบราเซียไซส์มินิผืนเดียวที่ปลดตะขอแล้วอย่างสั่นๆ ขณะที่ร่างสูงเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้อย่างไม่เป็นมิตร
สายตาคมวาวจ้องมองที่หน้าอกของเธอราวกับจะเปลื้องผ้า มันเป็นสายตาที่หยาบโลน และโลมเลียจนใบหน้าของสาวน้อยเห่อร้อนขึ้นมาทั้งอายทั้งกลัว
“เอวี่ เธอรู้ไหมว่าฉันเกลียดเธอกับแม่ของเธอมากแค่ไหน โดยเฉพาะแม่ของเธอที่หว่านเสน่ห์มอมเมาแด๊ดของฉันแทบทุกคืน ฉันได้ยินนะเวลาที่พวกเขาร่วมรักกัน เธออาจจะไม่ได้ยินเพราะเธอนอนกับพี่เลี้ยงข้างล่าง แต่ฉันได้ยินเต็มสองหู เพราะฉันนอนติดกับห้องของแด๊ด”
เอวิตายังไม่รู้ว่าที่โซลดอนพล่ามมาทั้งหมด เขาต้องการจะสื่ออะไรนอกจากจะบอกว่าเขาเกลียดเธอกับแม่ของเธอมาก
“และตอนนี้พ่อกำลังแม่ของเธอไปช้อปปิ้ง เพื่อซื้อของขวัญวันเกิดให้กับเธอ”
เด็กสาวเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบสิบเก้าปีเต็มของเธอ
“และฉัน ในฐานะพี่ชายที่แสนดี” คำว่าแสนดีของเขามาพร้อมกับแววตาเหยียดหยันที่แฝงความชั่วร้ายไว้ภายในจนส่องประกายวาววับออกมาอย่างน่ากลัว โดยที่เด็กสาวเองก็ยังรู้สึกครั่นคร้ามไม่กล้าสบตาคมกล้านั่น แต่ก็ยังฟังชายหนุ่มพูดต่อด้วยใจที่หวาดหวั่น
“ฉันก็มีของขวัญจะให้เธอเช่นกัน” บอกเสียงเย็นยะเยือกแล้วเดินเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนเด็กสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยายามจะเบี่ยงตัวหลีกหนี แต่ก็ถูกมือใหญ่จับล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้กับผนังห้องแน่น ก่อนจะโน้มใบหน้าคมสันลงมาเป่าลมหายใจรดพวงแก้มที่แดงเรื่อนั้นอย่างนึกสนุก
“พี่โซลดอนจะทำอะไรเอวี่คะ”
“ก็ทำอย่างที่แด๊ดทำกับแม่ของเธอยังไงล่ะ” จบคำที่ชวนผวานั้น ปากบางเฉียบสีสด ก็โฉบลงมาบดขยี้เรียวปากนุ่มอย่างป่าเถื่อน เอาแต่ใจ
“อื้อ...” คนโดนรังแกพยายามสะบัดหน้าหนีแต่ก็ถูกคนที่มีกำลังเหนือกว่าล็อกท้ายทอยเธอเอาไว้ และใช้ลำตัวของเขาล็อกตัวเธออีกทีจนร่างเล็กไร้ทางหลีกหนี
จูบนั้นไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิด เธอเจ็บจนรู้สึกได้ถึงความเค็มปะแล่มๆ ก่อนจะถูกคนตัวโตฉุดดึงมาผลักลงบนที่นอนนุ่มอย่างไม่ปรานี แล้วตามขึ้นคร่อมทับอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เด็กสาวจะทันได้ตั้งตัว
“พี่โซลดอน อย่าทำอะไรเอวี่นะ อย่า! ได้โปรด”
“อย่าอ้อนวอนเสียให้ยากเลย ฉันตั้งใจจะมอบของขวัญให้กับเธอ ก็จงรับมันไว้ซะ”
“ไม่เอา! กรี๊ด! ปล่อยเอวี่นะ! ปละ...อุ๊บ!” ปากเล็กที่บวมเจ่อด้วยฝีมือคนใจร้ายก็ถูกครอบครองอีกครั้ง ครั้งนี้เร่าร้อนรุนแรงกว่าเดิมจนสาวน้อยน้ำตาเล็ด
เวลาแห่งความหวาดกลัวเดินไปอย่างช้าๆ ขณะที่ร่างเล็กกำลังดิ้นรนตะเกียกตะกายหาทางหลีกหนี จนถึงเฮือกสุดท้ายที่คนตัวโตกำลังผละตัวออกเพื่อจะถอดเสื้อผ้า ด้วยความกลัวสุดขีดทำให้เอวิตาออกแรงเฮือกสุดท้ายถีบร่างใหญ่สุดแรง
ตุ้บ!
“โอ๊ย!” โซลดอนกลิ้งตกลงไปไม่เป็นท่า พอลุกขึ้นได้ก็ตรงรี่เข้าหาตัวแสบที่กล้าถีบเขาจนตกจากเตียงด้วยความโกรธสุดขีด ขณะที่สาวน้อยลุกขึ้นยืนได้พอดี เตรียมจะวิ่งหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่ดึงข้อมือไว้จับข้อมือเล็กไว้แน่นแล้วผลักหญิงสาวจนชิดติดข้างฝา ออกแรงเอาคืนเธออีกด้วยการก้มลงจูบปากเล็กอีกครั้งอย่างรุนแรง
“อื้อ ปละ...” เอวิตาดิ้นขลุกขลักด้วยความกลัวลนลานจนตัวสั่นไปหมด นาทีนี้เธอกลัวความบ้าคลั่งของโซลดอนมากเหลือเกิน ชายหนุ่มเหมือนโดนซาตานเข้าสิง ออกแรงกอดปล้ำเธอราวกับเธอไปทำให้เขาโกรธสักสิบชาติ
เมื่อสอดลิ้นเข้าไปสำเร็จ มือไม้ของชายหนุ่มก็พยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าของหญิงสาว บางทีก็กอบกำทรวงอกอิ่มอย่างจวบจ้วงรุนแรงจนเจ้าตัวต้องหวีดร้องออกมา แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาก็เป็นเพียงเสียงร้องอู้อี้เพราะปากของเธอถูกเขาครอบครองแนบสนิทจนแทบไม่มีโอกาสได้พักหายใจ
“อ๊ะ...” สาวน้อยพยายามดิ้นรนสุดชีวิต และเมื่อได้โอกาสต่อสู้เธอก็สู้ยิบตา
“โอ๊ย! ยัยบ้าเอ๊ย!”
ตุ้บ!
โซลดอนถูกกัดลิ้นจนเลือดซิบ เขารีบผลักหล่อนออกอย่างแรงเพื่อให้หล่อนเลิกกัดลิ้นเขา ส่งผลให้ร่างเล็กล้มลงศีรษะกระแทกขอบตู้อย่างแรง แต่ไม่มีเสียงร้องสักแอะเดียว ทุกอย่างดูเงียบงัน เห็นเพียงหญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับขมับเหนือคิ้วของตนเองอย่างสั่นๆ มีเลือดติดนิ้วมือออกมา แล้วสายตาตัดพ้อก็ช้อนมองคนใจร้ายด้วยความคาดไม่ถึง ว่าเขาจะโหดร้ายกับเธอถึงเพียงนี้
มีคำถามมากมายอยู่ในดวงตาหวานเศร้าของสาวน้อยที่อายุเพียงสิบเก้าปี ที่แอบหลงรักจอมมารร้ายมาตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสี่ เธอไม่เคยเข้าใจสักครั้งว่าทำไมทั้งที่เขารังเกียจเธอถึงเพียงนี้ เขาร้ายกาจกับเธอถึงขนาดนี้ เธอยังไม่สามารถบอกใจตนเองให้เกลียดเขาได้เลย
ชั่ววูบหนึ่งที่ดวงตาคมกล้าของจอมมารร้ายอย่างโซลดอนไหววูบอ่อนแสงลง แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ดวงตาคู่นั้นก็กลับมาเย็นชาดังเดิม แล้วร่างสูงก็เดินจากไป
เสียงปิดประตูดังปัง ทำให้ร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง แล้วน้ำตาก็ไหลเป็นทาง นานหลายนาทีกว่าแม่บ้านจะกล้าขึ้นมาดู เพราะคนใช้ในบ้านล้วนกลัวเกรงโซลดอนแทบทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้โกรธเขา เพราะมารดาบอกกับเธอเสมอว่า ครอบครัวของวิสเลอร์มีบุญคุณกับครอบครับของเธอมาก มากจนชั่วชีวิตนี้คงหาทางตอบแทนไม่หมด
‘แล้วทำไมพี่โซลดอนถึงเกลียดเอวี่นักล่ะ เพราะอะไร?’ คำถามเดิมๆ ที่สาวน้อยเฝ้าถามชายหนุ่มในใจ โดยที่ไม่มีใครอธิบายเหตุผลให้เธอฟังได้ มาจนถึงทุกวันนี้
“เอวี่” เสียงเรียกอ่อนโยนจากมารดาเรียกให้สาวน้อยหลุดออกจากภวังค์ แล้วหันมามองผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้วัยจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าสิบก็ยังดูสวยโสภา ผู้หญิงคนเดียวในโลกที่รักเธอ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอมาโดยตลอด
“มีอะไรคะแม่”
“เอวี่ เดี๋ยวเย็นนี้แม่กับคุณคลินต์จะไปดินเนอร์ครบรอบงานวันแต่งงานของเรา เอวี่อยู่คนเดียวได้ไหมลูก”
“ได้ค่ะแม่” ตั้งแต่โซลดอนมีแฟนสาว สามปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้สนใจเธออีกเลย เขาทำเหมือนไม่มีเธออยู่ในบ้านด้วยซ้ำ
อรอินกอดลูกสาวหลวมๆ ตอนนี้เธอสบายใจขึ้นเมื่อลูกชายของสามีเลิกสนใจในตัวลูกสาวของเธอแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกห่วงอยู่ดี เพราะโซลดอนไม่เคยมองพวกเธอสองแม่ลูกด้วยสายตาเป็นมิตรเลยสักครั้งที่เจอหน้ากัน
“แม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณคลินต์ก็คงมารับแม่ไปแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องรอ เขาจะได้พอใจแม่” ความสุขของแม่ก็คือความสุขของเธอเช่นกัน เพราะเธอรู้ว่าแม่รักคลินต์ วิสเลอร์ มากแค่ไหน และพ่อเลี้ยงของเธอคนนี้ก็ดูเขาจะรักแม่ของเธอมากเช่นกัน
“ขอบใจนะเอวี่ หนูเป็นเด็กดีเข้าใจอะไรง่ายๆ เสมอ แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“แม่คะ”
“หืม อะไรจ๊ะ”
“เอวี่รักแม่นะคะ”
“จ้ะ แม่รู้แล้ว แม่ก็รักเอวี่มากที่สุดในโลกเลย”
สองแม่ลูกกอดกันกลม ก่อนที่สาวน้อยเอวิตาจะเป็นฝ่ายผละตัวออกก่อนแล้วยิ้มให้มารดาด้วยความรักความเข้าใจ ก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องนอน เมื่อลับร่างมารดาแล้ว ก็เดินมานั่งหน้าคอมฯ ที่เปิดทิ้งเอาไว้ จากนั้นสาวสวยหน้าหวานออกเศร้าๆ ก็มาอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองอีกครั้ง แล้วนั่งมองรูปหน้าจอนิ่ง มันคือรูปวาดของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในจิตนาการอันสวยหรูของเธอเสมอ มาตลอดระยะเวลาหลายปี
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง โดยที่ร่างเล็กตรงหน้าคอมฯ ไม่ได้ลุกไปไหน เพราะมัวแต่ดูหนังที่เธอชอบและฟังเพลงที่เธอโปรดปราน จนกระทั่งเห็นแสงไฟตารถสาดมากระทบทางหน้าต่าง จึงได้ละสายตาจากหน้าจอคอมฯ ไปยังหน้าต่างที่ยังไม่ได้ปิดผ้าม่าน
ความอยากรู้ว่าคืนนี้เขาจะเมามาอีกหรือเปล่า ฉุดให้เอวิตาเดินไปยังหน้าต่าง ก้มลงมองไปทางรถยนต์เบนท์ลีคอนติเนตัลฟลายอิ้งสเปอร์สีบรอนซ์เงินโดยไม่กะพริบตา
เมื่อประตูรถด้านคนขับเปิดออก โซลดอนก็ก้าวลงรถไปเปิดประตูให้คนที่เขาพามาด้วยอีกฝั่ง ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงแน่ และถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นผู้หญิงที่ชื่อ วาเนสซ่า คนเดิมอีกเช่นเคย
...แต่...หนนี้เธอเดาผิด ผู้หญิงที่เขาพามาไม่ใช่วาเนสซ่า แต่เป็นนางแบบคนหนึ่งที่กำลังเป็นข่าวซุบซิบกับเขาอยู่ในตอนนี้...
ไม่คิดเลยว่าข่าวนี้จะเป็นจริง ที่บอกว่าโซลดอนแอบไปมีกิ๊กใหม่ เป็นนางแบบสาวสวยลูกครึ่งที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ เธอคือแคนดี้สาวสวยผิวสีน้ำผึ้งทรงโต ลูกสาวของเพื่อนสนิทของคลินต์ วิสเลอร์เสียด้วย
แล้วโซลดอนเอาวาเนสซ่าไปไว้ที่ไหน เขาบอกเลิกนักธุรกิจสาวเจ้าของร้านจิวเวลรี่คนนั้นไปแล้วเหรอ
‘แล้วเธออยากจะรู้ไปเรื่องของพวกเขาไปทำไมกัน’
เอวิตาเอ็ดตนเองในใจแล้วก็รอให้โซลดอนพาผู้หญิงคนนั้นขึ้นห้องไป แล้วพอทุกอย่างเงียบลงจึงได้เดินออกจากห้องมาหาของกินในห้องครัว เพราะเพิ่งรู้สึกหิวก็ตอนสี่ทุ่มนี่เอง
ขณะเปิดตู้เย็นก็เหลือบไปเห็นเงาวูบวาบด้านหน้าประตู พอหันไปดูก็ต้องสะดุ้งตกใจยกมือปิดเสียงกรี๊ดของตนเองเกือบไม่ทัน เมื่อเห็นโซลดอนยืนนิ่งมองเธออยู่
“เห็นฉันเป็นผีหรือไง ถึงได้ตกใจขนาดนั้น” ถามเสียงเรียบแต่ทว่าแววตาช่างน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจสำหรับเอวิตาเลย
คนขวัญอ่อนไม่ตอบ รีบคว้าเอานมกล่องหนึ่งในตู้เย็นได้ ก็รีบเดินจะออกจากประตูห้องครัวไปเลย โซลดอนมองตามหลังร่างเล็กไปยิ้มๆ แต่เอวิตาคงนอนไม่หลับแน่หากจะหันมามองเห็นรอยยิ้มร้ายของอีกฝ่าย
โซลดอนเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบเครื่องดื่มขวดหนึ่งติดมือขึ้นไปด้วย ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง ดวงตาคมกริบที่เขย่าหัวใจสาวๆ เกือบทั้งเมืองก็ปรายตาไปมองห้องข้างๆ ที่อยู่ติดกัน มุมปากบางเฉียบสีสดกระตุกยิ้มนิดๆ ตามแบบฉบับคนเจ้าเล่ห์
‘คืนนี้เขาจะแกล้งยัยเอวี่ ไม่ให้ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว หึๆ’
“โซลดอน มาดูหนังเรื่องนี้สิคะ นางเอกเซ็กซี่มากเลย”
โซลดอนยกเบียร์ขึ้นจิบก่อนจะเดินมานั่งลงบนขอบที่นอนด้านหัวเตียงมองไปยังภาพเคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์ แคนดี้กำลังดูหนังวาบหวิวแล้วนอนให้ท่าเขาอย่างเปิดเผย
“ปิดเถอะ แล้วมองผมดีกว่า” จบคำมือใหญ่ก็เอื้อมไปหยิบรีโมทมากดปิดทันที แล้วขึ้นไปทาบทับร่างนุ่มที่แทบไม่ได้สวมใส่อะไรเลยด้วยอารมณ์ปรารถนา
“คืนนี้ดูคุณใจร้อนจังนะคะ” เห็นชายหนุ่มกำลังจะก้มลงจูบ นางแบบสาวก็ชิงพูดเสียก่อน
“เวลาของผมมีค่าทุกนาที แล้วคุณก็เซ็กซี่กว่านางเอกคนนั้นตั้งเยอะ”
พูดเอาใจไปแบบนั้น เพราะดีรู้ว่าพวกผู้หญิงมักชอบผู้ชายปากหวาน แคนดี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น หล่อนยิ้มกว้างรับคำชม ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาชวนฝันก้มต่ำลงมาแล้วเป็นฝ่ายรุกชายหนุ่มเสียเอง
แคว่ก!
คว้าง!
เสื้อของนางแมวสาวยั่วสวาทถูกดึงออกทางศีรษะแรงๆ ด้วยความใจร้อนของเสือหนุ่มจนได้ยินเสียงฉีกขาด เผยให้เห็นทรวงอกอิ่มผุดผาดดีดเด้งออกมาท้าทายสายตาของเขา ให้เข้าไปบีบเคล้นอย่างเมามัน
“อ๊า”
ต่อมาชายกระโปรงสั้นก็ถูกเลิกขึ้นไปกองไว้ที่เอวกิ่ว ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เกี่ยวตรงตะขอนิดเดียว มันก็หลุดติดมือออกมาแล้ว และถูกเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ใยดี
โซลดอนรีบถอดกางเกงทั้งสองชิ้นของเขาออก อวดเจ้ามังกรร้ายที่ชูหัวผงาดพร้อมฟาดฟันหญิงสาวทุกวินาที เขาไม่รอช้า ไม่มีการเล้าโลมใดๆ
ร่างใหญ่คลานเข่าเข้าแล้วจับอาวุธร้ายอวบใหญ่ของเขาเบียดแทรกลงตรงกลางสามเหลี่ยมอวบอูมทันที แล้วผลักดันท่อนเอ็นแข็งเข้าไปในความร้อนระอุของหญิงสาวที่กำลังเบ่งบานรับเขาเข้าไปภายใน เขาระบายอารมณ์อย่างร้อนแรง
“โอ๊ย โอยๆ ...”
แคนดี้ก็หวีดร้องลั่น เจ็บแต่ก็ทน ทนเพื่อความสุขสุดยอดรุนแรงที่เธอมั่นใจว่าจะไปถึงทันชายหนุ่ม
นาทีต่อมา เสียงโอดโอยก็กลายเป็นเสียงร้องครวญครางดังลั่นห้อง และเสียงดังมากขึ้นตามจังหวะการถาโถมของร่างแกร่ง โซลดอนมีแต่ความร้อนแรงเสมอ เขาไม่เคยอ่อนโยนกับผู้หญิงคนไหนเลย
เสียงร้องจากปากสีแดงสดจึงดังขึ้นเป็นระยะๆ แบบไม่ขาดช่วง และเสียงร้องแห่งความหฤหรรษ์นี้ก็ดังลอดเข้ามาถึงห้องข้างๆ ที่เจ้าของห้องยังนอนไม่หลับ
“โอ้วๆ โอ๊ะๆ ๆ ๆ ... อ๊าซ์ ซี๊ดดดดด...”
ตึกๆ ๆ ๆ ...
เอวิตาเอาหมอนมาอุดหูทั้งสองข้าง นึกโมโหเจ้าของห้องข้างๆ นี้จริงๆ ที่ไม่รู้จักปิดหน้าต่างเวลาที่เขาเอาผู้หญิงมานอนด้วย และคืนนี้เสียงของผู้หญิงคนใหม่ที่เขาพามาดังกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยินเสียอีก ดังยาวนานมากกกกกก... และดังมากจนเธอนอนไม่หลับ
...เมื่อไหร่กิจกามของเขาจะเสร็จสิ้นลงเสียที เธอนอนไม่หลับจนร้อนรุ่มไปหมดแล้ว...
เอวิตาไม่เข้าใจร่างกายของเธอเลย ทั้งที่ไม่ชอบเสียงนั่น แต่ทำไมบางอย่างในร่างกายของเธอถึงได้มีปฏิกิริยา โดยเฉพาะคืนนี้ที่เธอได้ยินเสียงของแคนดี้ร้องตั้งแต่วินาทีแรก จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงก็ยังร้องครางลั่นไม่เกรงใจใคร
“โอยเสียวมาก เสียวสุดๆ เลยค่ะ อ๊าซ์ ซี๊ด อูวว์ อ่าซ์ แรงอีกค่ะโซลดอน เร็วอีก โอ๊ะวๆ ๆ ๆ ... อร้างงง อี๊ๆ ๆ ซี๊ดดด... โอย”
“อ่าส์ อูววว์...”
“แรงๆ เลยที่รักขา จะถึงแล้ว โอยๆ ๆ ๆ ...”
ตึกๆ ๆ ๆ ๆ !
“อ๊าซ์ๆ ๆ ๆ ... จะถึงแล้ว เร็วค่ะ โอย โอ๊ย โอ้วๆ ๆ ๆ ๆ ... กรี๊ดดดดดด...อ๊าซซซซ...”
ตึกๆ ๆ !
“อ๊ากกกส์”
“........................................”
ทั้งที่อยากให้เสียงนั้นเงียบลง แต่เธอกลับเผลอนอนฟังจนเสียงหวีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่านั้นในยกที่สองที่สามจนถึงเที่ยงคืน นอนฟังจนตาใสหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แล้วก็ต้องรู้สึกค้างคาแปลกๆ จนนอนไม่หลับไปอีกสองสามชั่วโมงจึงได้ผล็อยหลับไป
เอวิตาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนแปดโมงเช้าด้วยอาการงัวเงีย หวังว่าโซลดอนคงจะออกไปส่งนางแบบสาวคนนั้นแล้ว เพราะปกติเวลาที่ชายหนุ่มพาแฟนสาวของเขามานอนค้างที่นี่ เขาจะตื่นเช้ามากเพื่อรีบไปส่งฝ่ายหญิงกลับบ้าน แล้วจึงกลับมาอาบน้ำกินข้าวที่คฤหาสน์ของตนเอง
เจ้าของร่างเล็กลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน แล้วมาสวมชุดกระโปรงยาวแค่เข่าสำหรับใส่อยู่บ้าน หมุนตัวที่หน้ากระจกหนึ่งรอบก่อนเดินออกมาจากห้องนอน
สาวน้อยเดินลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง ตั้งใจจะออกไปเดินเล่นรอบบ้านสักหน่อย
“นั่นใครเหรอคะโซล”
โซลดอนหันมองมาทางเอวิตาแล้วก็เหยียดยิ้ม ก่อนจะหันมากอดคู่นอนคนใหม่มาหอมฟอดใหญ่ต่อหน้าต่อตาคนที่ยืนอึ้งอยู่กับที่
“ลูกของคนใช้ในบ้านน่ะ”
“ลูกคนใช้? ... แล้วทำไมถึงลงมาจากชั้นบนล่ะคะ แล้วดูการแต่งตัวก็เหมือนไม่ได้ขึ้นไปทำงาน น่าจะเพิ่งออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยซ้ำ”
นางแบบสาวตั้งข้อสังเกต เซ้นส์ของผู้หญิงแรงเสมอในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แคนดี้จึงอดไม่ได้ที่จะมองสาวน้อยที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดด้วยสายตาพินิจพิจารณา อย่างจับผิด
“คุณอย่าไปสนใจเลย แกเป็นใบ้”
เอวิตาอึ้งเป็นคำรบสองเมื่อได้ยินโซลดอนบอกกับแฟนสาวของเขาว่าเธอเป็นลูกคนใช้หนึ่งละ และสองเธอเป็นใบ้ เขาช่างเอ็นดูเธอจริงๆ แต่ก็ดีแล้วในเมื่อเธอไม่มีอะไรจะต้องพูดกับสองคนนั้นอยู่แล้ว
“เป็นใบ้? ... จริงหรือเปล่าคะโซล”
“สามปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้แกไม่คุยกับผมเลย คุณคิดว่าแกเป็นใบ้หรือเปล่าล่ะ”
แคนดี้ชักงงกับคำอธิบายของแฟนหนุ่มจนคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ตกลงว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้จริงๆ หรอกใช่ไหม ก็แค่ไม่อยากพูดเลยไม่พูดแค่นั้นกระมัง หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น
ขณะที่แคนดี้กำลังสงสัยในตัวเอวิตาอยู่นั้น โซลดอนก็จงใจรวบร่างนางแบบสาวเข้ามากอดแล้วจูบหล่อนต่อหน้าน้องสาวนอกไส้อีกครั้ง จนเอวิตาต้องรีบเดินหนีจากภาพนั้นไปแทบไม่ทัน
พอเห็นว่าเอวิตาเดินลับหายไปแล้ว โซลดอนก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วผละอ้อมกอดจากนางแบบสาวทันที การที่ได้แกล้งให้เอวิตาให้หล่อนหน้าแดงได้ มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทุกครั้ง
เดือนหน้าบิดาของเขาบอกว่า จะส่งเอวิตาไปช่วยงานเขาที่บริษัท แต่เขาไม่รู้ว่าเด็กใบ้นั่นจะตกลงไหม แต่ถ้าเอวิตายอมไปทำงานละก็ เขาก็มีแผนจะทำให้เด็กนั่น ขอลาออกจากงานตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้าทำงานเลยทีเดียว
‘ใครอยากจะทนทำงานอยู่กับเด็กใบ้ที่แสนจะจืดชืด วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง น่าเบื่อจะตาย’
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"