รักแรกมักลืมยาก แต่การยอมรับความเจ็บปวดนั้นกลับยากยิ่งกว่า แถมโชคชะตายังเล่นตลกให้เขากลับมาเป็นเด็กบำเรอกามของแด๊ดดี้อีกครั้ง
บทที่ 1
เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา
Readtober Theme (2018) : บังเอิญ
ก๊อกๆ
“เชิญครับ”
เรนัล แลนด์คอป เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารแล้วเอ่ยตอบรับเสียงเรียบ ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นว่าเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตรงกับที่เขานัดอีกฝ่ายให้เข้ามาพบในวันนี้
ถือว่ารู้จักมารยาทต่างจากนักวิจัยคนอื่นที่เคยมา
ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีกรมท่าขยับตัวลุกขึ้นยืนต้อนรับแขกอย่างให้เกียรติ ใบหน้าคมติดเย็นชาแต่ยังคงความสุภาพไว้หลายส่วนถูกเปลี่ยนเป็นอาการประหลาดใจยามเห็นผู้มาเยือนเต็มสองตา
“คุณ...” นะโมเองก็ตกใจจนดวงตาคู่สวยเบิกกว้างราวกับเห็นผีใบหน้าหวานที่คุ้นเคยทำให้คนมองเผลอยกยิ้มมุมปากคล้ายเจออะไรถูกใจ
ไม่คิดเลยว่าการปฏิเสธไม่ยอมคุยกับตาแก่เสียงยานที่รู้สึกเกลียดขี้หน้าอย่างบอกไม่ถูก มันจะทำให้เขาได้เจอกับ ‘ของเล่น’ ชิ้นโปรดซึ่งเคยหลุดมือไปเมื่อหลายปีก่อน
ความรู้สึกที่เก็บซ่อนในหัวใจตลอดมาได้แทรกซึมก่อเกิดเป็นอารมณ์หลากหลาย
ทว่าชั่วพริบตาบอสหนุ่มผู้กำอำนาจมหาศาลก็กลับมามีท่าทีปกติราวกับเมื่อสักครู่ไม่มีสิ่งใดผิดแผกไป
“...!”
นักวิจัยตัวเล็กแอบสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องทำงานถูกเลื่อนปิดอัตโนมัติ แม้จะพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่มันกลับทำได้ไม่ง่ายเลย
มันยากเหลือเกินที่จะมองข้ามอดีตและห้ามไม่ให้รู้สึกอะไรเมื่อต้องอยู่ตามลำพังกับผู้ชายคนนี้…
“นั่งก่อนสิ”
“...ขอบคุณครับ” เจ้าตัวตอบรับเสียงเบา เขาพยายามตั้งสติแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
ดวงตาคมวาววับจับจ้องไปยังร่างผอมบางในชุดสูทสีครีมไม่วางตา ใบหน้าเนียนใสดูซูบผอมกว่าอดีตแต่ยังคงดึงดูดสายตาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายปีก่อนอีกฝ่ายจะเป็นเด็กใต้อาณัติซึ่งเขายอมตามใจมากที่สุด
“ผมชื่อณัฐวุฒิ เป็นหนึ่งในคณะวิจัยโครงการพิเศษนี้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” รอยยิ้มเจื่อนๆ ฉายทาบขณะแนะนำตัวด้วยความสุภาพ ฝ่ามือยื่นแฟ้มที่กอดไว้แนบอกลงวางบนโต๊ะ
ทว่านั่นทำให้คนฟังเริ่มมีสีหน้ามึนตึงกรุ่นโกรธ เรนัลตวัดสายตาดุเป็นการตักเตือนแทนคำพูด
แม้นะโมจะเป็นเพียงของเล่นชิ้นเก่า แต่ก็นับว่าถูกใจตนมากที่สุด การที่อีกฝ่ายแสร้งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทำให้เขารู้สึกราวกับโดนลูบคมอยู่กลายๆ
“กะ ก็คุณเรนัลเป็นคนบอกเองว่าต้องการคุยกับนักวิจัย ผมเลยแนะนำตัวเผื่อคุณจะไม่รู้... แค่นั้นเอง” นะโมรีบแก้ตัวเสียงอ่อย
คำตอบนั้นทำให้บอสหนุ่มพลันนิ่งงัน ก่อนนึกได้ว่าตนใช้ข้ออ้างขอคุยกับนักวิจัยคนอื่นเพื่อสอบถามข้อมูลไว้ตัดสินใจว่าจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนหลักดีหรือไม่ ทั้งๆ ที่ใจจริงเขาคิดจะตอบตกลงไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่ชอบหน้าเหี่ยวๆ ของตาแก่เจ้าของแลบ จึงเลือกยืดเวลาออกไปเพื่อทรมานคนรอฟังคำตอบเล่นๆ
“ฉันพึ่งรู้ว่าเธอเป็นนักวิจัยโครงการนี้ด้วย”
ช่างเป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะเสียจริง…
“ผมทำงานกับที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบแล้วครับ ถ้ายังไง… เรามาคุยเรื่องโครงการวิจัยกันเลยดีไหมครับ ตรงจุดไหนที่คุณเรนัลสงสัยผมจะได้อธิบายให้ฟัง”
นักวิจัยหนุ่มพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องส่วนตัวเพราะไม่อยากนึกถึงอดีตที่สร้างบาดแผลไว้ในใจให้เขาจนถึงทุกวันนี้ โดยการดึงประเด็นเข้าเรื่องงานโดยไม่อ้อมค้อมใดๆ ทั้งสิ้นให้เสียเวลา
แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ยินยอมให้เขาทำแบบนั้น
“หลังจากที่เราเลิกกัน มีใครเลี้ยงเธอต่อบ้าง”
คำถามที่ยิงออกมาทำให้คนฟังชะงักไปชั่วครู่ ภาพเหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุของการเลิกราปรากฏชัดในใจ มันบีบคั้นความรู้สึกเสียจนนะโมเผลอกัดริมฝีปากเข้าหากันอย่างลืมตัว
กาลเวลาไม่เคยนำพาให้ความรู้สึกแย่จากเรื่องราวในวันนั้นหายไปไหน และไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่อาจรักษาให้หายได้
แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยแอบคิดว่าคนตรงหน้าจะสามารถเยียวยาบาดแผลเหล่านั้นได้ ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำกลับตรงกันข้าม
ไม่มีการปลอบใจใดๆ กระทั่งคำขอโทษจากคนผิด… เขาก็ไม่เคยได้รับมัน
“ไม่มีครับ” นะโมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะฝืนตอบเสียงเรียบ ความเศร้าที่หน่วงหนักในใจนั้นเต็มไปด้วยความรักมากมายที่เขามอบให้แก่คนซึ่งไม่เคยเห็นค่า
หัวใจพลันปวดร้าวเมื่อคิดเช่นนั้น เปลือกตาปิดลงเพื่อบดบังความเศร้าและหยาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ สองมือบีบเข้าหากันจนแน่นอยู่บนตัก นะโมใช้เล็บจิกลงกลางฝ่ามือเรียกสติให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ก่อนจะกะพริบดวงตาถี่ๆ แล้วพยายามแสดงท่าทางให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“...แล้วตอนนี้เธออยู่กับใคร” เส้นเสียงทุ้มราวกับขาดหายไปชั่วขณะเพียงแค่เห็นแววตาหม่นหมอง ทว่าหน้ากากเรียบเฉยก็ถูกสวมใส่ปิดบังความรู้สึกอย่างรวดเร็ว
“ผมกลับไปอยู่กับลูกพี่ลูกน้องเหมือนเดิมครับ” ดวงตาสองคู่สบประสานกันชั่วขณะก่อนผู้มาเยือนจะก้มหน้าลงต่ำด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
คนตัวเล็กยอมรับว่านัยน์ตาสีฟ้าคู่นี้มีเสน่ห์ดึงดูดชวนให้หัวใจเต้นรัวแรงไม่ต่างจากวันแรกที่พบเจอ แม้ความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังตามหลอกหลอนอยู่เกือบทุกค่ำคืนจนต้องพึ่งยานอนหลับก็ตาม
มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
สองหนุ่มต่างวัยจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนรอบข้างพลันไร้ซึ่งเสียง มีเพียงบรรยากาศแปลกๆ ที่ลอยอบอวลเท่านั้น มันไม่ถึงกับชวนให้อึดอัด ทั้งยังพาพวกเขาย้อนกลับไปยังอดีตที่เคยเต็มไปด้วยความสุข ก่อนใบหน้าเรียบเฉยจะปรากฏร่องรอยครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สายตาเลื่อนสำรวจตามเรือนร่างผอมแห้งราวกับคนไม่มีข้าวกิน หัวคิ้วก็พลันขมวดมุ่น ถึงเขาจะพอรู้อยู่บ้างว่าแลบของเดนิชขาดทุนหนักจนต้องเร่ขายอุปกรณ์วิจัยบางส่วน แต่ก็ไม่คิดว่าตาแก่นั่นจะถึงขั้นไม่จ่ายเงินเดือนพนักงานจนอีกฝ่ายแทบจะเป็นกระดูกเดินได้แบบนี้
“เดนิชได้จ่ายเงินเดือนบ้างหรือเปล่า” บอสหนุ่มเผลอเอ่ยถามตามที่คิด
“เอ่อ…”
สีหน้าลำบากใจนั้นเป็นคำตอบได้อย่างดี ผู้นำตระกูลเก่าแก่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้เขาจะห้ามตัวเองไม่ให้สืบเรื่องราวของนะโมหลังจากแยกทางกันได้ ทว่าพอเห็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสมีชีวิตราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งเช่นนี้ ความรู้สึกผิดที่เคยมีก็ยิ่งกัดกินใจจนอยากจะทำอะไรเพื่อชดเชยสักอย่าง…
ชดใช้ให้กับความผิดพลาดที่เขาได้ก่อมันขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อน
ทั้งยังยึดติดในศักดิ์ศรีเสียจนไม่กล้าเอ่ยปากขอโทษคนที่มีสถานะเป็นเพียงแค่เด็กบำเรอบนเตียง และนั่น… ก็ทำให้เขาต้องเสียนะโมไป
สายตาคมไล่สำรวจอีกฝ่ายจนพอใจจึงวกกลับมาที่ใบหน้าหวานซึ่งตราตรึงในความทรงจำไม่เคยเลือนหาย แม้มันจะดูเศร้าและไร้รอยยิ้มแบบที่เขาชอบก็ตามที
“เธอคิดว่างานวิจัยนี้จะมีโอกาสสำเร็จสักกี่เปอร์เซ็นต์”
จู่ๆ เรนัลก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นเรื่องงาน ท่าทางจริงจังของเขาทำให้นะโมรีบฝังกลบความรู้สึกแย่ๆ จากการคิดถึงอดีต แล้วฟังคำถามอย่างตั้งใจ
แต่น้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับเรื่องที่กำลังพูดถึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ให้ความสนใจ หนุ่มนักวิจัยจึงลอบกลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“...การวิจัย ‘ยา Preg-able (ผู้หญิงสามารถมีอสุจิหรือผู้ชายมีรังไข่) ’ โอกาสสำเร็จอยู่ที่ 30-50 เปอร์เซ็นต์ครับ...”
พูดจบดวงตาสีน้ำตาลก็แอบมองสีหน้าของคนฟังด้วยใจลุ้นระทึก แม้เขาจะรู้จักเรนัลเพียงแค่ครึ่งปี แต่การได้อยู่ด้วยกันทุกวันทำให้เข้าใจนิสัยอีกฝ่ายพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการใช้เงิน ถ้าหากเป็นสิ่งที่เจ้าตัวถูกใจ ต่อให้ต้องเสียเงินเป็นล้านก็ให้ได้ แต่ถ้าไม่...
ก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากเขาเลย!
จากท่าทางและน้ำเสียงคนตรงหน้าทำให้นะโมรู้สึกใจเสีย คาดเดาไปแล้วว่างานวิจัยชิ้นนี้คงจะอยู่ในฝั่งของสิ่งที่ไม่สนใจแน่ๆ
“แต่ตอนนี้งานวิจัยมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นพอสมควรแล้วนะครับ ถ้าหากทางเราได้รับเงินสนับสนุนจากคุณ มันจะต้องออกมาสำเร็จและสร้างกำไรให้อย่างมหาศาลแน่นอน” แม้ว่าดวงหน้าหวานจะเริ่มแสดงออกถึงความกังวล แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำปฏิเสธชัดเจนจากปากคนตรงหน้า เขาก็ยังไม่ยอมตัดใจ
ถ้าหากเรนัลไม่ยอมเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนเงินทุน มีหวังงานวิจัยที่เขากับคนอื่นๆ ปลุกปล้ำกันมาเกือบปีต้องสูญเปล่าเพราะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้แน่ๆ
หรือถ้าพูดให้ถูกคือแลบคงจะต้องปิดตัวลงหลังเกิดสภาวะขาดทุนนานเกือบปี
“นักธุรกิจอย่างฉันไม่ลงทุนกับงานวิจัยไร้สาระที่มีโอกาสทำเงินไม่ถึงครึ่งแบบนี้หรอกนะ” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับอย่างไร้ความรู้สึก
ทว่าปากหยักกลับเม้มเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นตรงเมื่อเห็นนัยน์ตาเศร้ามีน้ำตาเอ่อคลอพลางหลุบลงต่ำไม่กล้าสบตา แต่แผนที่วางไว้จะคลาดเคลื่อนไม่ได้เด็ดขาด
เขาต้องการให้นะโมกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง อยากเสพสมกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่เคยหลงใหลเมื่อครั้นอดีตให้เต็มที่ แต่จะให้เอ่ยปากขอคืนดีก็ดูเสียศักดิ์ศรีไปหน่อย การตัดรอนและบีบบังคับให้เจ้าตัวยอมเป็นฝ่ายเข้าหาเองจึงถือเป็นทางเลือกสุดท้าย
“...เข้าใจแล้วครับ” นะโมฝืนยิ้มตอบรับคำปฏิเสธหลังพยายามกะพริบตาถี่ๆ ไล่หยาดน้ำตาให้หายไปอยู่นาน
ขณะที่มือสั่นเทาเอื้อมมาหยิบแฟ้มรายละเอียดกลับไป เสียงเอ่ยถามก็ดังขึ้นจุดไฟแห่งความหวัง ทว่ากองไฟนั้นกลับลุกโชนลามเลียใจเขาจนเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
“ถ้าเธอยอมเอาตัวเข้าแลก ฉันจะลองคิดดูอีกที… ดีไหม?”
รอยแผลตกสะเก็ดในหัวใจคล้ายถูกมีดปลายแหลมตวัดสร้างรอยปริให้เลือดไหลซึม นัยน์ตาหวานซึ่งช้อนมองสบคนตรงหน้าจึงเต็มไปด้วยความน้อยใจปนตัดพ้อต่อว่า
ที่ผ่านมาเขาพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีสถานะทางสังคมที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายตัวเขาก็มีค่าแค่นี้เองสินะ…
...เป็นได้แค่ของเล่นไว้ใช้บำเรอความใคร่
แล้วแด๊ดดี้ก็จะเบื่อเขาและทำแบบวันนั้น...
ทุกถ้อยคำผุดขึ้นมาในสมองไม่หยุดราวกับมีดล่องหนที่พุ่งตรงทำร้ายตัวเขาซ้ำไปซ้ำมา นะโมกลืนความขมขื่นลงคอแล้วก้มลงมองแฟ้มในมือที่ไร้ซึ่งความสนใจจากผู้กุมอำนาจ สีหน้าและแววตาหมองเศร้าเสียจนเรนัลไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“จะไม่มีแบบวันนั้นอีกแล้วนะโม” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นราวกับให้คำมั่นสัญญา
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองสบตาด้วยท่าทางสับสน นัยน์ตาสีน้ำตาลดูเหม่อลอยคล้ายเจ้าตัวกำลังจมดิ่งสู่ห้วงแห่งภวังค์ไม่ต่างจากวันนั้น บอสหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย ใจอยากเข้าไปโอบกอดเพื่อปลอบประโลม ทว่าอีกใจกลับเอ่ยแย้งว่านะโมไม่ได้มีความสำคัญไปมากกว่าเด็กบำเรอกามคนหนึ่ง
เขาก็แค่อยากเชยชิมรสสวาทที่ติดใจเหมือนคนเคยกินอาหารอร่อยๆ แล้วอยากกินอีกเท่านั้นแหละ
ผู้นำตระกูลแลนด์คอปเอ่ยย้ำกับตัวเองหลังเกิดความลังเลขึ้นในใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“...ถ้าผมทำให้คุณพอใจได้ คุณจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานวิจัยโครงการนี้ใช่ไหมครับ” นักวิจัยหนุ่มกลั้นใจเอ่ยถามเพื่อขอคำยืนยัน เล็บมือจิกแน่นหวังตั้งสติให้อยู่กับปัจจุบันมากที่สุด
ตอนนี้เขาคือหนึ่งในคณะวิจัย...
เขาคือตัวแทนของทุกคน…
เขาจะเอาเรื่องในอดีตมาทำให้เสียโอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้
“ตราบใดที่นายทำให้ฉันพอใจ จะโครงการไหนๆ เอาเงินเท่าไหร่… ฉันให้หมด”
คำตอบรับง่ายๆ ที่ดังกระทบหูอาจจะทำให้คนอื่นดีใจจนน้ำตาไหล แต่มันกลับสร้างความขื่นขมให้คนฟังจนเจ้าตัวต้องกัดปากแรงๆ เพื่อหยุดยั้งก้อนสะอึก
แพขนตาหนาหลุบลงเพื่อปิดบังความเสียใจที่ฉายชัดในดวงตา นะโมกลืนทุกความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นความรักที่เคยมีหรืออารมณ์โศกเศร้าใดๆ ลงในใจแล้วยอมรับกับสิ่งที่ตนเองตัดสินใจเลือก
“ตกลงครับ”
ในเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้กลับมาอยู่ที่จุดเดิม เขาก็ขอเลือกเส้นทางนี้ดูอีกสักครั้ง
งานวิจัยที่ทุกคนทุ่มเทแรงกายแรงใจมาตลอดจะต้องสำเร็จ…
...ต่อให้ต้องใช้ร่างกายนี้แลกเงินก็ตาม!
----บอสเจ้าแผนการ----
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"