‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
1
เผลอใจเพราะมัวเมา
กายแบบบางสั่นสะท้านอยู่ใต้ร่มลายการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ ห่าฝนยังกระหน่ำซัดไม่ขาดสาย เสียงฟ้าร้องคำรามก้องครืนๆ ผ่าเปรี้ยงทีเจ้าของร่างบางเป็นต้องสะดุ้ง ฝนไม่กลัวแต่กลัวฟ้าโดยเฉพาะเสียงและแสงของสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงที่ไหนสักแห่ง มารียัน รัชตะโยธิน หลับตาปี๋ เรือนร่างแบบบางในชุดนักศึกษาเปียกปอนจากห่าฝน ร่มเล็กมิอาจกั้นสายน้ำที่สาดซ่านไปทั่วทุกบริเวณหย่อมหญ้า
สายตากลมโตหยีเล็กเพื่อเพ่งเล็งไปทั่วทุกทิศทาง สายฝนคงปิดทางไม่ให้เธอหนีไปไหน ร่างกายสั่นระริกฟันกัดกระทบกันดังกึกๆ มารียัน วัย 20 ปี หนาวเหน็บจนปากซีด
‘ทำไงดี ฝนตกหนักขนาดนี้จะไปไหนได้’
ต้องเลือกระหว่างทางซ้าย ซึ่งต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงคอนโดมิเนียมหรูของน้าสาว ปรีชญา บริพัตน์กายชล น้าสาววัย 43 ปีของเธอ หรือจะไปทางขวาอีก 10 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านของเธอซึ่งอยู่กับแม่เพียงลำพัง ใกล้หรือไกล มารียันก็ต้องเลือกหนทางที่ใกล้ ดูท่าฟ้าจะไม่เปิดทางให้เธอกลับถึงบ้านในตอนนี้
สาวน้อยวัยกระเตาะกางร่มที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยไปทางซ้าย เดินต่อไปถึงคอนโดมิเนียมหรูราคาแพงมาก น้าสาวของเธอเป็นเจ้าของห้องพักบนตึกสูงระฟ้านี้ ไม่สิ มันเป็นของน้าเขยของเธอต่างหาก สามีของน้าปรีชญาชื่อกาย บริพัตน์กายชล น้าเขยอายุน้อยกว่าน้าปรีชญา 4 ปี แต่งานนี้ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด หรืออย่างในหนังไทยที่ว่าฝ่ายหญิงอายุมากกว่าต้องเลี้ยงดูฝ่ายชายที่อายุน้อยกว่า เพราะน้าเขยวัย 39 เป็นผู้ชายต้นแบบที่ทุกคนควรจะเอาเยี่ยงอย่าง เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุเพียง 30 มีธุรกิจใหญ่โต มีบ้านหลังเบ้อเริ่ม งานอดิเรกคือการซื้อรถซูเปอร์คาร์ ที่ในขณะนี้มีในครอบครองไม่ต่ำกว่า 10 คัน
ที่สำคัญก็คือ น้ากายหล่อมาก หล่อกว่าดาราดังๆ ในยุคนี้หลายคนทีเดียว
เท้าบางๆ ก้าวไวขึ้นเมื่อห่าฝนยิ่งกระหน่ำกลืนทุกสิ่งไปต่อหน้าต่อตา ตกมานานกว่าชั่วโมงระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าตกติดต่อกันทั้งคืนมีหวังน้ำท่วมกรุงเทพฯ แน่แท้
มารียันถอนใจเอาลมหายใจอุ่นๆ ออกจากรูจมูก หนาวสั่นจนอยากจะกลายเป็นลูกหมาแล้วสะบัดขนพรืดๆ เธอหุบร่มแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ เธอเคยมาที่นี่แล้ว 3 หนกระมัง ทุกครั้งก็มากับแม่ เอาโน่นนี่นั่นมาให้น้าปรีชญา หวังว่าจะไม่แห้ว หวังว่าจะเจอน้าสาวจะได้ขอพักหลบฝนคลายหนาวสักหน่อย
เมื่อมาถึงห้องชุดสุดหรูหมายเลข 20321 สาวน้อยก็กดกริ่ง ทว่าไม่มีใครเปิดประตู สาวน้อยกดกริ่งเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ก็ยังไม่มีใครเปิดประตู มารียันลองบิดลูกบิดเพียงนิดเดียวประตูหนาหนักก็เปิดกว้าง เธอก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหุบฉับ
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดด’ เสียงของเธอดังลั่นอยู่ในอก มือบางตะปบปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องไม่ให้ออกมาก
ภาพที่เห็น คือภาพของปรีชญาเปลือยเปล่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอ้าซ่าอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลไหม้ แขนทั้งสองข้างยกพาดไว้บนพนัก เต้านมขาวผ่องอยู่ในกำมือของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่น้าเขยของเธอ เต้านมอีกข้างถูกชายคนนั้นดูดดื่มอย่างตะกละตะกลามหิวโหย ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจเธอเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยืนนิ่งถูกสาปอยู่ตรงนี้
ต้นขาของน้าสาวตั้งชันแบะอ้าให้ผู้ชายคนนั้นกระเถิบตัวลงต่ำ แล้วสิ่งที่ทำให้มารียันต้องกลั้นหายใจกลัวแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเองก็คือ ริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกำลังกดลงแนบกลีบแคมอันอุดมไปด้วยเส้นไหมสีน้ำตาลอ่อน
‘โอ้แม่เจ้า นี่มันอะไรกัน’
ลิ้นหนาๆ แผ่กว้างเลียกลีบแคมของน้า ร่างของน้าเกร็งเครียดแล้วสั่นระริก
“โอ้ววว เสียวจังเลย ซี้ดดดด ร่องฉันสั่นไปหมดแล้วแพทริก อ๊า”
“ครางแบบนี้แสดงว่าสั่นสู้ ผัวคุณเอาเก่งแบบผมหรือเปล่าปรี”
“ซี้ดดดดด ม่ายเลย เขาสู้คุณไม่ได้สักนิดแพทริก อ๊ะ โอ้ววว”
กลีบแคมของน้าปรีชญาทำเอามารียันแทบทรุด นี่เธอกำลังดูอะไร ฉากเซ็กส์ หรือหนังโป๊ สองคนนั่นกล้าทำแบบนี้ตอนกลางวันแสกๆ เชียวหรือ
โอว...ทำไมน้าปรีถึงกล้านอกใจน้ากาย ทั้งที่น้ากายหล่อกว่าผู้ชายหัวล้านใสปิ๊งคนนี้เยอะ
“อูยยย แพทริกคะ เอาปรีแรงๆ นะคะ เอาให้ร่องปรีถลอกไปเลย ได้โปรด”
“ผมรู้ คุณชอบความรุนแรง ผัวคุณคงจืดชืดเป็นน้ำยาเย็นสินะปรี ไม่อยากเชื่อ ทั้งที่มันเด็กกว่าคุณหลายปี แต่สงสัยเรี่ยวแรงมันคงไม่มากพอจะมัดใจคุณได้เท่าผม”
“อย่าถามปรี เอาปรีสิคะแพทริก ปรีอยากกอดท่อนเอ็นของคุณจะแย่แล้ว”
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะสะใจของผู้ชายชื่อฝรั่งหัวล้าน แต่พูดไทยชัดเจนคนนั้นทำให้คนที่ยืนค้างเหมือนถูกสาปรู้สึกตัว แล้วถอยหลังออกจากกรอบประตูนั้นก่อนค่อยๆ ปิดสนิท
มารียันยกมืออุดปากเบิกตากว้างโพลงเมื่อเธอหมุนกายไปชนกำแพงเลือดเนื้อสูงตระหง่าน น้าเขยของเธอนั่นเอง ทำให้เธอน้ำตาแทบร่วงอดสูใจกับความเส็งเคร็งของน้าสาว อับอายขายหน้าแทน ใครเลยจะคิดว่าผู้หญิงที่มีหน้าที่การงานดี แต่งงานกับเศรษฐีรูปหล่อจะคิดนอกใจสามีเล่นชู้ถึงในบ้าน
“มารียันงั้นรึ” กายเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นสูง ทุกครั้งที่เจอเธอ เขามักจะกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างบอบบาง มักจะคำนวณอายุเธอจากรูปร่างหน้าตาแล้วเปรียบเทียบกับอายุจริงๆ ความแตกต่างของวัยเป็นเรื่องที่เขาต้องถอนใจอย่างหนักหน่วง ตัวเลขนั้นทำให้ระยะห่างดูจะทอดยาวออกไปไกล
“สวัสดีค่ะน้ากาย” มารียันประนมมือไหว้ เนื้อตัวของเธอยังคงเปียกมะลอกมะแลกเหมือนลูกหมาตกน้ำ
“ตากฝนมาทำไมไม่เข้าไปข้างใน หรือปรีไม่อยู่”
กายก้าวเฉียงเพื่อไขกุญแจห้อง ทว่า
“ไม่ต้องค่ะน้ากาย มารีไม่อยากรบกวน เอ่อ น้ากายมีอีกห้องไม่ใช่หรือคะ”
เธอรู้ว่าเขาซื้อห้องชุดเอาไว้ติดกันและมีแพลนจะรวมให้เป็นห้องใหญ่ กายพยักหน้าเอียงคอน้อยๆ แววตาของเขาเหมือนรู้เท่าทันความคิดของเธอ สาวน้อยส่ายหน้าระรัว
“มารีอยากอยู่กับน้ากายโดยไม่มีน้าปรีอยู่ด้วย” พูดไปแล้วตากลมก็โตเท่าไข่ห่าน ยกมือปิดปากไม่ทันเสียแล้ว นี่เธอหลุดปากพูดอะไรออกไป
“คะ คือ คือว่ามารีแค่” จะแก้ตัวยังไงล่ะทีนี้
“มานี่เถอะ”
กายกระตุกมือมารียันไปห้องข้างๆ แล้วไขประตูเข้าไป ภายในห้องนี้ยังไม่ได้ตกแต่งใดๆ เฟอร์นิเจอร์มีแค่พอไม่ให้ว่างเปล่า และตอนนี้มันโล่งมากในความรู้สึกของเด็กสาว กายสำรวจท่าทีของหลานเมียก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเหนี่ยวร่างบอบบางให้นั่งบนตัก
“อุ๊ย น้ากาย”
มารียันไม่คิดว่ากายจะให้เธอนั่งบนนี้ มันใกล้ชิดเกินไป มันไม่เหมาะสม ไม่ควรอย่างยิ่งที่หลานสาวอย่างเธอจะนั่งบนตักน้าเขย เธอพยายามขยับลุกจากตักติดที่มือกายซึ่งกดลงบนหน้าขา สายตาของเขาตรึงเธอให้อยู่นิ่ง
“เธอว่าอยากจะอยู่กับฉันสองต่อสองไม่ใช่รึ”
ลมหายใจของมารียันทวีความร้อนแรงอยู่ในทรวงอก การจะดึงเขาออกห่างสถานการณ์อันน่ารังเกียจก็ดีหรอก เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของน้าปรีชญาก็ใช่ แต่การจะอยู่กับชายหนุ่มวัย 39 ที่มีความหล่อเหลาถึงขีดสุด เรือนร่างของเขาตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อมันยากยิ่ง ลมหายใจของเขาอุ่นร้อนกำลังรดใบหน้าเธอ มารียันถอนใจเมื่อลอบมองริมฝีปากหยักลึกสีเข้มนิดๆ ของเขา
อาการช้อนตามองริมฝีปากทำให้เส้นบางๆ ที่ขึงคาดกั้นไว้นั้นขาดผึง กายกดปากร้อนระอุทาบปากอิ่มเต่งตึง ใช้สองมือตรึงดวงหน้าหวานที่กำลังซีดสลับแดง วนหัวแม่มือกับแก้มนุ่มและกกหู
“อา หวานจัง เธอรู้มั้ยฉันอยากลิ้มลองรสชาติริมฝีปากเธอมานานแค่ไหนแล้ว”
“คะ น้ากาย วะ ว่าอะไรนะคะ”
ไม่รู้ทำไม มารียันถึงเห็นรอยยิ้มบางๆ ของกายเย็นเยียบชวนขนลุก แม้ว่ารอยยิ้มบางๆ นั้นจะชวนมองแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วราวจะซุกซ่อนอะไรไว้บางอย่าง มารียันคิดถึงรอยยิ้มแว่บเดียวที่เขาเคยยิ้มให้เมื่อนานมาแล้ว รอยยิ้มนั้นช่างอ่อนโยนไม่เหมือนครั้งนี้ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความท้าทายและชัยชนะ
กายกดปากลงบนซีกแก้มขาวสลับแดง เว้าวอนฉกฉวยโอกาสจากเธอชนิดที่ทำให้สาวน้อยขนลุกเกรียว เธอเอียงหน้าหลบซ้าย เขาก็จูบแก้มขวา พอเอียงหน้าหลบขวาเขาก็จูบแก้มซ้าย พอจะก้มหน้าหนีทั้งซ้ายและขวาเขาก็จูบกลางกระหม่อม แล้วผลักเธอให้เงยหน้าสบตาคมกริบคู่นั้น
“ได้แต่มองอยู่ห่างๆ ใครจะรู้บ้างว่าทรมานแค่ไหน”
“ฮะ อะ เอ่อ น้ากายพูดเรื่องอะไรคะ มารีงง”
“หนูมารี” เสียงทุ้มแผ่วเบาชวนให้ใจเต้นแรง มารียันผ่อนลมหายใจก่อนขับขานด้วยความลืมตัว เสียงเล็กของเธอไพเราะเสนาะหู เชื้อชวนเขาโดยไม่รู้ตัว
“ขา”
กายอดใจไม่ไหวเชยคางมนที่พยายามก้มงุดเพื่อจูบปาก มารียันตัวสั่น ดูว่าความหนาวเหน็บหรือความเย็นจากเสื้อผ้าเปียกปอนจะทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เห็นผนังห้องคงคิดว่ากำลังยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ยังกระหน่ำระห่ำเสียงเซ็งแซ่เข้ามาให้ได้ยิน
กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ