กลางป่าเขาเขียวขจี ระหว่างการหลบหนีไล่ล่า กองเพลิงแห่งไฟสวาท นั้นเร่าร้อนแผดเผา สองร่างดื่มด่ำรสสวาท สองหัวใจผูกพันยึดมั่น เร่าร้อน...รุนแรง… หากแต่แม้นออกจากป่า เปลวไฟสวาทนั้นก็ยังไม่มอดไหม้
พันตรีสุริยะ สุริโยปกรณ์ เดินงุ่นง่านวนไปวนมาจนพื้นห้องแทบทรุด ใบหน้าเข้มที่ประกอบด้วยเครื่องหน้าคมจัด ออกหล่อเหลา ถูกแต่งเติมด้วยดวงตาคมกริบดุดันอยู่ตลอดเวลา และประดับด้วยปลายจมูกโด่งแหลม ริมฝีปากสีเข้ม หยักลึกได้รูปสวย รวมๆ แล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่เดินวนเป็นเจ้าเข้าอยู่นี่ รูปงามสมชายชาตรีทีเดียว
“ผู้พันครับ ผู้พันจะหมุนอีกนานไหมครับ ผมเวียนหัวไปหมดแล้วนะครับ”
จ่าเฉย แต่ไม่เฉยเหมือนชื่อ ถามผู้บังคับบัญชาหนุ่มอย่างอดไม่ได้ เพราะตนเริ่มวิงเวียนเกือบคลื่นไส้เต็มทีแล้ว
“มึงเวียนหัว มึงก็ปิดตาไว้ อย่ามองกูสิวะ”
“เว้ย...กูจะทำยังไงดีวะ กูอยู่ของกูดีๆ ก็หาเหาโยนใส่หัวกูซะงั้น โอ๊ย...คู่หมั้นไปไหนวะ ทำไมต้องเป็นกูด้วย”
พันตรีสุริยะตะโกนลั่น และยกมือขยี้เส้นผมที่ตัดสั้นเข้ารูป ราวกับคนบ้ายังไงยังงั้น ดีหน่อยที่ผมสั้น ถ้าผมยาวกว่านี้คงไปยืนข้างถังขยะแล้วล้วงมือเข้าไปหาของกินได้แล้ว
“เอ่อ...ผู้พันยะเป็นอะไรไปเหรอครับ มีอะไรให้ผมช่วย ก็บอกได้นะครับ เผื่อผมจะช่วยได้” จ่าเฉยบอกอย่างหวังดี
“ถ้ากูให้มึงช่วยได้ กูบอกมึงไปนานแล้ว ไม่ต้องเดินไปเดินมาจนรองเท้ากูสึกแบบนี้หรอก”
“แล้วผู้พันเป็นอะไรไปล่ะครับ ถึงต้องเดินไปเดินมาจนรองเท้าสึก”
“ก็...” พันตรีสุริยะเกือบหลุดปากบอกความลับออกไป “เฮ้ย...อย่ารู้เลย” พูดจบร่างสูงก็เดินหนีไป ปล่อยให้จ่าเฉยยกมือเกาหัวแกรกๆ อย่างมึนงง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พันตรีสุริยะที่แต่งกายด้วยชุดลายพราง และพรางหน้าด้วยการทาสีจนดำปิ๊ดปี๋ ซุ่มเงียบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ดวงตาคมกริบจับตามองไปยังกระท่อมกลางป่าหลังน้อยอย่างตั้งใจ หากแต่ในใจนั้นกำลังเดือดปุดๆ เมื่อคิดว่าผู้บังคับบัญชาส่งตนให้มายืนอยู่ตรงนี้อย่างง่ายดาย
‘ถ้ารู้ว่ามันง่ายดายขนาดนี้ ทำไมไม่ส่งคนอื่นมาแทนวะ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้กูทำด้วย บ้าฉิบ...ลูกสาวคนเดียวอยู่ตรงไหนก็รู้ดี แล้วทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ’
ใจคิด แต่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่เป้าหมายไม่วางตา สมาธิถูกจดจ่อไปที่กระท่อมหลังนั้น แล้วดวงตาคมก็หรี่ลง เมื่อมีบางอย่างเคลื่อนออกมาจากกระท่อม
จันทร์ดาราใช้ความสามารถของตนแก้มัดเชือกที่ผูกข้อเท้าได้สำเร็จ แต่ข้อมือบางยังคงมีเชือกผูกอยู่ และเธอก็ไม่มีเวลาจะแก้มันออก นอกจากตัดสินใจย่องเงียบออกมาทั้งที่มือทั้งสองข้างยังถูกมัดติดกันแน่น หญิงสาวใช้แผ่นหลังแนบฝา หันซ้ายหันขวาดูทางหนีทีไล่ เมื่อเห็นว่าปลอดคน ร่างบางก็ออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตทันที
สุริยะผุดวิ่งตาม โดยก้มตัวลงแต่ยังคงซอยเท้าตามร่างระหงไปเรื่อยๆ
“เฮ้ย! มันหนีไปแล้ว ตามจับมันให้ได้เร็วเข้า”
เสียงโจรเรียกค่าไถ่ดังตามหลัง ยิ่งทำให้จันทร์ดาราต้องซอยเท้าให้เร็วขึ้น
สุริยะออกจากที่ซ่อนและยิงใส่กลุ่มโจรเรียกค่าไถ่ แต่โชคร้ายที่กระสุนไม่โดนพวกมันเลย ชายหนุ่มวิ่งตามร่างบางจนทันด้วยฝีเท้าที่ไวกว่าอยู่หลายขุม และลากแขนบางวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่มือที่ถูกผูกติดกันของจันทร์ดาราและไพล่ไปด้านหลังนั้นเป็นอุปสรรคในการฉุดรั้งจากคนร่างสูง ทำให้ปลายเท้าบอบบางสะดุดรากไม้ปลิวหวือลงกระแทกกับพื้นดินจนจุก ร่างสูงจึงต้องหยุดวิ่งหันมารวบร่างบางขึ้นพาดบ่า และพาวิ่งทั้งๆ อย่างนั้นเหมือนไม่หนักเลยสักนิด
“ว้าย...นายเป็นใครน่ะ นี่! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” จันทร์ดาราหวีดร้องวี้ดว้ายไปตลอดทาง
“ปล่อยให้ไอ้พวกนั้นมันฆ่าทิ้งรึไง หุบปากซะถ้ายังไม่อยากตาย”
“ก็แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ฉันวิ่งเองเล่า”
“คุณจะวิ่งไปได้สักกี่ก้าว เดี๋ยวก็ล้มลงไปอีก เป็นตัวถ่วงให้ไอ้พวกนั้นมันไล่ยิง”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ลูกกระสุนปืนก็เฉี่ยวหูสุริยะไปจนร้อนฉ่า
“กรี๊ด! นี่นาย...วิ่งให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ ไม่เห็นรึไงว่าพวกมันไล่ตามมาจะทันแล้ว”
คนไม่ช่วยแต่ยังเอาเท้าราน้ำ หวีดร้องแถมเร่งยิกๆ ทั้งที่หัวก็ห้อยต่องแต่ง เลือดในกายไหลมารวมกันอยู่ที่หน้านวลจนแดงเถือก
“โอ๊ย...แล้วนี่เห็นว่าผมกำลังเดินอยู่รึไงแม่คู้ณ ตัวคุณไม่ใช่นุ่นนะจะได้เบาหวิว นี่ผมคิดว่าผมอุ้มลูกช้างซะอีก เร็วแค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ถ้าฉันเป็นลูกช้าง นายก็เป็นพ่อช้างล่ะ โอ๊ยๆๆ มันตามมาใกล้แล้ว” จันทร์ดาราเร่งคนที่แบกเธอวิ่ง แต่แล้ว... “กรี๊ด” จันทร์ดาราหวีดร้องดังลั่น เมื่อร่างของเธอและสุริยะพุ่งลงสู่เบื้องล่าง หลังจากที่วิ่งมาเรื่อยๆ แล้วสุริยะก็ตัดสินใจกระโดดลงหน้าผาที่เห็นเบื้องล่างนั้นเป็นธารน้ำตกใหญ่
สุริยะกอดร่างบางไว้แน่น เมื่อร่างของทั้งคู่ร่วงลงสู่ผืนน้ำ “ตูม”
“เฮ้ย...มันบ้าหรือมันอยากตายกันวะ กระโดดลงไปได้ยังไง ไปอีกไม่ไกลก็เป็นน้ำตกแล้ว”
“เออ...งานนี้พวกเราชวดว่ะ ป่านนี้มันก็คงตายเป็นผีเฝ้าป่าแล้วล่ะ”
“อย่าเพิ่งนอนใจไป อีนังนั่นมันเห็นหน้าพวกเราชัดทุกคน มันต้องจำได้ขึ้นใจแน่ เพราะฉะนั้นต้องตามดูให้แน่ใจ ว่ามันรอดหรือว่ามันตายแล้ว”
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
“เจ้านายอย่าคิดว่า ความคิดความรู้สึกของเจ้านายนั้นถูกหมดทุกอย่างนะคะ” สาวน้อยเริ่มไม่พอใจ ที่เขาหาเรื่องรวนเธอ ชวนนท์ยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง ความสูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กลงไปอีก “เธออย่าปฏิเสธฉันเลยดลลดา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามา ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกลัวฉัน” “ดิฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องกลัวคุณ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “แน่ใจเหรอ” “ค่ะ” แล้วลำแขนเรียวกลมกลึง ก็ถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวชายหนุ่ม จนทรวงอกนุ่มหยุ่นแนบชิดกับอกกว้างแข็งแรงของเขา ดลลดาขืนตัวเอาไว้เต็มกำลังที่มี แม้จะเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม ดวงตาคู่สวยมองสบดวงตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว “นั่นไง เธอกลัวฉันจริงๆ” ชวนนท์เห็นความกลัวในดวงตาของหญิงสาว “เจ้านาย ปล่อยค่ะ” เสียงใสๆ นั้นสั่นระรัว
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
‘กาย’ หนุ่มใหญ่ผู้ไม่เคยมีศรัทธาในความรัก เขากระหายในความเจ็บปวด ยิ่งเธอทรมาน ก็ยิ่งมีความสุข เสียงครวญครางของเธอเป็นเหมือนอาหารรสเลิศที่ขาดไม่ได้ ทว่า...เธอกลับเรียกแรงศรัทธาในความรักให้เดินเข้าหาเขา ‘มารียัน’ เด็กสาวผู้ที่ตกหลุมพรางของผู้ใหญ่ กลายเป็นทาสของซาตานผู้ไร้หัวใจ เป็นชู้กับน้าเขยตัวเอง บทรักของเขาเรียกน้ำตาจากเธอทุกครั้ง ทว่า...มันกลายเป็นยาเสพติดที่เธอขาดไม่ได้ จะทำยังไงให้ซาตานที่รักตอบแทนความรักอันเจ็บปวดของเธอได้บ้าง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"