“อ๊อย... ” หล่อนร้องคราง เมื่อหนวดเคราสากระคาย ปักทิ่มลงบนผิวเนื้ออ่อนๆ ของทรวงอก ทำเอาเส้นขนลุกซู่ สองเต้าขยับยก หัวนมชูชันรับเคราแข็งปักทิ่มลงมาไม่ยั้ง แอ่นสองเต้าสู้ริมฝีปากของพ่อเลี้ยงดามพ์ ครอบลงมาดูดเลียลนลานหิวกระหาย “อูย... สะ... เสียว... ” เดือนฉายเม้มริมฝีปากแน่น ปลายลิ้นร้อนผ่าวของ พ่อเลี้ยงตวัดรัวรวบหัวนม เลียกินรอบวงป้านหัวนมสลับไปมาทั้งสองข้าง ขณะที่กึ่งกลางกายของหล่อนกำลังโดนนิ้วยาว กระแทกยัดเข้าใส่รูเสียงดังพลั่กๆ น้ำหล่อลื่นทะลักออกมาอาบเลื่อมลำนิ้วของเขา “นมก็เต่งตึง... ร่องก็ฟิตแน่นดีเหลือเกินเดือนจ๋า... อ๊า ดูสิ... น้ำเยิ้มออกมาแล้ว” สีหน้าของพ่อเลี้ยงบ่งบอกความสะใจ ที่เห็นอารมณ์ของหล่อนกระเจิดกระเจิง ก็ใครจะทนไหว โดนหนักขนาดนี้ ไม่อ่อนระทวยก็เกินไป เพราะว่าพ่อเลี้ยงจอมหื่นจู่โจมทั้งหัวนมและร่องสวาทของหล่อนไปพร้อมกัน
สุดแค้น
แสนหื่น
ผู้เขียน : กาสะลอง.
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
สุดแค้นแสนหื่น
ที่บ้านไม้หลังใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางฟาร์มโคนมและไร่องุ่นบนเนื้อที่หลายร้อยไร่ในจังหวัดเชียงราย
“สิงห์... แกพอจะมีเวลาคุยกับพ่อสักเดี๋ยวมั้ย”
พ่อเลี้ยง ‘ดามพ์’ เอ่ยกับ ‘สิงห์’ ผู้เป็นลูกชายที่กำลังยกแก้วกาแฟดำขึ้นดื่ม ก่อนจะคว้าหมวกคาวบอยสีน้ำตาลปีกกว้างที่แขวนเอาไว้ข้างฝาผนังบ้าน มาสวมลงบนศีรษะ กำลังจะออกไปตรวจงานในไร่ในฟาร์มเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตร
“มีอะไรครับพ่อ”
ชายหนุ่มหรี่ตามองหน้าบิดาด้วยสีหน้าและแววตาครุ่นคิด เดาว่าคงจะเป็นธุระสำคัญอะไรสักอย่าง เพราะปกติพ่อเลี้ยงดามพ์มักจะตื่นสาย แต่วันนี้กลับเห็นนายใหญ่ของบ้านลงมานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่เทอเรสหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่
“พ่อจะบอกกับแกว่าพรุ่งนี้จะมีผู้หญิงสองคนมาอยู่บ้านเรา”
พ่อเลี้ยงดามพ์กล่าว ทั้งที่พอจะคาดเดาได้ว่าลูกชายจะทำหน้ายังไง เมื่อได้ยินเรื่องที่ตนบอก
“อะไรนะครับ ผู้หญิงสองคน... มาอยู่บ้านเรา... ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ แล้วจะมาอยู่ในฐานะอะไรมิทราบครับ?”
สิงห์ตีสำนวน หัวคิ้วเป็นแพดกหนาชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย ยกแก้วกาแฟดำขึ้นดื่มอีกครั้ง
น้ำเสียงของสิงห์เข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แววตาสีสนิมเหล็กหรี่ลงเล็กน้อยอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“คือ... เอ่อ... พรุ่งนี้จะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่กับพ่อ แล้วเธอมีลูกสาวมาด้วย”
พ่อเลี้ยงดามพ์หนักใจที่จะบอกตรงๆ ว่ากำลังจะมีเมียใหม่ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงอาการตกใจสักเท่าไรนัก พอจะคาดเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร พ่อม่ายเมียตายที่ครองตัวโสดมาหลายปี วันนี้คงนึกอยากได้เมียใหม่เป็นธรรมดา
“อ๋อ... คุณพ่อจะเล่นแม่ม่ายลูกติดว่างั้นเถอะ... ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ ถ้าชอบแบบนี้ แต่ที่ผมสงสัยก็คือทำไมต้องให้มาอยู่ที่บ้าน? เรื่องแบบนี้ถ้าอยากนักก็ซื้อกินดีกว่า ผู้หญิงเยอะแยะเหมือนผักปลา... ไม่เห็นจะต้องเอามารับผิดชอบดูแลให้เป็นภาระเลี้ยงดู”
สิงห์แสดงความเห็นออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาพ่อของตนครองตัวเป็นพ่อม่ายมานาน เรื่องความต้องการทางเพศนั้นย่อมมีกันทุกคน
แต่ที่สิงห์รู้สึกแปลกใจก็คือทำไมต้องให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาอยู่บ้าน
“พ่อทำแบบนั้นไม่ได้ จะพูดยังไงดี... ถ้าบอกตรงๆ ก็คือผู้หญิงคนนี้คือคนที่พ่อแอบรักเมื่อในอดีต แต่เธอตัดสินใจไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคนซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของพ่อ... แล้วตอนนี้เพื่อนพ่อคนนี้ก็เสียชีวิตแล้ว พ่อเลยสงสารสองแม่ลูกที่ทุกวันนี้ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตกันเพียงลำพัง หลังจากหัวหน้าครอบครัวต้องมาตายจาก”
พ่อเลี้ยงดามพ์ย้อนระลึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อในอดีต
“อ๋อ... ที่แท้ก็ถ่านไฟเก่า... แต่แบบนี้คงต้องเรียกว่าเซ้งเมียต่อจากเพื่อนสินะ... แล้วพ่อจะเอาทั้งลูกทั้งแม่เลยใช่ไหมครับ”
คนฟังรู้ว่ามีอารมณ์ประชดประชันอยู่ในน้ำเสียงของลูกชาย แววตาแข็งกร้าวบอกให้รู้ว่าโกรธ
“ไอ้สิงห์... เอ็งพูดอะไรก็รู้จักให้เกียรติผู้หญิงบ้างสิโว้ย ตอนนี้ผู้หญิงสองคนนี้กำลังตกที่นั่งลำบาก บ้านก็โดนยึด ไม่มีที่ซุกหัวนอน ชีวิตน่าสงสารมาก... ถ้าเอ็งได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกเอ็งก็จะสงสาร”
พ่อเลี้ยงดามพ์โกรธจนหน้าแดง
“แต่อย่าลืมว่าบ้านของเราไม่ใช่สถานสงเคราะห์นะครับคุณพ่อ”
สิงห์ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด กับความคิดของบิดาในครั้งนี้
“เออ... เรื่องนั้นกูรู้น่ะ... กูก็แค่สงสารผู้หญิง”
พ่อเลี้ยงดามพ์พยายามให้เหตุผล
“คุณพ่อสงสารหรือว่าอยากได้เมียใหม่กันแน่... แต่ถ้าถามความเห็นผมละก็ ผมตอบได้เลยว่าไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนมาอยู่ในบ้านหลังนี้”
สิงห์ยังคงยืนกรานเสียงแข็ง จมูกโด่งเป็นสันสวยที่ปลายเชิดรั้น บอกความเป็นคนดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
“พี่ผ่านๆ มาเอ็งอยากได้อะไรพ่อก็ตามใจตลอด... คราวนี้เอ็งจะตามใจพ่อบ้างไม่ได้หรือไงวะไอ้สิงห์”
คนเป็นบิดาเสียงอ่อนลง เหมือนรู้ว่าไม่ควรใช้ไม้แข็งกับลูกชายผู้เอาแต่ใจคนนี้
“โถ... พูดขนาดนี้แสดงว่าคุณพ่อคงอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาก งั้นผมคงขัดอะไรไม่ได้ ถ้าอยากเอากันนักก็ตามสบายเถอะครับ”
สิงห์ทำหน้าเอือมระอา คำพูดที่ได้ยินสะกิดใจผู้เป็นบิดาเข้าอย่างจัง
พ่อเลี้ยงดามพ์ไม่ปฏิเสธว่าเขาอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียใจจะขาด ก็เพราะว่าเมื่อในอดีตเขาไม่อาจสมหวังในความรักกับหล่อน แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว
“โอเค... พ่อจะถือว่าได้คุยเรื่องนี้กับแกแล้ว... และแกห้ามมีปัญหาทีหลังนะโว้ย”
พ่อเลี้ยงดามพ์รีบสรุปแบบมัดมือชก ยกไปป์ยาเส้นขึ้นสูบ พ่นควันสีขาวพวยพุ่งไปในเวิ้งอากาศ
“งั้นผมขอถามตรงๆ... คุณพ่อจะให้สองแม่ลูกมาอยู่บ้านเราในฐานะอะไรครับ?”
สิงห์ยังติดใจ จึงยิงคำถามแทงใจดำบิดาเข้าอย่างจัง พ่อเลี้ยงดามพ์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เขายอมรับว่าครั้งหนึ่งเคยแอบรักผู้หญิงที่ชื่อ ‘เดือนฉาย’ คนนี้จนแทบคลั่ง หล่อนเป็น ‘รักแรก’ ที่เขาไม่เคยลืมเลือนจนกระทั่งวันนี้
เพราะว่าเมื่อในอดีตดามพ์กับเพื่อนรักที่ชื่อ ‘วิชิต’ เคยหลงรักผู้หญิงคนเดียวกันก็คือเดือนฉาย
หากสุดท้ายหล่อนก็เลือกที่จะแต่งงานกับวิชิตด้วยเหตุผลอันใดก็ไม่มีใครรู้ ทั้งที่พ่อเลี้ยงดามพ์ทั้งหล่อและรวยกว่า เหนือกว่าวิชิตในทุกด้าน
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"