ความมั่นคงของสำนักดอกเหมยอำพันต้องสั่นคลอนเพราะสำนักคู่แข่งผงาดหมายโค่นล้มให้ย่อยยับเพื่อเป็นหนึ่งในยุทธภพ ทำให้ ‘กวงจิน’ ผู้เป็นน้องชายของว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปจำต้องร่วมแผนการของพี่ชายเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศของสำนัก แปลงกายเป็นนางคณิกา แฝงตัวเข้าไปในหอนางโลมปักษาภิรมย์ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักปักษามรกต หมายปลุกปั่นให้ ‘อวี๋ว์เจิ้งเหอ’ เจ้าสำนักปักษามรกตลุ่มหลงและคลายจุดอ่อนมาให้ได้เล่นงาน หากแต่ความลับที่เป็นบุรุษถูกเปิดเผย จากฝ่ายเป็นต่อก็ตกเป็นรองเมื่อเจ้าสำนักหนุ่มไม่ปล่อยตัวไม่ง่ายๆ ข่มขู่รั้งตัวให้เป็นเชลย รอวันเอาคืน ทว่าผู้ใดฤาจะรู้ว่า... ความขัดแย้งท่ามกลางความปรารถนาที่จะขึ้นสู่จุดสูงสุดของยุทธภพในฐานะเจ้าสำนักจำต้องชะงักลง ด้วยพ่ายให้กับความปรารถนาอันร้อนรุ่มของดวงใจทั้งสองอย่างมิอาจถอนตัว...
เมื่อยามคิมหันตฤดูพัดผ่าน ทั่วทุกสารทิศก็ร้อนระอุประดุจดั่งสุริยะหมายจะผลาญทั่วทุกหย่อมหญ้าให้มอดไหม้ ชาวบ้านร้านตลาดต่างค้าขายไม่เป็นสุขนักด้วยเพลียกายกว่าที่เคยเป็น หากแต่นั่นก็หาได้มีผู้ใดใคร่สนใจนอกจากพากันไปมุงล้อมกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งมีผู้มาปลูกอาศัยอยู่ไม่นาน ก่อนเสียงหวีดร้องลั่นจะดังลอดออกมาพร้อมกับเสียงปาข้าวของแตกกระจาย ความร้อนรุ่มจากคนด้านในช่างเรียกความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดี
“เจ้ามันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง! หากแค้นมากนัก ไยไม่ฆ่าข้าแล้วตัดหัวส่งไปที่สำนักเสียเลยเล่า!”
เสียงถ้วยกระเบื้องเคลือบกระทบพื้นแตกดังลั่น ร่างใหญ่ของชายหนุ่มกระโดดหนีถ้วยที่ถูกขว้างออกมานอกกระท่อม ทำเอาวงล้อมด้านนอกแตกฮือไปคนละทิศละทาง ก่อนจะชี้นิ้วไปยังตัวต้นเหตุ ตวาดกลับอย่างเอาเรื่อง
“ก็จริงหรือไม่เล่า หากไม่เป็นเพราะเจ้า ชีวิตข้าคงหาได้ตกระกำลำบากเช่นนี้ไม่! ฮึ! โง่เง่าเสียจริงที่ต้องมาจมปลักกับเด็กไม่รู้โตเช่นเจ้า!”
“เจ้าหุบปากไปเลย! แล้วใครกันเล่าที่คะยั้นคะยอให้ตามมากันเล่า!”
“แล้วใครให้เจ้าหูเบาตามข้ามาเล่าเด็กโง่!”
“ฮึ่ย! อวี๋ว์เจิ้งเหอ! หากข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าวันนี้ ข้าคงตายตาไม่หลับแน่!”
เสียงคู่กรณีดังสวนอีกระลอก พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มในสภาพผมเผ้ารุงรัง เหงื่อกาฬไหลอาบท่วมตัวให้คนโดยรอบรู้ว่าการวิวาทครั้งนี้คงหนักหนาเอาการ ในมือเล็กถือถ้วยกระเบื้องแบบเดียวกับที่ขว้างแตกก่อนหน้า พลางง้างหมายจะขว้างใส่คนตรงหน้าอีกรอบ
ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มนามอวี๋ว์เจิ้งเหอพลันนิ่วทันใด แต่ก่อนที่จะได้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำสอง เขาก็อาศัยความไว ปรี่เข้าไปคว้าข้อมือเด็กหนุ่มแน่น พลันแย่งถ้วยกระเบื้องในมือเล็กวางลงบนพื้น ทว่าแทนที่คนตัวเล็กจะยอมพ่าย กลับดิ้นสะบัดหมายให้หลุดจากการเกาะกุม จนชายหนุ่มต้องรวบกอดแล้วแผดเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนใต้อาณัตินั้นไม่มีทีท่าอ่อนโอนแต่อย่างใด
“เจ้าปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้เลย!”
“หากปล่อย เจ้าก็เอาถ้วยข้าวของข้าไปขว้างแตกอีกน่ะสิ เดือนนี้เสียถ้วยกระเบื้องเพราะเจ้าไปกี่ใบแล้ว รู้หรือไม่!”
พอถูกว่าดังนั้น เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหวานประดุจอิสตรีวัยแรกแย้มก็หน้าเสีย ซ้ำชาวบ้านที่มุงดูก็พลันหัวเราะร่ากับคำดุด่าของอวี๋ว์เจิ้งเหอ ยิ่งทำให้กวงจินมุ่ยหน้ายู่เข้าไปอีก
“แล้วจะทำไมเล่า! เห็นแตกทีไร เจ้าก็มาเอาของข้าไปใช้เสียทุกทีนี่!”
“แต่ข้าเป็นคนซื้อน่ะสิ รู้เอาไว้เสียบ้าง! อาศัยกระท่อมผู้อื่นซุกหัวนอนแล้วยังจะไม่สำนึกบุญคุณอีก อกตัญญูเช่นนี้น่าลงโทษเสียให้หลาบจำนัก!”
คนตัวเล็กชะงักพลันเมื่อได้ยินชายหนุ่มเอ่ยคาดโทษ หยุดดิ้นทันใดเพราะรู้ดีว่าการลงโทษของเขานั้นดุดันเหลือคณา แต่ก็ยังดื้อรั้น เถียงคอเป็นเอ็นให้เขาหมั่นเขี้ยวขึ้นไปอีก
“มีปัญญาหาเงิน ก็ต้องมีปัญญาซื้อ แค่ข้าคนเดียว ไม่มีปัญญาเลี้ยงหรือเช่นไร!”
“เจ้านี่มัน…”
“หยุดเถียงกันได้แล้วน่าคุณชายทั้งสอง ชาวบ้านทั้งตลาดแตกตื่นกันเพราะท่านหมดแล้วรู้หรือไม่”
ไม่ทันจะได้พูดต่อ เสียงของใครบางคนก็ขัดขึ้น อวี๋ว์เจิ้งเหอและกวงจินหันขวับไปยังผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียง พลันก็ปะทะเข้ากับร่างโปร่งของจอมยุทธ์หญิงซึ่งแหวกกลุ่มคนเดินตรงมายังทั้งคู่ ใบหน้างดงามชดช้อยของสตรีรุ่นฉาบรอยยิ้มพร่างพราย
“ท่านหรือ ยอดยุทธ์มังกรสาวที่ท่านอาจารย์ว่า” อวี๋ว์เจิ้งเหอเอ่ยถาม นางเพียงพยักหน้ารับ
“เรียกชื่อข้าแทนสมญานามคงน่าฟังกว่าไม่น้อย ไม่ก็เรียกศิษย์พี่ อย่างไรเสีย เราก็มีอาจารย์เดียวกัน”
ผู้ถูกทักกลั้วหัวเราะน้อยๆ พอทำให้ทั้งอวี๋ว์เจิ้งเหอและกวงจินหยุดวิวาทกันชั่วคราว ก่อนผละออกจากกันอย่างมิได้นัดหมาย
“เช่นนั้นศิษย์พี่ก็มาตามสาสน์ของท่านอาจารย์สินะ”
ความสนใจทั้งหมดเบนไปยังจอมยุทธ์สาวซึ่งเข้ามาห้ามทัพอย่างไม่ได้ตั้งใจ นางยิ้มรับเล็กน้อย
“ใช่ ข้ารีบมารับพวกเจ้าก็เพราะท่านอาจารย์กำชับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่พอได้เห็นเจ้าสองคนแล้ว ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงมีเวลามากพอที่จะทะเลาะกันมากกว่าไปกับข้ากระมัง”
พอถูกเอ่ยล้อเลียน อวี๋ว์เจิ้งเหอก็แทรกขัดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักแต่ก็แสดงออกมากไม่ได้นัก เนื่องจากจอมยุทธ์หญิงผู้นี้เป็นผู้ที่จะช่วยเหลือเขาไปกาลต่อจากนี้ ส่วนกวงจินก็เลี่ยงสายตาคนรอบข้างเมื่อเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าสิ่งที่ตนทำไปเมื่อครู่นี้ เป็นที่สนใจของชาวบ้านเกินความคาดหมายเสียเหลือเกิน
“ข้าต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องมาเห็นสภาพอันน่าอับอายเยี่ยงนี้ อย่างไรเสียก็พักให้หายเหนื่อยก่อนเถิด ข้ากับเจ้าเด็กนี่ขอเวลาจัดเตรียมสัมภาระเพียงครู่แล้วจะได้ออกเดินทางกัน”
อวี๋ว์เจิ้งเหอออกปากเชื้อเชิญให้นางเข้าไปรอในกระท่อมหลีกลี้สายตาของชาวบ้านหลายสิบคู่เพียงครู่ จอมยุทธ์หญิงพอจะเดาใจออก ก่อนรับคำเชิญ ย่างกรายเข้าไปในกระท่อมโดยมีกวงจินรีบเดินตาม ทว่าเด็กหนุ่มแทนที่จะเดินตามไปเฉยๆ ก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อวี๋ว์เจิ้งเหอที่ขมวดคิ้วค้าง ก่อนทำปากขมุบขมิบเป็นคำพูดพอให้จับใจความได้
‘ข้าไม่ยอมจบง่ายๆ แน่เจ้าลูกไก่...’
ชายหนุ่มก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะเบาๆ ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดนัก ก่อนจะพาตามทั้งสองเข้าไปข้างใน พลางคิดย้อนถึงเรื่องราวในอดีตที่ผุดขึ้นมาในหัวกะทันหัน แล้วนึกตัดพ้อชะตากรรมตนเองอย่างเสียมิได้
พลันนึกย้อนวันวานเมื่อครั้งเก่า
ดุจเรื่องเล่าตำนานเป็นเกียรติศรี
สองบุรุษวิวาทไม่ปรานี
ด้วยศักดิ์ศรีสำนักต่างตำรา
ต่างฉุดใช้เล่ห์กลแลอุบาย
ช่วงชิงชัยทั้งบุปผาแลปักษา
หากใคร่หมายประจักษ์เป็นบุญตา
เชิญน้องยาแง้มยลบัดนี้เอย.
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว