ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินเลือดร้อนไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ ‘ไลเกอร์’ อดีตบอยแบนด์วง Animalz ที่สร้างข่าวฉาวจากคดีทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมวงจนวงแตกแล้ว ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด เขายังคงเดบิวต์เปิดตัวเป็นศิลปินเดี่ยวในนาม ‘ลีแทจิน’ และใช้ชื่อเสียงเดิมสร้างความดังกระฉ่อนพร้อมกับสร้างข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน แถมยังเป็นนักร้องที่ไม่มีผู้จัดการคนไหนอยากร่วมงานด้วยอีก ร้อนถึงบริษัทที่สังกัดต้องเฟ้นหาผู้จัดการมาแทนให้โดยด่วน หวยจึงมาออกที่ ‘นัชฌาน’ ผู้จัดการหนุ่มขึ้นชื่อในเรื่องความเฮี้ยบด้วยหวังว่าจะปราบพยศเสือกลายพันธุ์ตัวนี้ได้ ทว่ารูปร่างหน้าตาประหนึ่งเด็กมัธยมปลายของผู้จัดการคนใหม่นั้น ไม่ได้ทำให้ลีแทจินหวั่นเกรงได้เลย มิหนำซ้ำยังลากนัชฌานเข้าไปพัวพันกับสารพัดปัญหาที่เขาก่อขึ้นอีก ดูเหมือนปัญหาทำท่าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย อย่างนี้ผู้จัดการหน้าอ่อนต้องจัดบทเรียนชุดใหญ่มาสั่งสอนไลเกอร์ตัวนี้ให้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เสียแล้ว!
‘ฉาวอีก! นักร้องหนุ่มมาดแบดบอยเมาวิวาทกุ๊ยข้างถนน
ฉาวอีกครั้ง ลีแทจิน หรือ ไลเกอร์ นักร้องหนุ่มชื่อดัง อดีตเมมเบอร์วงบอยแบนด์ Animalz
เมาทะเลาะวิวาทครั้งที่สองในรอบเดือน แถมทำกร่างประกาศตัวเป็นซูเปอร์สตาร์ดัง
เย้ยท้าให้ตำรวจให้มาจับอย่างไม่กลัวเกรง [อ่านต่อหน้า 14]…’
“บัดซบชะมัด!”
แค่อ่านเพียงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ซุบซิบดาราชื่อดัง ‘คิมแฮซู’ ประธานใหญ่ของบริษัทค่ายเพลงยักษ์อย่าง Cool-Korea Entertainment ก็ไม่ใคร่จะอ่านเนื้อหาข้างในต่อ ขว้างหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะเต็มแรงหลังจากที่ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องเจ้าปัญหาคนนี้เอามาให้อ่าน
“ไอ้หมอนั่นมันจะก่อเรื่องอีกเท่าไหร่มันถึงจะพอใจกันฮะ!”
เขาแผดเสียงดังอย่างหัวเสีย ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ ‘ลีแทจิน’ หรือ ‘ไลเกอร์’ นักร้องหนุ่มชื่อดังสร้างปัญหามาให้เขาตามแก้ สำหรับเดือนนี้มันเพิ่งจะเป็นครั้งที่สอง แต่ถ้านับรวมของเดือนก่อนๆ เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันมากกว่าสามสิบครั้งแน่ๆ
ประธานใหญ่ไม่อาจรู้แน่ชัดได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ลีแทจินเริ่มทำตัวมีปัญหา แต่รู้สึกว่าเขาเริ่มทำตัวแย่ลงทุกวันหลังจากที่มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับสมาชิกคนอื่นๆ ในวง Animalz จนถึงขั้นลงไม้ลงมือและจบลงด้วยการแยกวง แน่นอนว่าไม่มีใครได้สานต่อในวงการอีก ยกเว้นลีแทจินที่ดันได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเพราะมาดแบดบอยของเขาดันไปถูกใจบรรดาแฟนเกิร์ลที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่มีวงให้อยู่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม ทำให้เขาได้รับการเดบิวท์1ใหม่ เปลี่ยนจาก ‘ไลเกอร์แห่งวง Animalz’ เหลือเพียง ‘ไลเกอร์’ ในฐานะศิลปินเดี่ยวแทน และเขาก็ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในวงเสียอีก
แต่ถึงจะเป็นศิลปินที่ทำรายได้มหาศาลให้กับบริษัทก็ไม่ได้อยากทำให้คิมแฮซูอยากจะเก็บเขาไว้สักนิด ถ้าบริษัทไม่อยู่ในภาวะคู่แข่งรอบด้านและลีแทจินไม่ได้เป็นแหล่งเรียกทรัพย์ของบริษัทอย่างนี้ เขาคงไม่รีรอที่จะปลดนักร้องมากปัญหาคนนี้ออกจากสารบบแน่นอน
“แล้วนี่มันอยู่ไหน รู้หรือยังว่าถูกจับไปขึ้นข่าวหน้าหนึ่งน่ะ” คิมแฮซูแผดเสียงขึ้นอีกครั้ง
ผู้จัดการส่วนตัวของลีแทจินซึ่งเป็นชายวัยกลางคนส่ายหน้าแทนคำตอบ
“มันยังไม่รู้?” คิมแฮซูเลิกคิ้วสูง
“คิดว่ายังไม่ทราบครับ” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหลือบตามองคนตรงหน้าอย่างหวาดๆ
“เอ้า มันยังไม่รู้แล้วทำไมไม่โทรไปบอกมันเล่า! รีบโทรไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วเรียกให้มันเข้ามาหาฉันด้วย”
“ทะ...โทรแล้วครับ แต่แทจินปิดเครื่อง...”
“อะไรนะ! แล้วทำไมไม่มีใครไปตามมันล่ะโว้ย!”
คราวนี้คิมแฮซูถึงกับเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทุบโต๊ะดังปังจนคนตรงหน้าสะดุ้งยกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่อย่างแรง
“ทำงานกันไม่ได้เรื่องเลย!” เขาตวาด
ไม่รู้ทำไมใครๆ ก็ทำอะไรไม่ถูกใจเขาไปเสียหมด ในเวลาที่เขาหัวเสียอย่างนี้ ปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปยุ่งกับเขาสักเท่าไหร่ด้วยเกรงว่าจะถูกพาลให้โดนไล่ออกเอาดื้อๆ ทว่าสำหรับผู้จัดการส่วนตัวของลีแทจินแล้ว ถึงจะถูกไล่ออก เขาก็ไม่แคร์อีกต่อไป รวบรวมความกล้าพูดแทรกขึ้นมา เรียกความสนใจของคิมแฮซูไปยังเขา
“ท่านประธานครับ”
“อะไร!” น้ำเสียงห้วนๆ นั้นทำให้คนเรียกสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ่อ...คือผม...” พูดไม่จบประโยค มือก็ยื่นซองจดหมายสีขาวไปตรงหน้าแล้ว
คิมแฮซูย่นคิ้วเล็กน้อย เขาพอจะเดาออกว่ามันคือซองจดหมายอะไรเพราะเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว และพอเปิดดูก็ใช่อย่างที่คิดไม่มีผิดเพี้ยน
“ผมขอลาออกครับ” ทันทีที่จดหมายด้านในปรากฏสู่สายตาผู้เป็นนาย ชายคนนั้นก็กลั้นใจเปิดปากออกมา
ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนาของประธานใหญ่ นอกเสียจากลมหายใจยาวเท่านั้น ก่อนที่อารมณ์โมโหเมื่อครู่นี้จะอันตรธานหายเป็นปลิดทิ้งด้วยเขารู้ว่าเวลานี้ควรจะแคร์คนตรงหน้ามากกว่าอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง
“ผมรู้ว่าคุณหนักใจที่ต้องคอยตามเก็บกวาดไอ้เด็กนั่นนะผู้จัดการควอน แต่ผมขอร้องล่ะ ช่วยอยู่ดูแลมันอีกสักพักจะได้มั้ย คุณก็รู้นี่ว่าการหาผู้จัดการส่วนตัวให้แทจินเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ กว่าผมจะได้คุณมา จำได้มั้ยว่าผมต้องตามตื๊อคุณตั้งกี่เดือนกว่าคุณจะยอมตกลง”
ผู้จัดการควอนพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจดีครับว่ามันยากแค่ไหน ก็แทจินเล่นไปแผลงฤทธิ์ซะจนรู้กันทั่ววงการขนาดนั้น ก็ไม่มีผู้จัดการคนไหนอยากเสี่ยงมารับงานนี้หรอกครับ ขนาดผมที่ว่าอึดๆ เจอสารพัดดารานักร้องมากเรื่องมาก็เยอะแล้ว เจอหมอนั่นเข้าไปยังต้องยอมเลย มองหน้าผมก็น่าจะรู้นะครับว่าเมื่อคืนนี้มันเลวร้ายขนาดไหน” ว่าพลางชี้นิ้วไปที่รอยช้ำบริเวณรอบดวงตาข้างขวาของตัวเอง
ไม่ต้องบอก คิมแฮซูก็รู้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันแย่ขนาดไหน คงหนีไม่พ้นผู้จัดการควอนเข้าไปห้ามแล้วโดนลูกหลงมา ไม่ก็ลีแทจินตั้งใจประเคนหมัดให้เต็มๆ แน่ แต่นี่ถือว่าเบาแล้วนะ ผู้จัดการคนเก่าถูกฤทธิเดชของนักร้องหนุ่มถึงขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว สำหรับผู้จัดการควอนแล้ว เขาคงคิดว่าขืนอยู่ดูแลลีแทจินต่อไป เขาคงเป็นรายถัดไปที่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ ถึงได้ชิงลาออกก่อน
คิมแฮซูก็เหนื่อยเหลือเกินกับการง้อให้ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องคนนี้อยู่ต่อในทุกๆ ครั้งที่มีการขอลาออก ในครั้งนี้เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับการตัดสินใจของคนตรงหน้าโดยไม่ขัดอะไร แต่จะให้ไปง่ายๆ ก็กระไรอยู่ มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย
“ก็นะ ถ้าคุณอยากจะออก ผมก็ไม่ว่า แต่ผมมีข้อแม้อยู่อย่างนึงคือคุณต้องหาผู้จัดการคนใหม่มาแทนก่อนที่คุณจะออกให้ได้เสียก่อน ผมถึงจะยอมยกเลิกสัญญาจ้างของคุณให้”
“โธ่ ประธานคิมครับ ผมจะไปหาที่ไหนมาให้กันล่ะ” ผู้จัดการควอนโอดครวญราวกับโลกจะแตกเพราะในวงการผู้จัดการนักร้องดารา ไม่มีใครแล้วที่ยอมมาดูแลลีแทจินถึงจะได้รับค่าจ้างมหาศาลแค่ไหนก็ตาม เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว เม็ดเงินที่ได้นั้นมันไม่คุ้มเลยกับการต้องไปตามล้างตามเช็ดวีรกรรมของชายหนุ่มด้วยเงินของตัวเองที่จะถูกหักทุกครั้งเมื่อลีแทจินไปก่อเรื่องและต้องชดใช้ค่าเสียหาย และจะไม่คุ้มยิ่งกว่าหากต้องใช้เงินนั้นในการรักษาพยาบาลตัวเองด้วย
“ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมคนที่ผมอยากได้มาแล้ว คุณมีหน้าที่แค่ไปทาบทามเขามาให้ได้ก็พอ” คิมแฮซูหยักยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบรูปถ่ายของใครบางคนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะแล้วโยนไปข้างหน้า
ผู้จัดการควอนเข้ามาหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมาดูแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงทันทีที่เห็นว่าคนที่คิมแฮซูต้องการจ้างต่อจากเขานั้นคือใคร
“นี่มัน... งานยักษ์เลยนะครับ ผู้จัดการชื่อดังอย่างนั้นเขาคงไม่มาให้หรอก”
“แต่ถ้าไอ้เด็กนั่นได้ผู้จัดการจอมเฮี้ยบคนนี้มาช่วย ผมมั่นใจได้เลยว่าพฤติกรรมแย่ๆ ของมันต้องถูกกำราบหมดแน่ และคุณก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ สัญญาจ้างของคุณก็จะไม่ถูกยกเลิก และถ้าคุณแกล้งหายไปเฉยๆ คุณก็จะต้องเสียค่าเสียหายให้ทางบริษัทตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา จำได้มั้ย” คิมแฮซูเล่นลิ้น
ผู้จัดการควอนเพิ่งจะรู้สึกตัวก็ตอนนี้ว่าตัวเองถูกประธานใหญ่ใช้เล่ห์กลเข้าให้แล้ว เขาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีทางเลือกใดๆ ให้เลยสักนิด นอกจากทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากวงโคจรอุบาทว์นี้ได้
“ก็ได้ครับ ผมจะลองติดต่อให้” สุดท้าย เขาก็ต้องยอมรับข้อเสนออย่างจำนน
“ดี” คิมแฮซูว่าสั้นๆ พลางแสยะยิ้มส่งท้าย ก่อนที่จะโบกมือไล่ให้ว่าที่อดีตผู้จัดการส่วนตัวของลีแทจินออกไป
ทว่าทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก เขาก็เรียกผู้จัดการควอนขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของผู้จัดการควอนมีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นมาพลัน ก่อนที่เสียงสุดท้ายของประธานใหญ่จะดังขึ้นและประตูจะถูกปิดลงอีกครั้ง
“บอกเขาว่าถ้าเขาทำให้ไอ้เสือกลายพันธุ์นั่นเป็นลูกแมวเชื่องๆ ได้ ผมจ่ายค่าเสียเวลาไม่อั้น”
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้