"กัลป์" นักเขียนนิยายไลท์โนเวลสัญชาติไทยที่ชนะการประกวดในเวทีระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น เขามีความฝันคือการเป็นนักเขียนไลท์โนเวลชื่อดัง แต่ความฝันก็ดับวูบลงเมื่อนิยายของเขาถูกตัดกะทันหัน ด้วยเหตุผลว่างานของเขามันไม่เกาะกระแสตลาดซ้ำยังถูก บ.ก. ผู้ดูแลต้นฉบับเสนองานเขียนแนวบอยเลิฟมาให้อีก เพื่อแลกกับการได้ออกผลงานอย่างต่อเนื่อง ถึงจะไม่ใช่แนวงานเขียนของตัวเอง แต่ชายหนุ่มชาวไทยสู้ชีวิตก็ไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนไส้แห้งและอดตายอยู่ในโตเกียวแน่ ทว่าเขาไม่ประสีประสากับนิยายแนวชายรักชายสักนิด ดังนั้นงานพึ่งไสยศาสตร์เลยต้องมา เขาจึงได้สมุดบันทึกประหลาดมาจากร้านขายเครื่องรางที่ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง โดยคนขายบอกไว้ว่าถ้าเขียนความต้องการจากก้นบึ้งหัวใจลงไป ความปรารถนาก็จะสัมฤทธิ์ผล แต่แทนที่สมุดบันทึกจะทำให้เขากลายเป็นนักเขียนชื่อดัง ดันส่งนายเอกจากนิยายที่เขาเขียนอยู่อย่าง "เซย์จิ" ออกมาให้ระหว่างที่เขากำลังเรียนรู้การเขียนฉากอีโรติก จากการทำกิจกรรมใต้ร่มผ้ากับชายหนุ่มที่เจอกันที่บาร์เสียอย่างนั้น ร้ายยิ่งกว่าร้ายคือเซย์ดจิตัวเป็นๆ ดันไม่ใช่ฝ่ายรับอย่างที่เขียนไว้แต่ดันเป็น "ฝ่ายรุก" เสียนี่ปฏิบัติการเขียนนิยายบอยเลิฟ โดยมีผู้ช่วยอย่างเซย์จิจึงเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางปาฏิหาริย์แห่งรักที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ จากปลายปากกาและเรื่องราวในจิตนาการของนักเขียนหนุ่ม
อากาศในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนไม่ต่างอะไรจากหน้าร้อนของประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย ดูท่าจะร้อนกว่าเสียด้วย ร้อนแบบอบอ้าว อากาศไม่ถ่ายเท ร้อนแห้งๆ ชวนให้เป็นลมอะไรแบบนั้น
หากแต่สิ่งที่ร้อนกว่าอุณหภูมิกว่า 35 องศา คงจะเป็นใจของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนรอประตูขบวนรถไฟใต้ดินเปิดออกอย่างใจจดจ่อหลังจากที่เข้าเทียบชานชาลา สายตามองไปยังด้านนอกสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ฝาพับอย่างหัวเสียที่ทุกอย่างไม่รวดเร็วดังใจคิดเสียที
อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาพักเที่ยง...
ใช่ อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาพักเที่ยง... เวลาพักเที่ยงของกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ ‘นิปปอนเพิร์ล’ สำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือนิยายและการ์ตูนรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ เรียกได้ว่าเป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นศูนย์รวมนักเขียนเบสท์เซลเลอร์ไว้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มสนใจนัก นอกจากคำพูดของบรรณาธิการต้นฉบับที่เขาเรียกติดปากว่า บ.ก.ฟุรุคาวะ ที่เพิ่งจะแจ้งเขาไปเมื่อชั่วโมงก่อนว่านิยายของเขาซึ่งวางแผงเล่มที่ 2 ไปเมื่อสามเดือนก่อนจำเป็นต้องถูกตัดจบในเล่มที่ 3 โดยมีกำหนดวางแผงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เล่มที่ 3! ให้ตายเถอะ เรื่องนี้วางแผนไว้ว่าจะเขียน 10 เล่มจบนะ มาตัดจบกันแบบนี้ได้ไง!
ถึงจะรู้เหตุผลว่าที่ถูกตัดจบเป็นเพราะนิยายของเขาขายได้ไม่ดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างราบคาบตั้งแต่เล่มที่ 1 วางแผงไปเลยก็ว่าได้ ชนิดเทียบกับนักเขียนที่ได้เดบิวท์จากการชนะการประกวดนิยายไลท์โนเวลของสำนักพิมพ์อย่างลำดับที่ 2 และ 3 แล้ว นิยายของเขายังมียอดขายแย่กว่าหลายเท่าด้วยซ้ำ
ฉันเป็นนักเขียนที่ได้รางวัลชนะเลิศเชียวนะ! มันจะขายไม่ได้ยังไงกัน!
เพราะคิดแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้เขาต้องรีบแจ้นมาที่สำนักพิมพ์เพื่อเข้าไปคุยกับ บ.ก.ฟุรุคาวะ ให้กระจ่างใจ
พอประตูขบวนรถไฟเปิด ขายาวก็พาร่างกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามทางเดิน พอออกจากทางออกที่ 4 ที่ทะลุมายังหน้าสำนักพิมพ์ได้อย่างพอดิบพอดีแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งทันทีที่เหลือบเห็นหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาพักเที่ยงเพราะต้องการเจอผู้ดูแลต้นฉบับก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหนีไปกินข้าว
ชายหนุ่มเข้าไปแจ้งกับประชาสัมพันธ์ว่าต้องการพบใคร เขานึกหงุดหงิดใจไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าพบคนดูแลต้นฉบับทันทีเลยได้ทั้งที่เขาเองก็มาที่นี่บ่อยและเป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์นี้ แต่กฎระเบียบ อย่างไรก็คือกฎระเบียบ ถึงจะดังหรือมีชื่อเสียงแค่ไหนก็ไม่สามารถแหกกฎได้ เขาจึงอดใจนั่งรออยู่สักพัก ให้ประชาสัมพันธ์สาวโทรไปแจ้งว่าเขามาขอพบ ไม่นาน ร่างผอมสูงของชายอายุราว 30 ปี ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวเชยๆ ก็ปรากฏให้เห็นพร้อมกับทักเขาเสียงดัง
“เอ้า อาจารย์กัน ทำไมจะมาถึงไม่บอกผมก่อนล่ะครับ”
‘อาจารย์กัน’ เป็นชื่อที่รู้กันในกองบรรณาธิการว่าหมายถึงชายหนุ่มชาวไทยวัย 25 ปีที่ชื่อ ‘กัลป์’ ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศจากการประกวดนิยายประจำปี ประเภทไลท์โนเวลที่ทางสำนักพิมพ์จัดไปเมื่อปีก่อน อันที่จริงไม่ใช่แค่กองบรรณาธิการเท่านั้นที่รู้จักเขาในชื่อนี้ แต่นักอ่านขาประจำของสำนักพิมพ์เองก็รู้จักเขาในนามปากกานี้ด้วย เนื่องจากนิยายเรื่องแรกที่เขาเขียนลงนิตยสารรายสัปดาห์ประสบความสำเร็จอย่างมากจนคนอ่านติดกันงอมแงม หากแต่พอมาเขียนเล่มเดียว ความนิยมกลับถดถอยลงเสียอย่างนั้น ...ถดถอยจนว่ากลัวว่าทางสำนักพิมพ์จะเลือกผู้ชนะการประกวนนิยายครั้งนั้นผิดพลาด แทนที่จะได้เพชรเม็ดงาม แต่กลับได้ก้อนกรวดมาแทน
ทว่ากัลป์ไม่ได้ใส่ใจกับคำทักทายของอีกฝ่ายนัก นอกจากตอบรับเสียงเรียบ
“ผมส่งเมล์แจ้งคุณไว้แล้วว่าจะมา คุณได้เปิดอ่านหรือยังล่ะครับ”
ที่ถามอย่างนี้เพราะรู้ว่าฟุรุคาวะมักไม่ค่อยแตะโทรศัพท์ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อเขาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้ายทอย ขอโทษขอโพยเป็นพัลวัน
“พอดีผมติดประชุมอยู่น่ะครับ ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ตอบเมล์อาจารย์”
กัลป์พยักหน้าอย่างขอไปที พลันเข้าเรื่องด้วยไม่อยากเสียเวลา
“คุณฟุรุคาวะรู้ใช่มั้ยครับว่าผมมาขอพบคุณเพราะอะไร”
ฟุรุคาวะรู้อยู่แล้วล่ะ มองสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายก็เดาได้ว่าคงจะเป็นเรื่องที่ตนแจ้งไปเมื่อชั่วโมงก่อน ก่อนที่จะพยักหน้า ผายมือเชิญให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเข้าไปข้างใน
“งั้นเราไปคุยกันข้างในเถอะครับ ดูท่าคงจะต้องคุยยาว”
กัลป์ไม่พูดอะไร เดินตามหลังฟุรุคาวะไปเงียบๆ กระทั่งถึงห้องบรรณาธิการ
เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของฟุรุคาวะถูกเลื่อนออกให้กัลป์นั่ง ก่อนฟุรุคาวะจะร้องถามตามมารยาท
“จะรับชาหรือกาแฟดีครับอา...”
“เข้าเรื่องเลยได้มั้ยครับ” พูดยังไม่ทันจบ กัลป์ก็แทรกขึ้นก่อน “ผมอยากให้คุณช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไง ทำไมนิยายผมถึงถูกตัดจบทั้งที่เพิ่งจะวางแผงไปได้ไม่กี่เดือน”
ฟังดูแล้วค่อนข้างเป็นคำพูดตรงๆ ที่ไร้มารยาท หากแต่เห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายขมวดกันเป็นปม ฟุรุคาวะก็ไม่อยากถือสา พยักหน้าแล้วเดินกลับมานั่งประจำที่ตัวเองแต่โดยดี
“ก็ต้องบอกกันตามตรงนะครับอาจารย์ว่างานของอาจารย์เรื่องล่าสุดเนี่ยเปิดตัวมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ถึงจะเป็นไลท์โนเวลแฟนตาซีที่ทางเราคิดว่ายังไงก็น่าจะขายได้ แต่มันพลาด ขายไม่ดีตั้งแต่เล่มแรกแล้ว”
“บอกตรงๆ ว่าผมไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตรงไหน ผมก็เขียนไปตามพล็อตที่เอามาเสนอให้คุณดูก่อน แล้วก็แก้งานตามที่คุณบอก ถึงจะแก้เป็นบางจุดก็เถอะ ผมทำตามคำแนะนำทุกอย่างนะ แต่ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรกันแน่ที่พลาด”
“ถ้านับเรื่องทักษะการเขียนและการใช้สำนวนของอาจารย์ในฐานะชาวต่างชาติแล้ว ผมว่าอยู่ในระดับที่เรียกว่าดีเลยนะ ดีกว่าคนญี่ปุ่นแท้ๆ บางคนด้วยซ้ำ เรื่องสำนวนอะไรนั่นมันไม่พลาดหรอก แต่ที่พลาดน่ะ มันพลาดตรงที่อาจารย์เขียนเนื้อเรื่องให้มีแต่ตัวละครชายโผล่มาทั้งเล่มมากกว่า เล่มแรกยังไม่เท่าไหร่ มาเล่มที่สองก็ยังมีแต่ตัวละครชาย คนอ่านเค้าก็ไม่โอเคกันน่ะครับ อย่างว่าแหละ ไลท์โนเวลเราเน้นกลุ่มนักอ่านชาย เราก็เลยต้องขายตัวละครหญิงเป็นหลัก“
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้