รักแรกพบมีจริงหรือเปล่าไม่มีใครรู้ แต่ความเสน่หามีได้ตั้งแต่แรกเจอ เธอคือกุหลาบแรกผลิ เจ้าเล่ห์แสนงอนนิดๆ เดินทางท่องเที่ยวเมืองไกลครั้งแรก ก็มีอันเจอกับ…เขา! ไม่ต้องโปรยเสน่ห์ก็มีหญิงชะม้ายหน้าส่งสายตาเชิญชวนให้ไม่ขาด แต่เธอ...แม่สาวน้อยแรกผลิ กลับแสดงออกเลยว่าเกลียดขี้หน้ารุนแรง! ชิ...ไอ้ผู้ชายบ้า เจอหน้าเพียงแค่แวบก็รังแกกันแล้ว จะให้เธอพึงพอใจยินดีที่ได้อย่างไรกันเล่า ก็เธอน่าปรารถนา กระตุ้นเพลิงไฟเสน่หาในกายอย่างยากหักห้ามใจได้ จะให้เขาปล่อยหลุดมือไปได้อย่างไรกัน เขา....ตั่งใจอย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่ จับเธอสอนเสน่หาอย่างไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดเงื้อมมือไปได้! เธอจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในวังวนพิศวาสยากเกินถอนกายยับยั้งใจ เลยต้องต่อต้านสุดฤทธิ์สุดเดช เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเพียงแค่นางบำเรอบนเตียงผู้ชาย!
ตอนที่ 1
“ตื่นได้แล้วน้ำผึ้ง” ชายวัยกลางคนใบหน้าเปื้อนยิ้มร้องเรียก ดวงตาแฝงความรักใคร่เอ็นดูยามทอดสายตามองสาวน้อยร่างเล็ก ซึ่งนอนเอนกายให้ใบหน้าอิงแนบชิดกับเบาะรถ
“ถึงแล้วนะฮันนี่ของป๋า” บอกอีกครั้ง พร้อมยื่นมืออวบอูมทาบบนไหล่กว้าง เขย่าตัวสาวน้อยร่างเล็กที่เพียงก้าวขึ้นรถได้ก็เอนตัวซบอิงแอบบ่าเขาและหลับตาพริ้มในทันทีอย่างอ่อนโยน
ปลายมือสั้นอวบจับปอยผมสีดำสนิทเฉกเช่นขนกาน้ำและนุ่มประดุจใยไหมที่รุ่ยร่ายลงมาทัดหลังใบหูให้ด้วยความเอ็นดู ก่อนดวงตาชั้นเดียวเล็กหยีมีแววกังวล เมื่อเห็นใบหน้านวลผ่องค่อนไปทางขาวจนซีด มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามข้างขมับ
“อือ...อย่ายุ่งน่า คนจะนอน” คนถูกรบกวนยกมือปัดไล่มือที่ป้วนเปี้ยนอยู่บนวงหน้า เปลือกตานุ่มเพียงแค่ขยุกขยิกเป็นการตอบรับ พร้อมคลี่ปากสีชมพูอ่อนๆ ยิ้มเล็กน้อยโดยยังไม่ลืมตาตื่น เธอยังจับแขนอวบอูมของคนยอมพลีไหล่กว้างให้หนุนต่างหมอนตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมากอดแนบอก
คนปลุกได้แต่อมยิ้มเล็กน้อย ดึงแขนออกมาวางบนลาดไหล่กว้าง เขย่าร่างแม่คนขี้เซาอีกครั้ง ประกายในดวงตาที่ทอดมองน้ำผึ้งหรือนางสาวมธุรส ชีพอิง สาวน้อยจอมขี้เซา ซึ่งเพิ่งฉลองวันเกิดอายุยี่สิบสองปี พ่วงด้วยปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยมีชื่อในประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความรักใคร่ระคนเอ็นดู
มธุรสเป็นเด็กดีมีความคิดความอ่าน ไม่ว่าทำอะไรมักบอกกล่าวและขอความเห็นจากเขาเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธออยากมาท่องเที่ยวเมืองไกล แม้เขาไม่อยากยินยอม เพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของสาวน้อยแสนน่ารัก ที่อาจไปเตะตาหนุ่มต่างเชื้อชาติต่างศาสนาคว้าดวงใจไปครอบครอง แต่เมื่อหญิงสาวรบเร้าอ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงใสระคนใบหน้าเศร้าหมอง จนเขาซึ่งรักเธอสุดหัวใจต้องยอมแพ้ในที่สุด เพราะมันคือความสุขเมื่อเห็นคนที่รักยิ้มได้
“น้ำผึ้ง”
“ค่า...รู้แล้วค่า น้ำผึ้งตื่นแล้วค่าคุณป๋าขี้บ่น” คนถูกปลุกขานรับเสียงกังวานใสแจ๋ว พร้อมสปริงตัวขึ้นนั่ง สองมือจับไล้ใบหน้านุ่มไพล่ไปจับปอยผมนุ่มสางช้าๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย ผ่อนความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล
“แหม...คุณป๋าน่ะ ให้น้ำผึ้งนอนซบอีกนิดก็ไม่ได้ เหนียวตัวไว้ให้ผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ” พ้อเสียงหวานใส แก้มใสซับสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีป่องออกอย่างกระเง้ากระงอด แต่ประกายในดวงตากลมโตกลับแพรวพราวระยับ ยื่นมือคว้าหมวกแฟชั่นปีกกางออกกว้าง มีผ้าลูกไม้สีหวานผูกมัดเป็นโบขนาดไม่ใหญ่ เวลาเธอจับสวมใส่แล้วทำให้ดูหวานแต่แอบเซ็กซี่นิดๆ
“มีใครเสียที่ไหนกันล่ะ แค่เราคนเดียวก็ยุ่งวุ่นวายไปหมดแล้ว” ยกมือวางทาบบนศีรษะทุยและเขย่าเบาๆ “เรานี่ทุกทีเลยนะน้ำผึ้ง เมื่อไหร่จะหายเสียทีหือ” เพราะเหตุมธุรสขึ้นรถทีไรเป็นต้องหลับ เขาจึงไม่ไว้ใจปล่อยให้หญิงสาวเดินทางไกลเพียงลำพัง กลัวคนไม่ดีฉวยโอกาสทำร้ายขณะเธอไม่มีสติ
“ไม่รู้สิคะ น้ำผึ้งก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เสียหน่อย” หญิงสาวตอบกลับอย่างเซ็งๆ เหมือนกัน ไปเที่ยวแต่ละครั้งไม่เคยได้สนุกกับเพื่อนเลย เพราะไอ้อาการบ้าๆ ที่พอขึ้นรถแล้วต้องรีบหลับตา ไม่เช่นนั้นจะมีอาการมึนงง หายใจติดขัดและปวดมวนในท้อง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ก่อนอาการสุดท้ายคืออาเจียนจะตามมา เคยกินยาแก้เมารถเมาเรือแล้วก็ไม่ได้ผล
ใบหน้านวลผ่องแบะออก พร้อมผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างเหนื่อยหน่ายใจตัวเอง ไม่ว่าวิธีการไหนที่เคยได้ยินก็นำมาใช้แล้ว แต่ไม่ได้ผลเช่นกัน อีกอย่างมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอเห็นภาวัติทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนมีอาการป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เนืองๆ ควรมีโอกาสท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง
สองมือนุ่มนิ่มสอดรอบแขนใหญ่ “คุณป๋าไม่เปลี่ยนใจจริงๆ หรือคะ จะอยู่กับน้ำผึ้งแค่คืนเดียวจริงๆ อะ” ช้อนหน้านวลเนียนผิวแก้มใสกิ๊กป่องออกเล็กน้อยขึ้น พร้อมกะพริบตาออดอ้อน
“แน่ใจว่าจะไม่อยู่เที่ยวกับน้ำผึ้งจริงๆ หรือคะคุณป๋าขา อืม...แล้วไม่ห่วง ไม่หวงน้ำผึ้งสาวน้อยแสนสวยคนนี้หรือคะ” เอียงคอเล็กน้อย ยิ้มจนแก้มป่อง ประกายในดวงตาวาววับราวกับแสงพระอาทิตย์ที่สะท้อนแผ่นผืนน้ำทะเลสีเขียวมรกตกว้างสุดลูกหูลูกตา
“ถ้ามีหนุ่มๆ ตาน้ำข้าว หุ่นมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่ม แวะเวียนมาแจกขนมจีบ” ริมฝีปากอิ่มเบ้ไปซ้ายทีขวาที แววตาแพรวพราวระยับ ถูไถใบหน้านวลผ่องกับลำแขนเจ้าเนื้อ “สาวน้อยคนนี้เผอิญตกหลุม...รัก จังบะเร่อด้วย คุณป๋าสุดหล่อจะทนได้หรือคะ ถ้าต้องเสียสาวน้อยช่างจำนรรจาไปน่ะ”
“ให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ใครกล้าเข้ามาจีบ คุณป๋ายินดียกให้แถมข้าวสารอีกกระสอบใหญ่เลย” ภาวัติตอบกลั้วหัวเราะในลำคอ เลยได้รับค้อนขวับๆ จากสาวน้อยแก้มใสราวกับแก้มก้นเด็กกลับมา
มือใหญ่ยกขึ้นทาบบนศีรษะแล้วเขย่าไปมาเบาๆ “แต่ไม่รู้จะมีหนุ่มตาถั่วคนไหน มองเห็นเด็กขี้งอนของคุณป๋าเป็นสาวน้อยแสนสวย พอเรียกความสนใจได้นะสิ” กระเซ้าหยอกน้ำเสียงครึกครื้น หน้าตามธุรสไม่ได้สวยเตะตา แต่คนที่เห็นจะสะดุดในความน่ารักมากกว่า จนเขาเกิดความไม่แน่ใจ ให้เธออยู่ที่นี่ตามลำพัง คิดถูกหรือผิดกันแน่
“คุณป๋าน่ะ” มธุรสทำเสียงกระเง้ากระงอด แก้มนวลใสซับสีเลือดฝาดป่องออก พลางค้อนด้วยสายตาพลางย่นจมูกเล็กน้อยใส่ภาวัติ
“งอนแล้ว ไม่พูดด้วยห้านาที” ทำเป็นพูดเสียงเข้ม ทั้งที่รู้ดีว่าภาวัติไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยสักนิด ขืนใครกล้าแหย็มเข้ามาแจกขนมจีบเธอสิ ได้เป็นเจอดีทุกราย ล่าสุดก็เพื่อนหนุ่มที่แฝงตัวมาเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วง ทำราวกับบ่มเพาะความรู้สึกรักในหัวใจเธอให้สุกงอม แล้วเมื่อมั่นใจว่าความห่วงใยที่มีให้กันและกัน คือความรักพร้อมพัฒนาเป็นครองเรือนได้ ก็เลยกล้าเอ่ยปากขอคบด้วย
มธุรสอดหัวเราะไม่ได้ ยามนึกถึงใบหน้าราวกับโดนผีหลอกของเพื่อนชายที่ถูกหลอกให้ไปเอ่ยปากบอกรักเธอท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่ถูกเอ่ยบอกรักกลับกลายเป็นสาวอ้วนตุ๊ต๊ะอย่างกับตุ่มสามโคก ถูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงราวกับเด็กช่วยตัวเองไม่ได้ ถูกตามติดจนแทบไม่มีเวลาให้หายใจ ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีเวลามาตามตื๊อขอเธอไปเป็นแฟน
“ถึงแล้วใช่ไหมคะ ลงจากรถดีกว่า”
“งอนคุณป๋าแน่หรือน้ำผึ้ง” ถามเสียงนุ่มทุ้ม กลั้นหัวเราะจนพุงพลุ้ยไหวกระเพื่อม รีบก้าวตามแม่สาวขี้งอนลงไปติดๆ โอบแขนรวบร่างอรชรมาแนบชิด “ดีจัง...คุณป๋ากำลังคิดว่าจะให้พ็อกเกตมันนี่น้ำผึ้งเที่ยวสักหน่อย แต่งอนแบบนี้แสดงว่าไม่เอาแล้วใช่ไหม”
“จริงหรือคะ คุณป๋าไม่ได้หลอกให้น้ำผึ้งดีใจเล่นนะคะ” ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใสเบิกกว้าง กลีบปากอวบอิ่มอ้าค้างเกือบหลุดเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่เอ๊ะ...ศีรษะทุยเอียงนิดๆ กลีบปากอวบอิ่มสีน้ำผึ้งระเรื่อโดยไม่ต้องแต่งแต้มด้วยลิปสติกขยับไปซ้ายทีขวาที
มันน่าสงสัยอยู่นะ เพราะคุณป๋าขี้เหนียวจะตาย ทุกครั้งที่เธอขอเงิน ต้องอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด หรือไม่ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ใจดี ยอมให้เงินเธอเที่ยวละ อย่างนี้ต้องมีอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ มีเงินเที่ยวแล้ว เอาไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ คุณป๋าของน้ำผึ้งน่ารักที่สุดเลย” รีบเอาใจอีกฝ่ายไว้ก่อน สองมือเล็กประนมและกราบบนอกกว้างก่อนคลายออกแล้วสอดเข้ากอดแขนใหญ่ เขย่งเท้าเล็กน้อยทาบจมูกโด่งได้รูปบนแก้มอวบอูมทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตเป็นประกายใสแจ๋วราวกับลูกแก้วสะท้อนแสงไฟ
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ