“คิดจะอ่อยให้ฉันสงสารและอุ้มเธอกลับบ้านอย่างสบายๆ หรือไง แต่เสียใจด้วยนะ ที่มารยาของเธอคราวนี้ใช้กับฉันไม่ได้อีกแล้ว” เขาจับแขนเรียวยาวและดึงร่างโปร่งบางเข้ามาจนเธอสัมผัสถึงลมหายใจร้อนๆ ที่มันเป่ารดพวงแก้มนุ่ม ก่อนที่เขาจะผลักเธอให้ถอยห่าง เหมือนกับว่าเขาเจอของสกปรกจนกลัวมันจะมาเปรอะเปื้อนร่างกาย “โอ๊ย!” มือที่ยันพื้นหญ้าที่ไม่ราบเรียบ โดนเศษไม้แหลมคมทิ่มต่ำจนเจ็บเพิ่มอีกขึ้น “นายมันคนบ้า คนใจร้าย” เรณุกาต่อว่าปากสั่น น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า เธอกัดฟันใช้มือที่เจ็บยันกายลุกขึ้นยืน โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากคนใจร้ายอีกแล้ว พยายามข่มใจให้ลืมความเจ็บจากข้อเท้า เดินตามพฤกษ์อย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว “เดินเร็วๆ เข้าหน่อยซิ ทำสำออยคิดว่าจะทำให้ฉันใจอ่อนหรือไง” เมื่อเห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว แต่เรณุกายังตามไปได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น จนเขาหงุดหงิดและรำคาญใจ ทำไมอยู่กับเขามันน่าเบื่อมากหรือไง ถึงได้คิดแต่จะหนีท่าเดียวนะ
ตอนที่ 1
“ทำไมไอ้บ้านี่ถึงมานั่งเสนอหน้ากินข้าวกับเราด้วย”
คนถูกเรียกว่าไอ้บ้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งทานอาหารไปเงียบๆ ด้วยสีหน้าเฉยชา
“พี่พร!” ชายหนุ่มคนเดิมร้องเรียกพี่สาว...ปฐมพรเสียงดัง
“ใจเย็นๆ หน่อยซิกันต์ แค่กินข้าวไม่นานเอง พี่แค่อยากให้เราทานอาหารร่วมกันประสาพี่น้องบ้างเท่านั้น” ปฐมพรบอกกับน้องชาย...กันต์ศักดิ์เสียงแผ่ว ความพยายามประสานสัมพันธ์ให้กันต์ศักดิ์และพฤกษ์รักกัน ช่างเป็นอะไรที่ยากเย็นเหลือเกิน เพียงแค่รู้ว่าจะต้องนั่งร่วมรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกับพฤกษ์ กันต์ศักดิ์ก็คอยพูดจาจิกกัดแขวะหาเรื่องพี่ชายต่างมารดาอยู่ตลอดเวลา
ปฐมพรถอนหายใจด้วยเหนื่อยหน่ายใจสุด เข้าข้างคนหนึ่งคนใดก็จะมีปัญหาตามมาเสมอ...
พฤกษ์แม้ไม่แสดงออกอะไร แต่เธอก็มองออกว่าน้องชายเจ็บปวด ขณะที่กันต์ศักดิ์จะออกอาการน้อยอกน้อยใจและยิ่งหาเรื่องพี่ชายต่างมารดา หาเรื่องเพื่อจะได้ลงมือต่อยตีกันให้เจ็บกันไปข้างหนึ่ง ขณะที่เธอทำได้เพียงแค่...ขอให้พฤกษ์ไม่ถือสากันต์ศักดิ์ อดทน ไม่ตอบโต้
“พี่น้องบ้าอะไร! พี่พรก็รู้” กันต์ศักดิ์ชี้มือใส่ตัวเอง “ผมไม่เคยนับมันเป็นพี่!” ชายหนุ่มเน้นย้ำทีละคำชัดๆ
“กันต์!” ปฐมพรปรามน้องชายคนเล็กที่ยังไม่หยุดหาเรื่องพฤกษ์
“พฤกษ์อย่าถือน้องนะ” ปฐมพรกล่าวกับน้องชายอีกคนที่ยังคงนั่งเหมือนไร้ตัวตน
“พี่พรจะไปสนใจไอ้มนุษย์หุ่นยนต์ตัวนี้ทำไม”
ปฐมพรถอนหายใจเฮือก อีกคนคอยแต่หาเรื่องชวนต่อยตี อีกคนก็ไม่ยอมเปิดใจ ความหวังที่มี...เห็นน้องชายทั้งสองคน ที่ไม่ต้องรักกันอย่างมากมาย ขอแค่ไม่ชวนทะเลาะ พูดจาจิกกัดให้เจ็บใจและอับอายขายขี้หน้าคนงานในรีสอร์ท หรือลูกน้องในไร่ หรือใครคนอื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพอหมดเรื่องนี้ กันต์ศักดิ์ก็หันไปเล่นงานพี่ชายต่างมารดาในอีกเรื่อง
“ถ้ามันดีจริง แม่มันคงไม่ทิ้งไว้ที่นี่หรอก” เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขาทำให้พฤกษ์เจ็บได้
เคร้ง! พฤกษ์วางช้อนที่ถือไว้เสียงดัง ตวัดสายตาเกรี้ยวกราดไปมองน้องชายต่างมารดา
“ทำไมวะไอ้ลูกแม่ทิ้ง มึงอยากจะมีเรื่องกับกูใช่ไหม” กันต์ศักดิ์ลุกขึ้นและชี้หน้าพฤกษ์
“หยุด! หยุดได้แล้วทั้งคู่” ปฐมพรขึ้นเสียงสูง ใบหน้านวลเนียนที่เคยแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจและเข้าใจคนอื่นอยู่เป็นเนืองนิตย์มีสีแดงแต่งแต้ม ดวงตาแวววาวบอกให้น้องชายทั้งสองคนรู้ว่า...เธอกำลังโกรธ
“ผมไม่ผิดนะพี่พร” กันต์ศักดิ์รีบเปลี่ยนโหมดเสียงให้เป็นนุ่มนวล
“ก็ไอ้บ้าพฤกษ์คิดว่าตัวเองเป็นพี่...มีความคิดความอ่านมากกว่า เลยมาชี้นิ้วสั่งการให้ผมต้องทำโน่นทำนี่ ไม่เคยคิดที่จะฟังคำโต้แย้งของคนอื่นเลยนี่น่า...พอผิดก็มาโทษว่าเราทำไม่ดี ไม่มีหัวคิด ไร้สมอง ปัญญานิ่ม ทั้งที่เป็นความผิดของตัวเอง แต่กลับโยนความผิดใส่คนอื่น” กันต์ศักดิ์ประชดประชัน
ปฐมพรถอนหายใจเฮือกโต ยอมรับว่าเป็นความผิดของเธอ ที่ให้ความรักและตามใจกันต์ศักดิ์ซึ่งขาดความอบอุ่นจากมารดามากจนเกินไป ไม่ว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด ก็จะรีบควานหาประเคนให้ทุกอย่าง จนลืมคิดไปว่านั่นก็เป็นการทำร้ายให้น้องชายเหลิงลมจนกู่ไม่กลับ ที่จะมาดัดตอนนี้ เห็นทีว่าคงจะยากเอามากๆ เชียวล่ะ
“พี่น้องกัน ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันซิ” แต่...การจะลดความเกลียดชัง เคียดแค้นและอิจฉาริษยาที่กันต์ศักดิ์มีต่อพฤกษ์คงจะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างยิ่งยวดที่เดียว
มันก็น่าแปลก พฤกษ์ไม่เคยสัมผัสความรักจากแม่ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่น้องคนนี้ยังแบเบาะ มีพ่อถึงก็เหมือนไม่มี เพราะอีกฝ่ายไม่เคยชายตาแล ต่างจากกันต์ศักดิ์ที่พ่อรักและทูนหัวทูลเกล้าให้ทุกอย่าง อยากได้อะไร เพียงแค่เอ่ยปาก ก็จะได้สมดังใจ คงจะเสียก็เพียงแม่ที่ไม่อยู่ติดบ้าน หาเรื่องเที่ยวและใช้เงินอย่างกับพิมพ์แบงก์ได้เอง ติดช็อปปิ้งจนลืมทุกอย่าง
ตอนเด็กๆ สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี แล้วเมื่อไหร่กันที่ทั้งคู่เริ่มชกต่อยอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้อีกฝ่ายจะต้องเลือดกบปากก็ยังไม่หยุด ร้อนถึงคนรอบข้างที่จะต้องรีบจับแยก
กันต์ศักดิ์รู้ความลับเรื่องพฤกษ์เป็นพี่ชายคนล่ะแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรคือชนวนของรอยร้าวที่ศัตรูจะต้องเจ็บปวดเจียนตาย อับอายจนไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้
ปฐมพรเหลือบสายตาไปมองพฤกษ์คงจะเจ็บปวดและรำคาญถึงขีดสุด จึงเลือกที่จะตัดปัญหาทุกอย่างด้วยการทำงานหนักและหมกตัวอยู่ในไร่ในสวน จะไม่โผล่หน้าตาออกมาให้ใครได้เห็น นอกจากจะเป็นงานสำคัญ หรือได้รับคำสั่งจากเธอหรือบิดาเท่านั้น
“เป็นพี่เป็นน้องกัน ควรจะต้องสามัคคีปรองดองกันซิ แต่นี่อะไร เจอหน้ากันทีไร มีเรื่องกันทุกที”
“พี่ก็ดูไอ้บ้านั่นมันทำซิ อย่างกับตัวเองเก่งจนคนอื่นต้องฟังคำสั่ง เมื่อไหร่จะตายโหงตายห่าไปซักที”
“กันต์!”
“จะเรียกเสียงดังไปทำไม ผมก็นั่งอยู่ใกล้ๆ พี่นี่ไง พี่พรก็เถอะ...เข้าข้างแต่ไอ้บ้าพฤกษ์ตะพึดตะพือ ทั้งที่ผมเป็นคนถูกกระทำ เป็นคนถูกไล่ให้ไปอยู่ไกลๆ เพราะไม่อยากให้สร้างเรื่องปวดหัวให้คนในบ้าน” กันต์ศักดิ์ถีบขาโต๊ะเต็มแรงระบายโทสะที่มันคุกรุ่นอยู่ในอก
“ไม่...ไม่จริงนะกันต์” ปฐมพรรีบปฏิเสธทั้งที่ใจหายวาบแล้ว คิดไม่ถึง ความหวังดีของบิดาในคราวนั้นจะสร้างบาดแผลและทำให้กันต์ศักดิ์เข้าใจผิดถึงขนาดนี้
“พ่อไม่ได้...” ปฐมพรหยุดพูด เมื่อเห็นสายตาวาวจ้าและใบหน้าที่เปลี่ยนไปของกันต์ศักดิ์ อีกทั้งพูดอะไรไปในตอนนี้ น้องชายก็ไม่ฟังอยู่แล้ว ทั้งที่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ พ่อเห็นพฤกษ์และกันต์ศักดิ์เข้าช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน ค่อนข้างขาดสติยั้งคิด กลัวว่าความขัดแย้งที่มีจะรุนแรงจนถึงขึ้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องเจ็บหนัก เลยจัดการแยกทั้งคู่ออกจากกันโดยการส่งไปเรียนคนละมุมเมือง
ในตอนนั้นเองที่ทำให้เธอได้รู้ว่าเข้าใจผิด พฤกษ์ไม่ได้เป็นลูกชัง พ่อรักพฤกษ์ไม่น้อยกว่าที่รักกันต์ศักดิ์ แต่พ่อต้องการปกป้องพฤกษ์ เลยต้องปกปิดความรักที่ แต่ก็คอยสอดส่องดูแลอยู่ห่างๆ โดยผ่านทางชายอีกคนที่พฤกษ์ให้ความเคารพและเชื่อฟัง เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายสุดรักอย่างกันต์ศักดิ์รู้เรื่องและเกิดความริษยามากยิ่งขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่
พ่อส่งพฤกษ์ให้เรียนมหาลัยเอกชนที่มีชื่อที่สุดในเมืองไทย แต่พฤกษ์กลับหนีไปเรียนในสิ่งที่ต้องการในมหาลัยอีกแห่ง แม้ว่านั่นจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองพ่อลูกขยายใหญ่ขึ้น แต่พฤกษ์ก็ยังเลือกที่จะทำตามความต้องการของตน โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ
ส่วนกันต์ศักดิ์ก็เกกมะเหรกเกเร ไม่สนใจอ่านหนังสือสอบ เมื่อสอบเข้ามหาลัยที่ต้องการไม่ได้ ก็เลือกที่จะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยมาดของลูกคุณหนูที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยสุรุ่ยสุร่าย สร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทั้งพ่อแม่และเธอไม่ยอมหยุด โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำชักนำให้ตัวเองต้องพบเจอกับพี่ชายซึ่งเขาจงเกลียดจงชังบ่อยขึ้น
ด้วยเมื่อใดที่เกิดเรื่อง บิดาซึ่งมีความเห็นว่าเรื่องร้ายจะทำให้พี่น้องต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและจะนำมาซึ่งความรัก ผูกพันและเข้าใจกันมากขึ้น แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ...รอยร้าวที่มียิ่งขยายใหญ่มากขึ้น
“เขาบอกว่า...หมาเห่ามักไม่กัด ไอ้ที่กัดมักไม่เห่า” พฤกษ์ที่นั่งเงียบๆ เปรยขึ้นมา
“ไอ้พฤกษ์!” เพราะยังเกรงใจพี่สาวอยู่ กันต์ศักดิ์เลยได้แต่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดไปมองพฤกษ์
“นอกจากให้ร่วมทานอาหารด้วย พี่พรมีเรื่องอะไรกับผมอีกหรือเปล่า” พฤกษ์ถามพี่สาว
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"