คาฟาห์จำแม่สาวเอเชียร่างเล็กที่หิ้วกระเป๋าผ้าเก่าๆ เดินเข้ามาในตำหนักพักร้อนของบิดาได้เป็นอย่างดี เพราะหล่อนคือกานติมาแม่หม้ายสาวชื่อกระฉ่อนเมือง ความชื่นชอบเดียวของหล่อนก็คือการได้แต่งงานกับผู้ชายแก่ที่ร่ำรวย และตอนนี้บิดาของเขาก็คือเป้าหมายใหม่ของหล่อน “นี่คุณ... ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวสะบัดข้อมือสุดแรง แต่ก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการเถื่อนของเจ้าชายซาตานตรงหน้า “จะรีบกลับไปไหนล่ะ อยู่คุยกับลูกเลี้ยงหน่อยจะเป็นไรไป” “ฉันจะรีบไปหาท่าน ปล่อยค่ะ” “หึ... ป่านนี้คุณพ่อคงยังไม่ฟื้นหรอกมั้ง” คาฟาห์ตวัดตามองเรือนร่างของผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลนเหยียดหยาม “เพราะแม่เลี้ยงจอมร่านอย่างเธอคงจัดหนักท่านไปหลายยก”
นิ้วแข็งแกร่งสีน้ำตาลทองของคาฟาห์แตะลงบนกระดาษสีขาวนวล ดวงตารียาวคมกริบที่อยู่ใต้แนวขนคิ้วหนาดกไล่ไปตามตัวอักษรที่ถูกพิมพ์เอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทีละตัว
“กานติมา รักษ์วงศ์ แม่หม้ายหมาดๆ เพราะผัวคนที่เก้าขาดใจตายคาอกไปเมื่อสองเดือนก่อน...” รอยยิ้มเหยียดหยันผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อจัดของเจ้าชายทะเลทรายรูปงาม “ตอนนี้ได้กลายเป็นแม่หม้ายยังสาวที่มีสมบัติพัสถานมากที่สุดในเมืองไทย”
ริมฝีปากหยักสวยสีแดงระเรื่อของคาฟาห์บิดเบี้ยวด้วยความขยะแขยง
“ก็สมบัติผัวทั้งนั้นแหละ!”
น้ำเสียงดุดันเล็ดลอดออกมาจากลำคอแกร่ง ขณะที่กระดาษในมือถูกขยำจนกลายเป็นก้อนกลมๆ และตกลงไปอยู่ในถังขยะในวินาทีต่อมา
“ฉันจะไม่มีวันยอมให้พ่อของฉันถูกเธอปอกลอกแน่นอน กานติมา” ทุกพยางค์ที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยเต็มไปด้วยความเดือดดาลยิ่งนัก
เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดหล่อนออกให้ออกไปจากชีวิตของบิดา ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีเหี้ยมโหดขนาดไหนก็ตาม
เจ้าชายคาฟาห์กัดฟันกรอด ภายนอกแสดงออกมาว่าขยะแขยงผู้หญิงเจ้าของดวงตากลมโตคู่นั้นมากมาย แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน เมื่อไม่สามารถขจัดภาพของหล่อนออกไปจากหัวสมองได้
ครั้งแรก เขาเจอหล่อนที่โรงแรมในฐานะโสเภณีที่ขายตัวให้กับชายแก่ ครั้งที่สองก็ในงานเลี้ยงที่หล่อนเข้ามาตีสนิทกับบิดา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้หญิงแพศยาคนนี้ต้องการอะไรจากผู้ชายแก่
ใช่... หล่อนคงคิดว่าบุรุษสูงวัยโง่และหลอกง่าย แถมยังตายง่ายอีกด้วย
สันกรามกระด้างของคาฟาห์ที่มีไรหนวดขึ้นเสมอขบกันแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง มือใหญ่กำเป็นหมัดอย่างเดือดดาลตนเอง เพราะถึงแม้จะรู้เช่นเห็นชาติผู้หญิงหน้าหวานคนนี้อยู่เต็มอก แต่เขากลับหยุดความคิดถึงในตัวของหล่อนลงไม่ได้เลย
ใช่... ไม่ได้เลยแม้แต่ขณะจิตเดียว
บ้าฉิบ!
เขาหงุดหงิด ใช่... เขารู้สึกหงุดหงิด เดือดดาลคล้ายกับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน เพราะใครน่ะเหรอ ก็เพราะแม่หม้ายพราวเสน่ห์ที่เห็นเงินแล้วร้องว้าวตาโตอย่างกานติมายังไงล่ะ
ทั้งๆ ที่เกลียดชังหล่อน แต่ร่างกายกลับรู้สึกตรงกันข้าม มันบ้ามากที่เป็นแบบนี้
คาฟาห์ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงไปยังประตูห้องทำงาน เอ่ยกับเลขาฯ สาวหน้าห้องก่อนจะเดินผ่านไป
“วันนี้ผมไม่กลับเข้ามาอีกแล้วนะครับ มีอะไรด่วนก็โทร.หาผมได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ ท่านประธาน”
คาฟาห์ฝืนยิ้มให้กับเลขาฯ หน้าห้องของตนเองที่ทำงานร่วมกันมาหลายปีจนรู้ใจ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในลิฟต์ตัวใหญ่ที่มีเฉพาะเจ้าของโรงแรมหรูเช่นเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้มัน
“วันนี้ท่านประธานหน้าตาเครียดจัง เป็นอะไรไปนะ” มาลินีผู้เป็นเลขาฯ เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
คฤหาสน์หลังงามของกานติมา รักษ์วงศ์ หลังใหญ่ราวกับพระราชวัง แถมภายในยังตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรูที่นำเข้าจากทั่วโลกทุกตารางนิ้ว แต่ถึงแม่หม้ายสาววัยเพียง 34 กะรัตจะร่ำรวยมหาศาลสักแค่ไหน แต่ชื่อเสียงของหล่อนก็ฉาวโฉ่เหม็นคลุ้งจนต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับนักข่าว
หล่อนมักใส่แว่นตากันแดดสีดำขนาดใหญ่เสมอยามต้องพบปะผู้คน และก็สวมผ้าปิดปากที่ปิดทั้งปากและจมูกจนน้อยคนนักที่จะมองออกว่าแท้จริงแล้วหล่อนมีหน้าตาเช่นไร แต่ถึงจะถูกสังคมประณามเรื่องรสนิยมชื่นชอบแต่งงานกับชายผู้ร่ำรวยแต่สูงวัยของหล่อนสักแค่ไหน กานติมาก็โนแคร์โนสนใจ เพราะคนที่วิจารณ์หล่อนไม่ได้เอาข้าวมาให้หล่อนกินเสียหน่อย
“ปราง มาช่วยฉันแต่งตัวหน่อยสิ”
กานติมาตะโกนเรียกคนสนิทที่มักจะเดินทางไปไหนด้วยกันทุกหนทุกแห่ง ยกเว้นแค่ที่เดียวที่ปรางสิตาไม่เคยเดินทางไปด้วยนั้นก็คือบนเตียงที่หล่อนมักจะใช้สวิงกิ้งกับหนุ่มวัยละอ่อนที่จ่ายเงินซื้อมาบำเรอความสุข
“ค่ะ คุณนาย”
ปรางสิตา อาจหาญ หญิงสาววัยสิบเก้าปี หล่อนเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เรียนโรงเรียนวัดจบแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม ก่อนจะหางานทำเลี้ยงตัวเอง และก็โชคดีที่กานติมาจ้างหล่อนมาเป็นคนรับใช้ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน
ผู้คนทั่วไปอาจจะมองว่ากานติมาเป็นผู้หญิงหน้าเงิน เป็นนักขุดทอง แต่เนื้อแท้แล้ว กานติมาเป็นผู้หญิงมีเมตตากับลูกน้องไม่น้อย หล่อนไม่เคยตระหนี่ถี่เหนียวกับลูกน้องเลย
“สวยแล้วค่ะ คุณนาย”
“แน่ใจเหรอ ฉันว่าสีมันแดงไปหรือเปล่า” กานติมายังคงหมุนตัวไปมามองกระจกอย่างไม่มั่นใจ
“คุณนายหุ่นสวย ทรงนาฬิกาทราย ใส่อะไรก็สวยทุกอย่างเลยค่ะ แล้วสีแดงก็ทำให้คุณนายเด่นมากๆ”
กานติมาฟังคำพูดของคนใช้คนสนิทก็อมยิ้ม “แกนี่มันปากดีนะ เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงให้แกเป็นคนสนิท”
“เอ่อ... ปรางพูดตามความจริงค่ะ”
แม่หม้ายสาวระบายยิ้ม ก่อนจะเดินไปหยุดที่หัวเตียง หยิบอะไรบางอย่างในลิ้นชักออกมายื่นให้กับหล่อน
“บัตรงานเลี้ยงคืนนี้”
“เอ่อ”
“รับไปสิ” กานติมาคะยั้นคะยอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างรู้ทัน “ไม่ต้องมาทำเป็นอึกอักเลย เมื่อหลายวันก่อน แกก็เอาบัตรเชิญของฉันไปใช้แล้วนี่”
ใบหน้ารูปหัวใจของปรางสิตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่หน้าจะซีดเผือดอย่างรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษค่ะคุณนาย”
“ไม่เป็นไรหรอก วันๆ ฉันได้บัตรเชิญมากมาย แกแบ่งเอาไปบ้างก็ดี” กานติมาโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่นัก “และที่สำคัญ คนอื่นจะได้คิดว่าแกเป็นฉัน คราวนี้เวลาฉันออกไปไหน คนก็จะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉันคือกานติมา...”
“เอ่อ...”
“เอาน่า ไม่ต้องมาอึกอักหรอก เอาไปเถอะ อ้อ แล้วนี่เงิน” กานติมาหยิบเงินมาส่งให้หญิงสาวหลายพันอย่างใจป้ำ “เอาไปซื้อชุดสวยๆ ใส่ เดี๋ยวคนในงานจะคิดว่ากานติมาแม่หม้ายสาวพราวเสน่ห์รวยไม่จริง”
“แต่คุณนายคะ...”
“แกอย่าเรื่องมากน่า เอาไปเถอะ” แล้วกานติมาก็ยัดเงินกับบัตรเชิญใส่มือเล็กของปรางสิตา
ปรางสิตาไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี จึงทำได้แค่รับเงินกับบัตรเชิญมาและกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณคุณนายมากค่ะ”
“แกไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอก แค่แสดงเป็นฉันให้แนบเนียนก็พอ เข้าใจไหม”
กานติมามองเห็นข้อดีของการที่จะให้ปรางสิตาสวมรอยเป็นตนเองขึ้นมาทันที ต่อจากนี้ไป เมื่อทุกคนคิดว่าปรางสิตาคือหล่อน เวลาออกจากบ้าน หล่อนก็ไม่ต้องปิดหน้าด้วยผ้าปิดปาก และสวมแว่นตา สวมหมวกปีกกว้างอีกแล้ว
“ค่ะ คุณนาย”
กานติมาอมยิ้ม คว้ากระเป๋าสะพายใบละหลายล้านขึ้นมาคล้องบ่า และเอ่ยขึ้น
“แกไปเลือกรองเท้าที่เข้ากับชุดให้ฉันหน่อย เสร็จแล้ว แกก็ออกไปซื้อชุด เสื้อ รองเท้าสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เลย ฉันอนุญาตให้แกหยุดงานได้หนึ่งวัน”
“ขอบ... ขอบคุณค่ะคุณนาย”
กลีบปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่เป็นรอยยิ้ม ความสุขของหล่อนมีเงินเป็นตัวดลบันดาล เพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงได้กอบโกยเงินจากผัวแก่อย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อเจ้านายสาวสวยเดินออกไปจากห้องพักแล้ว ปรางสิตาก็ลดสายตาลองมองเงินกับบัตรเชิญในมือ ลมหายใจถูกผ่อนออกจากกลีบปากอิ่มหนาแรงๆ ในอกหนักอึ้งเป็นที่สุด
การสวมรอยเป็นกานติมาไปงานเลี้ยงเมื่อหลายคืนก่อนมันคือหลุมดำที่สุดในชีวิตของหล่อนเลยทีเดียว เพราะในงานเลี้ยงนั้น หล่อนพบกับเขาอีกครั้ง
ผู้ชายตัวสูงใหญ่ หล่อเหลา โดดเด่นที่สุดในงาน ผู้ชายคนเดียวกับที่เจอในโรงแรม และเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเป็นโสเภณี หล่อนพยายามอยู่ห่างเขา ไม่ไปเข้าใกล้กับเขา เพราะรู้ว่าเขาขยะแขยง เลยเลือกที่จะไปคุยกับผู้ชายสูงวัยแทน แต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้างหล่อนเลย เมื่อชายสูงวัยดันบังเอิญเป็นบิดาของผู้ชายหล่อเหลาคนนั้น
หล่อนตกใจ อึ้งไป และพยายามปลีกตัวหนี แต่ชายสูงวัยรั้งหล่อนเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ในขณะที่ผู้เป็นลูกชายกลับมองหล่อนด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
หล่อนไม่อยากไปพบหรือเจอเขาอีก ภาวนาให้เขากับพ่อไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
หมอวายุ / Ren เร็น ซาโต้อิชิบะ ผู้ชายที่ซ่อนอดีตที่แสนเจ็บปวดเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน ความรัก คือ สิ่งต้องห้ามสำหรับผู้ชายอันตรายแบบเขา แต่ความเฟียร์สของเธอกลับทำให้เขา❤️หลงรักเธอจนหมดหัวใจ แก้มใส กมลชนก เธอหลงรักรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของเขาตั้งแต่แรกพบ ผู้ชายอันตรายที่เธอยอมเสี่ยงด้วยการวางชีวิตและหัวใจเป็นเดิมพันเพื่อแลกกับการได้รักเขา❤️ "ให้เฟียร์สแค่ไหนก็ยอม ขอแค่ได้ปกป้องรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของพี่หมอไว้ก็พอ" หมอเพลิง / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้ามาเฟียใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่น รักน้องชายคนเดียวอย่างเร็นและเรียวอิจิ ผู้เป็นพ่อมาก ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวจากอันตรายที่อยู่รอบตัว
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เธอถูกบังคับแต่งเข้าตระกูลเสิ่น ทุกคนต่างก็คาดหวังว่าเย่ชิงซีจะสามารถให้กำหนดลูกของคุณชายเสิ่น เสิ่นเซียวเหยาได้ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในอาการหมดสติ เดิมที่เธอคิดว่าเธอคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายไปแบบนี้ตลอดชีวิตนี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีเจ้าชายนิทราของเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้! ชายหนุ่มลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “คุณเป็นใคร?” “ฉันเป็นภรรยาของคุณ...” เสิ่นเซียวเหยามีสีหน้างุนงง “ทำไมผมถึงจำไม่ได้ว่าผมมีภรรยาแล้ว ผมไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้ทนายมาจัดการเรื่องหย่า” ถ้าไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเสิ่นเข้ามาหยุดเขาไว้ เธอคงจะกลายเป็นภรรยามหาเศรษฐีที่โดนทิ้งในวันที่สองหลังจากการแต่งงานไปแล้ว ต่อมาเธอตั้งครรภ์และวางแผนว่าจะออกไปจากตระกูลเสิ่นอย่างเงียบๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป เย่ชิงซียืนยัน“เสิ่นเซียวเหยา คุณรังเกียจฉันมากนักไม่ใช่เหรอ ฉันต้องการหย่า!” เขาลดท่าทีที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดลงและเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ในเมื่อคุณแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็เป็นคนของผม คิดจะหย่างั้นเหรอไม่มีทางน่ะ!”
"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว