เพราะความผิดพลาด 'สุพิชญา' จึงต้องกลายเป็นคู่นอนชั่วคราวให้เขา หญิงสาวจึงต้องหาทางต่อรองและเอาตัวรอดไปให้ได้ หากทว่าเธอก็ไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือมาเฟียหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์และหื่นสุดๆ ในค่ำคืนนั้นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขา 'รู้ความลับ' ของเธอบนเตียง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล 'การแต่งงาน' คือสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในระบบความคิดของ 'ดิเอโก เค เวนนิส' มหาเศรษฐีผู้กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังธุรกิจโรงแรมและคาสิโนทั่วทุกมุมโลก เขาเจนจัดและผ่านสังเวียนรักบนเตียงมาอย่างโชกโชน เขามีกฎของตัวเอง เขาไม่ยุ่งกับผู้หญิงพรหมจรรย์... ยกเว้นครั้งนี้! เขาไม่คิดว่า 'สาวไซด์ไลน์' ที่เขาได้เชยชมเพียงค่ำคืนเดียวจะเป็นคนที่ทั้งบริสุทธิ์และเติมเต็มความปรารถนาของเขาได้จนล้นปรี่!! แต่ 'สาวไซด์ไลน์' อย่างเธอมีไว้เพื่อ 'บำเรอความใคร่' บน 'เตียงนอน' ไม่มีค่าควรแก่การเลื่อนขั้นมาเป็นภรรยาควงคู่ออกงานสังคม!! แล้วสุพิชญาก็ได้พิสูจน์และทำให้ดิเอโกเห็นว่า เธอไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่เธอมีสมอง ดิเอโกได้เรียนรู้คุณค่าที่แท้จริงในตัวเธอ...ว่ามีบางสิ่ง... ที่แม้แต่มหาเศรษฐีแสนล้านอย่างเขาก็ไม่สามารถซื้อได้! แต่มันก็สายไปเพราะในวันนี้สุพิชญาไม่อยู่ให้เขากอด เธอหนีหายไปพร้อมสายเลือดในครรภ์!! เขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อได้เธอกลับคืน +++++++++++++++++++++++++++++ ฝากป๋ากับยาหยีด้วยนะคะ อ่านแล้วอย่าลืมแวะมาบอกกล่าวความรู้สึกกันบ้างน้า...
ภายในห้องพักสุดหรูของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ส่วนบุคคลหลายร้อยไร่บนเกาะบาหลียามนี้ บรรยากาศภายในห้องช่างสุดแสนโรแมนติก แสงนวลสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟระย้าที่ตกกระทบผนังห้องสีครีมชวนให้เกิดแสงสว่างนุ่มนวลตา บนเตียงกว้างด้านหนึ่งของห้องปรากฏเรือนร่างของหญิงสาวทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดราตรีสั้นสีเขียวมรกตขับให้ผิวนวลดูผุดผ่องต้องตา
ตรงหน้าประตูห้องน้ำที่เพิ่งแง้มออก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวสเปนผู้มีเชื้อสายละตินวัยสามสิบห้าปี ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มตัดรองทรงดูยุ่งเหยิงน้อยๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำให้พอแห้งหมาดๆ ดวงตาสีสนิมจับจ้องเรือนร่างยวนตาบนเตียงกว้างอย่างพอใจ เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขามากเท่านี้
สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาเตียงกว้างก่อนที่จะหยุดข้างเตียงและหย่อนกายนั่งลงข้างเรือนร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจยามยื่นฝ่ามือหนาออกไปสัมผัสลูบไล้นวลเนื้อเนียนตรงต้นแขนเรียวอย่างแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเท่านั้นเรือนกายแกร่งก็ออกอาการสั่นเทาราวเป็นไข้ ดวงตาสีสนิมตวัดไล้ไปทั่วเรือนร่างราวต้องการเก็บเกี่ยวรายละเอียด
ฝ่ามือร้อนค่อยๆ เกาะเกี่ยวสายคล้องไหล่ของชุดราตรีสั้นให้เลื่อนหลุด ก่อนค่อยๆ โน้มใบหน้าลงบรรจงจูบ ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วพลางปลดเปลื้องสิ่งพันธนาการเรือนร่างยั่วยวนออกทีละชิ้น... ทีละชิ้น! จนกระทั่งเหลือเพียงสิ่งปิดบังพื้นที่สงวนเบื้องล่างเพียงชิ้นเดียว ถึงตอนนี้ใบหน้าคมขยับถอยห่างพลางจับจ้องดวงหน้าหวานล้ำอย่างพิจารณา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงนิดเมื่อคิดขัดใจที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าลืมตาตื่นขึ้นมา
ฝ่ามือหนาเคลื่อนเข้าครอบครองดอกบัวคู่งามที่ชูชันอวดโฉมยวนตาโลมไล้แผ่วเบาพลางจ้องมองอาการกระสับกระส่ายของเรือนร่างนุ่มนิ่มที่เริ่มมีอาการตอบสนอง มือน้อยเริ่มขยับยื้อยุดฉุดดึงราวกำลังต่อต้านฝ่ามือที่กำลังคลึงเคล้น พลัน! ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้น!
“กรี๊ดดด!!! คุณจะทำอะไรฉัน” เสียงหวานกรีดร้องอย่างตกใจพร้อมมือน้อยผลักไสเรือนกายสมส่วนที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งให้ออกห่างด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
ดวงตาคู่หวานเต็มไปด้วยแววตระหนกหวาดหวั่นเมื่อลืมตาขึ้นมาพบใบหน้าคมสันของชายหนุ่มแปลกหน้าลอยเด่นคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากดวงหน้าหวานล้ำ ซ้ำเรือนกายอันบริสุทธิ์ยังแทบเปลือยเปล่าเหลือเพียงบิกินีตัวจ้อยสีขาวสะอาดตาปกปิดสิ่งสงวนไว้เท่านั้น ส่วนบราเซียร์ตัวน้อยหลุดลอยไปอยู่ส่วนไหนเธอไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาดอกบัวตูมคู่งามกำลังถูกลูบไล้เกาะกุมอย่างย่ามใจด้วยฝ่ามืออันร้อนระอุ
“ชู่ว... อยู่นิ่งๆ ผมไม่ชอบคนดีดดิ้น จำไว้!” เสียงทุ้มห้าวออกแหบพร่าสั่งกำชับเมื่อเคลื่อนกายเข้าทาบทับพร้อมรวบร่างน้อยไว้ภายใต้พันธนาการอีกหนหลังจากผละออกห่างตามแรงผลักเมื่อชั่ววินาทีที่ผ่านมา
“ปล่อยนะ! คุณเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน” สุพิชญาพยายามดิ้นรนขัดขืน หญิงสาวไม่เสียเวลาครุ่นคิดแม้เพียงเสี้ยววินาทีว่าเหตุใดชายหนุ่มผู้มีใบหน้าออกไปทางละตินถึงได้ออกสำเนียงภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำราวเป็นภาษาของตนเอง เพราะยามนี้สิ่งที่เผชิญอยู่น่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เสียงหวานออกคำสั่งราวเจ้าของเรือนกายแข็งแกร่งจะหวาดหวั่น ยำเกรง ปลายเสียงติดจะสั่นน้อยๆ เมื่อยิงคำถามรัวเร็วราวกับจะไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากหากช้าไปกว่านั้น
ดิเอโก เค เวนนิส ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเจ้าของเรือนร่างงดงามบริสุทธิ์ที่เขาได้มีโอกาสสำรวจเมื่อช่วงนาทีที่ยังคงนอนสงบนิ่งด้วยฤทธิ์ยาสลบ ยามนี้มีทีท่าราวหวาดกลัวเขาเสียหนักหนา ราวกับเขาเป็นซาตานร้ายก็ไม่ปาน ทั้งที่เขามั่นใจว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรมาจุติก็ว่าได้ และข้อสำคัญการที่หญิงสาวมาอยู่ที่นี่ในห้องนี้กับเขาก็เป็นความสมัครใจของเธอเองไม่ได้มีใครบังคับขู่เข็ญ
“นี่คุณ! อย่าทำเป็นเล่นตัว ผ่านมากี่สนามแล้วอย่าทำเป็นไร้เดียงสาโก่งค่าตัวหน่อยเลย” เสียงทุ้มกังวานกร้าวอย่างหงุดหงิดขัดใจกับท่าทีของอีกฝ่าย ดวงตาสีสนิมวาววับบ่งบอกอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นขึ้นได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากบางเฉียบเหยียดยิ้มราวเหยียดหยามอยู่ในที และโดยไม่คาดคิดเขาก็ได้รับการโต้ตอบด้วยแรงอารมณ์อย่างที่ไม่มีใครหาญกล้ากระทำต่อเจ้าพ่อบ่อนคาสิโนเช่นเขา!
เพียะ! เพียะ!
“บัดซบ! นี่คุณกล้าตบผมงั้นเหรอ” ดิเอโกสบถเสียงขุ่นเขียว เมื่อฝ่ามือน้อยๆ ฟาดเข้าที่ใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างแรง ดวงตาสีสนิมคู่นั้นยิ่งวาวโรจน์ทวีคูณกับสิ่งที่ถูกกระทำ
“มากกว่านี้ฉันก็กล้า ถ้าคุณยังดูถูกฉันอีก คุณเจอดีแน่”
“ปากดีนักนะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลีลาคุณจะเด็ดเหมือนที่ทำปากเก่งไหม” เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ตวัดฝ่ามือคว้าข้อมือเล็กข้างนั้นก่อนจับบิดพ่ายหลังเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะกระหน่ำฟาดฟันไม่ยั้งหยุด แต่หญิงสาวกลับต่อสู้สุดฤทธิ์สุดกำลัง เงื้อฝ่ามืออีกข้างหมายเข้าฟาดฟันให้อีกฝ่ายย่อยยับ แต่กลับกลายเป็นว่าถูกตวัดรวบไปพ่ายไว้ด้านหลังด้วยกันพร้อมร่างน้อยถูกดึงรั้งเข้าหาจนทรวงอกอวบอิ่มแอ่นเข้าบดเบียดแผงอกกว้างที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“กรี๊ดดด!! อื้อ!” เสียงกรีดร้องถูกกลืนหายไปทันทีที่ริมฝีปากบางเฉียบฉกวูบส่งมอบจูบดุดันราวต้องการลงทัณฑ์ให้สาสมกับที่หาญกล้าลูบคมเจ้าพ่อใหญ่เช่นเขา ยิ่งคนถูกลงอาญาดิ้นรนขัดขืนเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งหยิบยื่นสัมผัสที่เร่าร้อนรุนแรงให้ ทั้งจุมพิตแสนดุดัน ทั้งสัมผัสรุกรานจากฝ่ามือใหญ่ที่เคลื่อนเข้าครอบครองก้อนเนื้อนุ่มมือ นวดเฟ้นคลึงเคล้าราวกำลังสรรค์สร้างให้กลายเป็นงานศิลป์ชิ้นเอก
ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรุนแรงจนคนถูกลงทัณฑ์เกือบหลุดเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวราวน้ำตาจะหลั่งไหลออกมาชะล้างความร้าวระบม เสียงหวีดร้องบ่งบอกอาการขัดขืนของคนถูกลงทัณฑ์ดังขึ้นทันทีที่ริมฝีปากบางเฉียบผละออกห่าง
คนที่ทำตัวเป็นผู้พิพากษากลับไม่ใส่ใจสักนิด เพราะเพียงแค่ถอยห่างกลีบปากอวบอิ่ม ริมฝีปากอันร้อนผ่าวก็พรมจูบดูดกลืนนวลเนื้อเนียนนุ่มน่าสัมผัสจากลำคอระหงไล่เรื่อยลงไปตามไหล่ลาดและวนเวียนเก็บเกี่ยวความหอมหวานตรงเนินอกนุ่มนิ่งนานก่อนค่อยๆ คืบคลานเข้าครอบครองยอดดอกบัวตูมที่ชูช่อหยอกล้อกับปลายนิ้วที่กำลังวนไล้ปัดป่ายอย่างคนเอาแต่ใจ
กายสาวกระตุกเฮือกราวหวาดผวาเมื่อยอดดอกบัวงามสัมผัสถึงความร้อนชื้นในโพรงปากนุ่มที่เข้าครอบครองดื่มด่ำราวกำลังหิวกระหายหลังจากฝ่ามือร้อนระอุบรรจงสรรค์สร้างให้ก้อนเนื้อนุ่มกลายเป็นดอกบัวคู่งามชูชันแข่งกันอวดโฉมรอเหล่าภมรมาคลอเคล้า
เสียงหวีดร้องขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นครวญครางกระเส่าด้วยรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งกายและใจยามทั้งมือและอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านสลับสับกันคลึงเคล้าด้วยท่วงทำนองที่สอดประสานกันราวกำลังบรรจงสรรค์สร้างดอกบัวคู่งามให้เป็นงานศิลป์อันตระการตา
แรงขัดขืนค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายหายไปสิ้น ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่กายกลับไหวสะท้านสั่นระริกไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากชายแปลกหน้าชนิดที่หญิงสาวผู้รักนวลสงวนตัวอย่าง สุพิชญา นาฏดิลก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้
เรียวแขนอันงดงามผวาเข้ากอดรัดต้นคอแกร่งแน่นอย่างหวาดผวา เพราะเพียงฝ่ามือใหญ่ปลดปล่อยข้อมือน้อยทั้งสองข้างให้หลุดออกจากพันธนาการ เรือนร่างบอบบางก็ถูกผลักให้นอนราบทาบทับลงไปกับเตียงกว้าง ทุกการกระทำช่างรวดเร็วเสียจนหญิงสาวไม่มีโอกาสดึงสติให้กลับมาสมบูรณ์พร้อม เพียงเธอผวาเกาะกอด เรือนกายแข็งแกร่งก็โน้มทาบทับลงมาและเริ่มรุกเร้าอย่างย่ามใจด้วยฝ่ามือใหญ่ที่แสนเร่าร้อน
ใบหน้าคมซบซุกไม่ห่างจากทรวงอกนุ่มหยุ่นยามฝ่ามืออันร้อนระอุทั้งสองข้างกอบกุมดอกบัวคู่งามส่งมอบสัมผัสอันซาบซ่านให้เรือนกายแสนบริสุทธิ์ ท่อนขาแข็งแกร่งขยับเบี่ยงให้เรียวขางามเป็นอิสระเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ เจ้าพ่อใหญ่ผู้ช่ำชองในท่วงทำนองรักขยับแทรกเข้าระหว่างกลางเรียวขางามทันทีที่เรียวขาข้างหนึ่งตั้งชันขึ้นราวต้องการถีบตัวส่งให้หลุดพ้นจากสัมผัสรัญจวนใจ
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"