คามิเอล การ์รัสโซ่ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีสาขามากมายทั่วโลก คามิเอลเป็นผู้ชายที่มีรูปงดงามโฉมไม่ผิดจากเทพบุตรชั้นฟ้า ซึ่งตรงกันข้ามกับหัวใจกระด้างของเขาที่ดำทะมึนมืดดำยิ่งกว่าจอมมารร้าย ในชีวิตของเขาไม่เคยรู้จักกับคำว่า ‘ถูกหลอก’ แต่สุดท้ายแล้วผู้ชายที่หยิ่งจองหองในสายเลือด ดิบเถื่อนในทุกอณูความรู้สึกเฉกเช่นเขากลับถูกหลอก ถูกตลบหลังจากผู้หญิงต่ำต้อยไร้ราคาคนหนึ่งอย่างน่าสะอิดสะเอียน เขาแค้นใจ คลั่งแค้น และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องถูกเอาคืนอย่างสาสมเลยทีเดียว วาดจันทร์ บุญบันดาล หญิงสาวไทยหน้าตาสะสวย หล่อนซ่อนความงดงามเอาไว้ภายใต้ความมอมแมมอย่างมิดชิด หัวใจของหล่อนเฝ้ารัก เฝ้าหลงผู้ชายเกินเอื้อมอย่างคามิเอล การ์รัสโซ่เพียงแค่แรกสบตาเท่านั้น และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บีบบังคับให้หล่อนก้าวเข้าไปหลอกลวงเสือร้ายอย่างเขา หล่อนทำสำเร็จ และเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่มีทางรู้ว่าผู้หญิงที่ลอกคราบเขาในค่ำคืนนั่นคือเด็กสาวมอมแมมเฉกเช่นหล่อน แต่ใครจะรู้ว่านรกน่ะมีจริง เมื่อกลิ่นกายหอมละมุนที่เป็นกลิ่นประจำตัวของหล่อนกลับติดตราตรึงใจเสือร้ายอย่างคามิเอล การ์รัสโซ่จนยากจะลบเลือน
กลิ่นเหล้าโชยฟุ้งเข้ามาในจมูกจนปาณนิศาที่พึ่งกลับมาจากการทำงานตอนดึกต้องเบ้หน้าหนีด้วยความสะอิดสะเอียน มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เป็นมาตั้งแต่หล่อนจำความได้ แม่ไม่เคยห่างจากขวดเหล้า และพ่อก็ไม่เคยห่างจากบ่อนการพนันเลย หญิงสาวค่อยๆ คลำหาสวิตซ์ไฟและเปิดมัน ความสว่างกระจ่างพรึ่บขึ้นในทันที แล้วภาพเบื้องหน้าของหล่อนก็คือภาพของมารดาที่นอนกอดขวดเหล้าและหลับไป น้ำตาแห่งความท้อแท้ท่วมท้นหัวอก เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่แม่... แม่บังเกิดเกล้าที่หล่อนแสนจะบูชาถึงจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขพวกนี้สักที เมื่อไหร่กัน?
น้ำตาที่ไหลท่วมหัวอกทะลักออกมาอาบแก้ม หล่อนคุกเข่าลงกับพื้น และคลานเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับพื้นบริเวณที่แม่นอนหมดสติอยู่ หล่อนพยายามดึงขวดเหล้าออกจากอ้อมแขนของมารดา แต่ยิ่งดึงแม่ก็ยิ่งกอดแน่น พลางละเมอออกมาราวกับคนเสียสติ
“เหล้าจ๋า... มีแค่แกที่รักฉันที่สุด... เหล้าจ๋า...”
“แม่... นิศาก็รักแม่นะ รักมากด้วย”
หญิงสาวกระซิบบอกมารดาทั้งน้ำตา แต่คนที่นอนละเมอก็ไม่มีโอกาสได้ยิน เพราะหลังจากละเมอจบก็หลับต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ปาณนิศานั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ ร่างหลับใหลของมารดาอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมง กำลังจะไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับมารดา แต่เสียงโวยวายของผู้เป็นบิดาก็ดังขึ้นสนั่นบ้านซะก่อน
“เฮ้ย... นังนิศา... แกนอนหรือยังวะ...”
“ยังจ้ะพ่อ...”
ปาณนิศาป้ายน้ำตาทิ้งลวกๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาบิดาที่กำลังก้าวขึ้นบันไดมาทันที หล่อนฝืนยิ้มให้กับท่าน ทั้งๆ ที่ภายในอกนั้นเต็มไปด้วยความรวดร้าวทรมาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านไปไหนมา บ่อนไงล่ะ พ่อไปหมกอยู่ในบ่อนนั่นเอง ทำไมสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งหล่อนนักนะ ทำไมจะต้องให้หล่อนมาเผชิญชะตากรรมที่แสนโหดร้ายนี้ด้วย
“ยังก็ดีแล้ว... เอาเงินมาหน่อยสิ...” บิดาของหล่อนเองก็เมาไม่แพ้มารดาเช่นกัน เพราะลำพังแค่ยืนก็ยังเซแล้ว ดีนะที่หล่อนเข้าไปประคองให้ท่านนั่งลงได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงหงายหลังตกบันไดไปแล้วอย่างแน่นอน
“พ่อระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก...”
ผู้เป็นพ่อผลักความห่วงใยของลูกสาวออกจากตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะจ้องมองนิ่ง “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เอาเงินมา วันนี้กูเสียมาเยอะแล้ว จะเอาเงินไปต่อทุน...”
ปาณนิศาเห็นท่าทางของบิดาแล้วก็จะรีบลุกหนี แต่ก็ถูกมือหนาของท่านขยุ้มเส้นผมเอาไว้เสียก่อน “จะหนีไปไหนนังตัวดี กูบอกให้เอาเงินมายังไงล่ะ เอาเงินมา...!”
“นิศาไม่มีจ้ะพ่อ นิศาไม่มีเงิน...”
หญิงสาวพยายามปฏิเสธ แต่ก็ถูกบิดาฟาดฝ่ามือใส่หน้าเต็มแรงสองครั้งติด จนเลือดสดๆ เอ่อคลอที่มุมปาก น้ำตาแห่งความเจ็บปวดทะลักออกมาจากเบ้าตาอีกครั้ง
“พ่อ... นิศาไม่มีเงินจริงๆ นะพ่อ เงินเดือนนิศายังไม่ออก ตอนนี้นิศาก็แทบไม่มีเงินติดตัวไปทำงานเลย อย่าบังคับนิศาเลยนะพ่อ...”
หล่อนวิงวอน แต่ผู้ชายตรงหน้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าบิดาไม่แม้แต่จะหยิบยื่นเศษเสี้ยวแห่งความเมตตาให้เลยสักนิด เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาใบหน้าของหล่อนก็ชาดิกอีกครั้งด้วยหลังมือใหญ่
“กูไม่สนว่ามึงจะมีเงินติดตัวหรือไม่มี แต่ตอนนี้กูต้องการเงิน กูอยากได้เงิน เข้าใจไหมนังนิศา กูอยากได้เงิน กูหิวเงิน...!” เหมือนกับท่านจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เพราะต่อจากนั้นเส้นผมของหล่อนก็ถูกขยุ้มเต็มแรง ให้มาเผชิญหน้ากับท่าน
“ส่วนมึงก็มีหน้าที่หาเงินมาให้กูใช้... เข้าใจไหมนังลูกไม่รักดี...!”
“นิศาพยายามแล้วนะพ่อ นิศาก็ทำงานแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว แต่นิศาเรียนน้อย งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ เขาไม่รับนิศาหรอกจ้ะ” หญิงสาวพยายามอธิบาย แต่ผู้เป็นพ่อไม่ยอมเข้าใจ
“นี่มึงหาว่าเพราะกูไม่ส่งมึงเรียนสูงๆ ใช่ไหม มึงถึงไม่ได้ทำงานดีๆ ใช่ไหมนังนิศา ใช่ไหม...”
หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพ่อ นิศาไม่เคยคิดแบบนั้นเลย นิศาแค่อธิบายให้พ่อฟัง อยากให้พ่อเข้าใจนิศาบ้าง... นิศาพยายามแล้ว พยายามหาเงินอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่นิศาหาได้แค่นี้ นิศาหาได้แค่นี้จริงๆ”
“งั้นมึงก็ไปขายตัวสิ...”
“พ่อ...?!”
ปาณนิศาอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่ไม่คิดว่ามันจะมีอยู่ในหัวของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของหล่อน หล่อนหูฝาดไปใช่ไหม แน่นอนหล่อนต้องหูฝาดไปแน่ๆ ไม่มีทางที่พ่อบังเกิดเกล้าของหล่อนจะบอกให้หล่อนไปขายตัวหรอก ไม่มีพ่อแม่คนไหนบังคับให้ลูกทำแบบนั้นได้ หล่อนคงเข้าใจผิดไปเอง ใช่... หล่อนเข้าใจผิดไปจริงๆ นั่นแหละ
“นิศาคงหูเฝื่อนไป...” หญิงสาวปลอบตัวเอง แต่แล้วก็ต้องหน้าซีดเผือดกับสิ่งที่บิดายืนยันมันออกจากปากมาอีกครั้ง
“มึงไม่ได้หูฝาดหูเฝื่อนหรอกนังนิศา มึงต้องไปขายตัว... ต้องไปขายตัวเพื่อหาเงินมาให้กูเล่นไพ่ ให้แม่มึงกินเหล้า นี่คือความจริงที่มึงจะต้องเผชิญ และถ้ามึงทำไม่ได้... มึงก็ไม่ต้องมาเรียกกูสองคนว่าพ่อแม่อีก จำเอาไว้...”
“พ่อจ๋า... ทำไมพ่อถึงพูดแบบนี้... ทำไมถึงให้นิศาไปขายตัว...” ความเจ็บปวดจากน้ำมือของบิดาที่ตัวเองได้รับมาตลอดชีวิตนั้นมันยังไม่เท่ากับคำพูดนี้ของบิดาเพียงคำเดียวเลย ขายตัวหรือ? นี่พ่อพูดออกมาได้ยังไงว่าให้หล่อนไปขายตัว
“พ่อไม่รักนิศาแล้วหรือจ๊ะ พ่อถึงพูดแบบนี้...”
คนเป็นพ่อหัวเราะลั่น ก่อนจะผลักบุตรสาวให้ล้มลงกองกับพื้นไม้กระดานอย่างไม่ปรานี จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างคนใจดำ
“กูก็รักมึงหรอกนะนังนิศา รักมากกว่าหมากว่าแมว แต่ถ้าให้เลือกมึงกับความสุขสบายของตัวกู กูเลือกอย่างหลังว่ะ และถ้ามึงไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูล่ะก็ อย่าขัดใจกู...”
เจ็บลึกเข้าไปถึงทรวงอก หัวใจของหล่อนกำลังชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ ที่เกิดจากคมมีดในมือของบิดา คมมีดที่กรีดลงบนกลางหัวใจของหล่อนอย่างแม่นยำ หล่อนเจ็บปวด ทรมาน และผิดหวังยิ่งนัก ทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ทำราวกับว่าหล่อนไม่ใช่ลูกอย่างนั้นแหละ ทำเหมือนกับว่าหล่อนเป็นคนอื่น คนอื่นที่ท่านไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจ
น้ำตาแห่งความทรมานหลั่งรินอาบแก้มเป็นสาย มือบอบบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“นิศาจะทำงานให้มากขึ้น... จะทำงานทั้งวันทั้งคืน...”
ผู้เป็นพ่อหัวเราะเยาะ “ต่อให้มึงทำงานจนตาย มึงก็ไม่มีทางมีเงินพอให้กูกับแม่ของมึงใช้หรอก มีวิธีเดียวเท่านั้นที่พวกกูจะมีเงินใช้อย่างสบายมือไปตลอดชีวิตได้ นั่นก็คือมึงต้องขายตัว หรือไม่ก็จับผู้ชายรวยๆ สักคนทำผัว อืม... อย่างไอ้พวกหนุ่มๆ การ์รัสโซ่นั่นก็น่าสนนะ เลือกสักคนสิ เพื่อว่ามึงจะฟลุ๊คได้เป็นเมียเก็บของคนใดคนหนึ่งขึ้นมา และถ้าได้จริงๆ พวกเราสบายกันทั้งชาติเลยล่ะ”
“นิศาทำไม่ได้หรอกพ่อ นิศามีศักดิ์ศรีนะ”
หญิงสาวเสียงแข็ง ความอดสูกระแทกเข้ามาในอกเมื่อรอยยิ้มหยันของลิโอเนลผุดขึ้นมาในสมองซ้ำอีกครั้ง แค่นี้เขาก็ดูถูกดูแคลนหล่อนจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ถ้าขืนหล่อนไปทำแบบนั้นอีก หล่อนมีหวังถูกผู้ชายร้ายกาจคนนี้ฆ่าตายคามือแน่นอน
“ศักดิ์ศรีเหรอ? แล้วศักดิ์ศรีของมึงทำให้กูอิ่ม ทำให้กูมีเงินเล่นไพ่ไปตลอดชีวิตหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่ใช่ ดังนั้นมึงอย่ามาพูดคำว่าศักดิ์ศรีให้กูได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นกูจะตบมึงให้คว่ำเลยทีเดียว จำเอาไว้นะนังนิศา...” ผู้เป็นบิดาย่างสามขุมเข้าหาบุตรสาวที่นั่งนิ่งอยู่กับพื้นด้วยท่าทางคุกคาม หญิงสาวถดถอยหนีอย่างหวาดกลัว
“พ่อ... อย่าทำนิศานะ...”
“ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวอีก ก็เลือกมา... เลือกมาว่าจะหาเงินเยอะๆ มาให้กูใช้ยังไง บอกมาสิ...” บิดาเร่งและทำท่าจะฟาดหลังมือลงบนแก้มของหล่อนอีก หญิงสาวยกมือขึ้นป้องเอาไว้ และรีบละล่ำละลักตอบด้วยความหวาดกลัว
“ฉัน... นิศาจะหาสามีรวยๆ จ้ะพ่อ นิศา... จะหาคนที่รวยๆ เพื่อเอาเงินมาให้พ่อกับแม่ใช้นะจ๊ะ” ปาณนิศาไม่มีทางเลือกจึงทำได้แต่พยักหน้ารับ
“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้โกหกกู...” ผู้เป็นบิดาหรี่ตามองเขม็ง
“จ้ะ... นิศาไม่ได้โกหกหรอก แต่พ่อจะต้องให้เวลานิศาหน่อยนะจ๊ะ ให้เวลาฉันหาผู้ชายคนนั้นให้เจอก่อน...”
แผนถ่วงเวลาของหญิงสาวพังพินาศลงทันตา เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของบิดา “มึงจะไปหาใครอีกทำไมล่ะ ในตุรกีนี่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าพวกการ์รัสโซ่บ้าง ไม่มี... ดังนั้นมึงไม่ต้องไปหาใครอีกแล้ว ถ้ามึงเลือกจะไม่ขายตัว และตั้งใจจะมีผัวรวยๆ เอาไว้ให้พวกกูกอบโกยแล้วล่ะก็ มึงก็ต้องจับใครคนใดคนหนึ่งในการ์รัสโซ่ให้ได้ จะเป็นใครก็ได้ มึงเลือกเอาตามสบายเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นคนไหนกูก็รับเป็นลูกเขยได้ทั้งหมดไม่เกี่ยง”
การ์รัสโซ่...
หล่อนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายร้ายกาจพวกนี้เลย แต่ก็หนีไม่พ้น ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับหล่อนแบบนี้นะ
“พวกเขาไม่มีทางมองนิศาหรอก...”
ปาณนิศากัดปากแน่นอย่างอดสู พูดออกมาตามความเป็นจริง ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นนางในอุดมคติของผู้ชายสูงส่งอย่างพวกการ์รัสโซ่ได้หรอก แม้แต่คุณสมบัติของนางบำเรอหล่อนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีครบหรือเปล่า
“กูไม่สนหรอกว่ามึงจะใช้วิธีอะไรทำให้กูได้เงินมาใช้ แต่มึงต้องทำให้สำเร็จ และกูให้เวลามึงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น ถ้ามึงทำพลาดหรือไม่ยอมทำ... กูจะจับมึงขายให้เสี่ยเจ้าของบ่อน เสี่ยตัวอ้วนๆ หนังเหนียวๆ แก่ลงพุง มึงคิดเอาก็แล้วกันว่าจะเลือกแบบไหน จะเอาหนุ่มหล่อๆ แบบพวกการ์รัสโซ่ทำผัว หรือว่าจะเอาแก่คราวพ่อก็แล้วแต่มึง...” ผู้เป็นพ่อหัวเราะอย่างมีความสุข ขณะก้าวเท้าลงบันไดบ้านลงไปอีกครั้ง
ปาณนิศาน้ำตาทะลักทลายไม่หยุด หล่อนมองบิดาที่เดินหายไปในความมืดด้วยความเสียใจ ปวดใจ และผิดหวังยิ่งนัก พ่อไม่เคยรักหล่อนเลย ก็เหมือนๆ กับมารดานั่นแหละที่ไม่เคยหยิบยื่นความสุขให้กับหล่อนเลย ตั้งแต่จำความได้ทั้งหล่อนและทั้งพี่วินทราต้องทำงานหนักมาตลอด ทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อกับแม่ที่ติดเหล้าและการพนันงอมแงม และด้วยเหตุนี้ไงพี่สะใภ้ของหล่อนถึงหนีไปกับผู้ชายคนอื่น
ฟันขาวสะอาดขบลงบนกลีบปากสีกุหลาบเต็มแรง แต่กระนั้นเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกเจ็บ ใช่... หล่อนไม่รู้สึกว่ามันเจ็บเลย เพราะตอนนี้ที่เจ็บปวดที่สุดมันอยู่ใต้หน้าอกข้างซ้ายของหล่อนต่างหากล่ะ หัวใจของหล่อนกำลังร่ำไห้ออกมาเป็นโลหิต ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทั้งทรมานกับสิ่งที่กำลังได้เผชิญ ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงที่ไม่เคยเกรงกลัวใครในโลกอย่างหล่อนจะต้องมาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้ สภาพที่น่าอดสู สภาพที่ไม่ต่างจากโสเภณีที่กำลังจ้องจะงาบผู้ชายรวยๆ สักคนมาไว้ในกำมือ หล่อนไม่อยากทำแบบนี้ ไม่อยากทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้ แต่หล่อนมีทางเลือกหรือ ในเมื่อมันเป็นคำสั่งจากปากของบุพการีของตัวเอง
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ