“พี่จะทำให้เธอรู้...” เขากระซิบชิดริมหูเล็ก “รู้อะไรคะ” “รู้ว่าพี่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง...แท่ง 8 นิ้ว” แก้มเธอร้อนผ่าว เอ็ดว่า “พี่แม็คทะลึ่ง” “ทะลึ่งกับแบมแบมคนเดียวนั่นแหละจ้ะ” จบประโยคนี้ด้วยการจูบปากเธออย่างอ่อนโยน มือใหญ่สอดเข้าไปในกางเกงของเธอ แม้จะอายเพราะนี่เป็นครั้งแรกและเธอก็ไม่คุ้นเคยกับสัมผัสของผู้ชายเอาเสียเลย แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมปัดป้อง ในทางตรงข้ามกลับโอนอ่อนผ่อนตามให้เขาได้ลูบไล้ได้ตามใจชอบ ไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความวาบหวามและความสุขที่เอ่อล้นท่วมท้นหัวใจ ไม่นานนักร่างเธอก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือเขา รวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิดร่างกาย ความเป็นชายเด่นผงาดอวดความใหญ่โตสมราคาคุย “อ๊าย ! ” เบญญาภาหลับตาปี๋ “พะ พี่แม็ค” “ไม่น่ากลัวหรอกน่า” เขาจับมือเธอมาสัมผัสความแข็งกร้าวนั้น เธอใจเต้นตูมตาม “อายทำไม นี่ของสามีเธอนะ”
“พี่บิว พี่ดื่มมากไปแล้วนะ พอเถอะพี่” เบญญาภา หรือ แบม สาววัย 22 ปี ที่มีดวงตาเจิดจรัส แม้ว่าเธอจะพิการแขนข้างหนึ่งมาตั้งแต่เกิดก็ตาม
“ปล่อยพี่เถอะน้องด้วน พี่มีความสุขแค่เฉพาะตอนมีเหล้าอยู่ในกระเพาะเท่านั้นแหละ” บุญยวีร์ หรือ บิว ผู้เป็นพี่สาว แม้จะมีแขนขาครบ + ความสวยโดดเด่น แต่เธอกลับมีดวงตาเศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้สองสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมด้านในสุด มืดสุด ไม่สนใจคนอื่น ไม่ใส่ใจเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม นักร้องที่กำลังแหกปากโชว์ลูกคออยู่บนเวที และเสียงกรี๊ดของสาวๆ ที่พากันยืนอออยู่หน้าเวที มองหนุ่มดีดกีต้าร์และมือกลองตาเป็นมัน
ที่นี่ไม่ใช่บาร์ ไม่ใช่ผับ หากเป็นร้านเหล้าที่เปิดตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน
“ดื่มเยอะเกินก็ใช่ว่าจะดีนะคะพี่บิว ถ้าพี่แม็ครู้เข้าจะต้องโกรธแน่ๆ” เบญญาภาไม่ยอมดื่มน้ำเมา นอกจากน้ำเปล่า เพราะถ้าเธอเมาอีกคน ใครจะคอยดึงสติพี่สาว
“อีตานั่นน่ะเหรอ” เพียงนึกถึง ‘แม็ค’ บุญยวีร์ก็เริ่มน้ำตารื้น “แม็คมีความรู้สึกซะที่ไหน” ว่าพลางรินเหล้าใส่แก้วเพิ่ม “ถ้าไม่ใช่เพราะอยากหนีไอ้สาทร พี่คงไม่จับแม็คมาแต่งงานด้วยหรอก ผู้ชายอะไร...ดุ เย็นชา แถมไม่เคยสนใจอะไรพี่อีก”
ฤทธิ์แอลกอฮอล์พุ่งพล่านในตัว บุญยวีร์ตัวร้อนผ่าวๆ ลามขึ้นหน้า เอียงหน้ากระซิบบอกน้องสาวข้างหู ราวกับว่ามันเป็นความลับขั้นสุดยอด
“บางทีพี่ก็สงสัยนะว่าแม็คอาจจะเป็นเกย์”
“ฮ๊า ! ” เธออุทาน ก่อนจะลดเสียงให้เบาลงเมื่อพี่สาวจุปากเป็นเชิงเตือน “หล่อๆ แมนๆ แบบนั้นอ่ะนะ”
“ใช่” บุญยวีร์ถอนหายใจเฮือก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ จิบเหล้าเบาๆ แล้ววางแก้ว “เดี๋ยวนี้เกย์น่ะหล่อจะตาย ดูไม่ค่อยออกหรอก แถมหุ่นล่ำบึ้ก”
“เขาเคยเกาะแกะผู้ชายเหรอพี่ พี่ถึงคิดว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน”
“เฮ้อ” ถอนหายใจอีกครั้ง “ก็เขาไม่สนใจพี่เลย สาวๆ ก็ไม่มี เห็นมีแต่เพื่อนผู้ชายทั้งนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอน้องด้วน ทั้งๆ ที่พี่เป็นนางแบบ หุ่นก็ดี เอ้า ไหนน้องด้วนลองบอกพี่มาสิ รูปลักษณ์ของพี่มีส่วนไหนบ้างที่บกพร่อง”
เบญญาภากวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจ้องหน้าพี่สาวอย่างค้นคว้า สักพักก็ส่ายหน้า
“ไม่นี่พี่ พี่สวยกว่าดาราหลายๆ คนซะอีก ผู้ชายจีบพี่มีเป็นร้อย แบมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่เห็นพี่แล้วจะไม่หลงเสน่ห์ แล้วดูหุ่นพี่สิ เซ็กซี่จะตาย นมเป็นนม เอวเล็ก ก้นผาย ร้อยทั้งร้อยใครเห็นพี่ก็หื่นทั้งนั้นแหละ”
“แต่เธอเชื่อไหม” บุญยวีร์เบ้ปาก “แต่งงานกับแม็คมา 1 เดือนเต็มๆ เขาไม่เคยแม้แต่จะจับมือหรือหอมแก้มพี่เลย ห่างไกลยิ่งกว่าสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนซะอีก”
“ฮ๊า” คนฟังตาโต “มีคนแบบนั้นอยู่บนโลกนี้ด้วยเหรอพี่”
“แต่ก็ดีอยู่นะที่เขาไม่ล่วงเกินพี่ เพราะพี่ก็กลัวการมีเพศสัมพันธ์เหมือนกัน”
เบญญาภายิ้มพลางส่ายหน้า “พี่ยังไม่เลิกกลัวการนอนกับผู้ชายอีกเหรอคะ”
“จะให้เลิกกลัวได้ไง”
ความทรงจำบุญยวีร์หวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่เธอเพิ่งจะเริ่มแตกเนื้อสาว ตอนนั้นหน้าใสกิ๊ก ผิวขาว ตาโต แน่ล่ะว่าเธอเริ่มมีหนุ่มๆ มาติดพัน
แต่ความสวยและความสาวแรกแย้มไม่ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งดีๆ มีคนชื่นชมก็ต้องมีคนจ้องทำลาย
สาทร...พ่อเลี้ยงที่ในตอนนั้นอายุ 45 ปี เป็นกรรมกรก่อสร้าง ใช้แรงงานแลกเงิน ตกเย็นมาเป็นต้องก๊งเหล้ากับเพื่อนก๊วนเดียวกัน แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เมาแล้วก็นอน แต่มาระยะหลังสาทรเริ่มเปลี่ยนไป สายตาคอยแอบมองเธอเสมอ
แน่ล่ะว่าในกรณีนี้เบญญาภาที่อายุน้อยกว่าเธอ 3 ปี ไม่เจอปัญหา เพราะไม่ใช่คนสวย หน้าตาเรียบๆ ธรรมดา แถมแขนข้างซ้ายยังหายไปข้างหนึ่งอีก
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรก็ตาม เธอต้องเริ่มระวังตัวให้มากขึ้นเพราะมักมีลูกตาของสาทรแอบมองเสมอ...สายตาที่เธอไม่เคยไว้ใจ
ยิ่งนานวัน ธาตุแท้ของสาทรเริ่มบานปลาย เขากินเหล้ามากขึ้นจนถึงขั้นไม่ทำงาน คนที่เป็นเสาหลักจึงมีเพียงแม่และน้องสาวที่ช่วยกันขายน้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ตั้งแต่ตี 4 ช่วงเย็นขายแกงถุงแบบง่ายๆ
ตอนอายุย่างเข้า 16 เธอต้องตั้งใจเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อจะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการได้
ต่างจากเบญญาภาผู้เป็นน้องสาวที่ไม่เคยใฝ่ฝันอยากจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตั้งใจว่าจะจบ ม.3 ก็จะต่อวิทยาลัยการอาชีพในระดับปวช. แล้วหางานทำแถวบ้าน
ตอนนั้นเบญญาภาเรียนอยู่ ม.2 ตื่นตั้งแต่ตี 3 มาช่วยแม่ทอดปลาท่องโก๋ขายจนถึง 7โมงก็จะรีบไปโรงเรียน ตอนเย็นหลังทำการบ้านเสร็จก็จะไม่ไปเที่ยวที่ไหน ตรงดิ่งกลับมาช่วยแม่ขายกับข้าว หาเงินกิน ใช้จ่าย และใช้หนี้ไปวันๆ อย่างยากลำบาก
ในขณะที่บุญยวีร์คิดเสมอว่าตนมีรูปเป็นทรัพย์ ไม่เคยช่วยงานบ้าน แต่บอกกับน้องสาวและแม่เสมอว่าตนจะตั้งใจเรียน เมื่อรวยแล้วจะไม่ลืมน้องกับแม่อย่างแน่นอน
เธอมั่นใจในความสวย กิน เที่ยว เพื่อนเยอะทั้งหญิงและชาย เธอเหมือนดวงจันทร์ที่มีดาวเล็กๆ ห้อมล้อมรอบกาย เธอเคยชินกับการเป็นจุดเด่นและเป็นที่ชื่นชม
ช่วงที่เธอหลงระเริงกับชีวิตวัยรุ่นแรกแย้ม ในคืนหนึ่ง เธอเพิ่งเที่ยวกลับมา แม่กับน้องยังคงอยู่ตลาดเพราะขายของยังไม่เสร็จ เธอโดนพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ
เธอแต่งงานกับสามีที่เย็นชา หน้าดุ และไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ เธอจะอบอุ่นแค่ตอนเขาร่วมรักด้วย จากนั้นเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวกับความเฉยชาที่เขามีให้ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือการตั้งครรภ์ลูกแฝด เธอไปจากเขาโดยไม่ล่ำลา 4 ปีต่อมา เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง พร้อมเด็กฝาแฝดวัย 3 ขวบที่เรียกเขาว่า ‘พ่อ’
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -