มาริสามีความสามารถพิเศษในการมองเห็นวิญญาณ และความสามารถนี้จะหายไปเมื่อมีความรัก เธอเป็นคุณหนูสุดเปรี้ยวที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนยอมอยู่กับเธอไปตลอดชีวิตได้ จนกระทั่ง...ได้เจอกับเขา ‘รัตติ’ ผู้ชายตัวสูง ดวงตาสีแดง ผิวขาวจัดที่ตามติดเธออยู่ตลอดเวลา ทำทุกวิถีทางเพื่อครองหัวใจเธอให้ได้ แต่ความรักของเธอและเขาจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น...แวมไพร์ ! ...................... “พูดบ้าๆ อย่ามาตู่ว่าฉันเป็นแฟนคุณนะ ฉันไม่หน้ามืดคว้าผีดิบอย่างคุณมาเป็นแฟนหรอก” พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ รีบเอามือปิดปากตัวเองพลางเหลือบตามองเขา...เขายังคงครองสติได้ดีเยี่ยม นิ่งงัน ไม่ว่ากล่าว แต่ไอ้ท่านิ่งๆ ของเขานี่แหละที่ทำเธอขนลุก คนอะไร ส่งรัศมีพิฆาตใส่เธอได้โดยไม่ต้องออกแรง “ได้ยินจากคุณพ่อว่าคุณมีสัมผัสที่หก มองเห็นวิญญาณได้ จะเป็นไรไปหากได้แวมไพร์ไปเป็นสามี ชีวิตคุณจะได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น” เธอแทบจะตาถลนออกนอกเบ้า “พูดบ้าๆ ฉันอยากใช้ชีวิตแบบผู้หญิงปกติธรรมด๊าธรรมดา ที่แสนสวย แสนน่ารัก ไม่คิดจะหาห่วงมาผูกคอ แถมห่วงที่ว่ายังเป็นผู้ชายดวงตาสีแดงพิลึกกึกกืออย่างคุณอีก” รัตติกระตุกยิ้มที่มุมปาก เอียงหน้ากระซิบบอกอย่างมีลับลมคมใน “ผู้ชายธรรมดาจะไปเร้าใจเท่ากับคนที่แข็งแกร่งในเวลากลางคืนได้อย่างไร ทุกครั้งก่อนคุณนอน ผมจะกล่อมคุณบนเตียง รับรองฝันดีทุกคืน แนะว่าต้องซื้อเตียงมาสำรองไว้บ้าง เพราะถ้าคุณนอนกับผม ไม่ทันถึงอาทิตย์ ขาเตียงคงหัก...เพราะเวลากล่อมคุณ ผมอาจไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่”
“เอ้า ดื่มอีกสิ” พนิดาส่งแก้วเหล้าให้มาริสาที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรีโจ๊ะๆ ฝ่ายนั้นยิ้ม รับมาดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะส่งแก้วคืนให้
พนิดาวางแก้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกสะบัดเอว ส่ายก้น ไปกับเพื่อนสาว แสงไฟหลากสีส่องกระพริบวับแวม ผีเสื้อราตรีไม่มีใครยอมใคร วาดลวดลายด้วยความคึกคะนอง
มาริสาสวมชุดสายเดี่ยวสีชมพูอวดเนินอก เอวลอยโชว์หน้าท้องแบนราบ สะโพกผายงามซ่อนอยู่ในกระโปรงรัดรูปสั้นเหนือเข่า มีหนุ่มๆ หลายคนขยับมาเต้นใกล้ๆ เธอ สายตาแต่ละคนมองด้วยความหมายลึกซึ้ง อยากจะจ้วงกินตับแม่สาวนักเที่ยว ส่วนเธอนั้นดูจะไม่สนใจใครเลย นอกจากปลดปล่อยอารมณ์ไปกับจังหวะดนตรี
ทันใดนั้นเอง สายตาก็ไปปะทะเข้ากับผู้หญิงผมยาว ผิวขาวซีด ใส่เสื้อเกาะอก กางเกงขาสั้นเพียงคืบ กำลังเต้นอยู่ในกลุ่มมวลชน
เธอเขม้นมอง สาวคนนั้นเหมือนจะรู้ตัวถึงได้หันมาทางเธอ ในตอนนั้นเองที่เธอตกใจ เพราะใบหน้าที่หันมานั้นขาวเหมือนกระดาษ ไม่มีตาขาว มีแต่ตาดำ
ขนาดเข้าผับก็ยังเจอวิญญาณอีก ชีวิตเธอนี่หนีไม่พ้นเรื่องพรรค์นี้เลยจริงๆ !
ตั้งแต่เริ่มจำความได้ เธอก็เห็นวิญญาณ เมื่อก่อนเธอยังเด็กทำให้แยกแยะไม่ออกว่าคนไหนผี คนไหนเป็นคน พอโตขึ้นก็เริ่มรู้ เริ่มชิน และเริ่มไม่รู้สึกอะไร อาจมีบ้างที่ใจหาย ตกใจ แต่ไม่กลัว
ดวงจิตที่เกิดจากพลังงานรวมตัวกันไม่สามารถทำอันตรายมนุษย์ได้หรอก มนุษย์ด้วยกันต่างหากล่ะที่ทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น
“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” เธอบอกพนิดา ก่อนจะปลีกตัวเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จก็ล้างมือหน้ากระจกบานใหญ่ พลันนั้นเองที่รู้สึกมีคนเดินมาข้างหลัง เธอเหลือบตามองกระจก...ว่างเปล่า มีเพียงเธออยู่คนเดียวเท่านั้น พอก้มลงล้างมืออีก ก็เหมือนมีคนขยับตัวด้านหลัง ครั้นมองกระจกก็ไม่เห็นมีใคร
เธอถอนหายใจยาว หันหลังกลับไป แล้วก็พบสาวชุดเกาะอก กางเกงขาสั้นยืนอยู่
“เธอเห็นฉันใช่ไหม” สาวปริศนาถาม
“เห็นแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดซะที”
“ยังไม่มีใครรู้เลยว่าฉันตายแล้ว ศพฉันฝังอยู่ในพงหญ้าหลังผับนี่แหละ ลูกชายเจ้าของผับหึงหวง แทงฉันตายแล้วฝังไว้ ตรงนั้นดินจะนูนสูงกว่าบริเวณอื่น ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ”
“อีกแล้วเหรอ ให้ฉันช่วยอีกแล้วงั้นเหรอ” เธอถอนหายใจพรืด
“น่านะ แล้วจะบอกหวยให้”
“ฉันมีเงินอยู่แล้ว ไม่ซื้อหรอกหวยน่ะ”
“งั้นถือว่าเห็นแก่เพื่อนร่วมโลกตาดำๆ คนนี้เถอะนะ” กระพริบตาปิ๊งๆ ส่งให้ เออ...ก็มีแต่ตาดำจริงๆ นั่นแหละ
“ผีอยู่ส่วนผี คนอยู่ส่วนคน อันที่จริงฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องพรรค์นี้เลย”
“ถ้าช่วยฉัน ฉันจะดูดวงให้”
“จะบ้าเรอะ” เธอแหกปาก “มีผีที่ไหนดูดวงบ้าง”
“ก่อนตายฉันดูดวงแม่นนะบอกเลย”
“โอ๊ย ! พอๆ ฉันช่วยก็ได้ แค่นี้ก็จบแล้วใช่ป่ะ”
“เย้ ขอบคุณนะ” วิญญาณสาวฉีกยิ้มกว้างที่ดูยังไงก็น่าสยดสยองมากกว่าจะน่ารัก มาริสารีบเบือนหน้าหนีไปเจอสาวสองคนมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ แถมยังกระซิบคุยกันอีก
“น่าสงสารเนอะ สติไม่ดี”
“นั่นดิ เห็นยืนคุยคนเดียวมาพักหนึ่งแล้ว”
มาริสาหน้าแดงก่ำ จ้ำเดินออกจากห้องน้ำทันที ก่อนจะออกจากผับ หาที่ที่เสียงดนตรีไม่ดังมาก แล้วกดโทรออกหาเพื่อนชาย
/ฮัลโหล สวัสดีครับ/
“มาร์ค นี่ฉันเองนะ”
/เออ เห็นชื่อที่เซฟไว้ก็รู้แล้วว่าเป็นเธอ โทรมามีอะไรอีกล่ะ ดึกป่านนี้แล้ว อ้อ...แต่สำหรับเธอคงไม่ดึกสินะ คงลันล้าอยู่ผับหรือที่ไหนสักแห่ง ได้ยินเสียงเพลงแว่วๆ/
“ใช่ เวลานี้เป็นเวลาเที่ยว ไม่ใช่เวลานอนของฉันหรอก พรุ่งนี้มาตรวจสอบที่พงหญ้าหลังร้านด้วยนะ” เธอบอกชื่อสถานเริงรมย์ไป “ดินจะนูนๆ หน่อย ตรงนั้นแหละมีศพฝังอยู่”
/หา/ มานัตตาสว่าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง /อีกแล้วเหรอ/
“ใช่ อีกแล้ว คนตายเป็นผู้หญิงผมยาว ลูกชายเจ้าของผับเป็นคนแทงแล้วฝังเพราะหึงหวง ถ้ายังไงก็มาตรวจสอบแล้วอย่าบอกใครล่ะว่ารู้มาจากฉัน”
/เออ รู้แล้วน่า/
“ขอบคุณจ้าผู้กองสุดหล่อ”
/พูดแบบนี้ค่อยน่าชื่นใจหน่อย/
“ฉันแค่ยอ”
/แค่ยอก็ดีใจแล้ว/ ผู้กองหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเงียบเสียงสักพักแล้วพูดขรึมๆ /เมื่อไหร่เธอจะเลิกมีดวงตาเห็นผีได้เสียที/
“ไม่ดีเหรอไง ฉันช่วยคดียากๆ ของนายมาเยอะแล้วนะ”
/ก็รู้ แต่ฉันอยากให้เธอเป็นผู้หญิงธรรมดามากกว่า ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่หรอกที่มีความสามารถบ้าๆ แบบนี้น่ะ/
มาริสานิ่งไปพักหนึ่ง
“นายนอนต่อเถอะ ฉันจะเข้าไปเต้นต่อ ป่านนี้ดาคงรอแย่แล้ว”
/เที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ยังไงก็ระวังด้วยนะหนูเม่น ถึงเธอจะมีผีเป็นพรรคพวก แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง/
“จ้าคุณพ่อ รับทราบแล้วค่ะ แค่นี้แหละ” เธอกดตัดสาย ก่อนจะเดินกลับเข้าสถานบันเทิงด้วยอาการครุ่นคิด
คำสาปนี้มีมารุ่นต่อรุ่น จะเกิดเฉพาะลูกสาวในตระกูลเท่านั้น
แม่ของเธอมีความพิเศษอยู่ที่หู สามารถได้ยินความในใจของคนอื่นได้
ส่วนเธอมองเห็นวิญญาณ
ความสามารถนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อมีความรัก !
เธอแต่งงานกับสามีที่เย็นชา หน้าดุ และไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ เธอจะอบอุ่นแค่ตอนเขาร่วมรักด้วย จากนั้นเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวกับความเฉยชาที่เขามีให้ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือการตั้งครรภ์ลูกแฝด เธอไปจากเขาโดยไม่ล่ำลา 4 ปีต่อมา เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง พร้อมเด็กฝาแฝดวัย 3 ขวบที่เรียกเขาว่า ‘พ่อ’
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก