/0/4851/coverbig.jpg?v=253c0a2c7f49e345219b54d5358bc202)
"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!? น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาทั้ง 9
"ข้าแค่อยากเป็นเซียน...ข้าทำผิดอะไร!? ทำไมพวกเจ้าต้องขัดขวางข้า!!!?" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลคำรามกู่ก้องสะเทือนขวัญไปทั่วทุกชั้นฟ้า...บุรุษผู้เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังแหงนมองไปยังเงาร่างทั้ง 9 ที่ยืนอยู่บนวิหารลอยฟ้าขนาดมหึมา...
"เพราะว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ต้องการเซียนที่แท้จริงยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นจงละทิ้งความต้องการของเจ้าเสีย...หรือไม่ก็ตายซะ!!"หนึ่งในเงาทั้ง 9 ตนนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ชนชั้นต่ำปราถนาจะเป็นเซียนแท้อย่างนั้นหรือ ช่างไม่เจียมกะลาหัว"เงาอีกตนกล่าวด้วยน้ำเย้ยหยัน
"คิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าทั้ง 9 อย่างนั้นหรือ มา!! มาสู้กันให้ตายไปข้างนึง!!!!" บุรุษหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีพุ่งขึ้นไปประหัตประหารกับร่างเงาทั้ง 9 อย่างดุดัน การศึกระหว่างผู้แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งทวยเทพทั้ง 10 คนได้เริ่มต้นขึ้น จุดจบของศึกนี้มีเพียงความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น...
เนิ่นนานหลายปีก่อน ณ หมู่บ้านกลางป่ากลางเขาแห่งหนึ่ง กลุ่มเด็กๆหลายสิบคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน แต่ไม่นานความสนุกก็ได้จบลงเพราะเด็กๆทุกคนล้วนถูกเด็กที่รับบทเป็นยักษ์จับได้ทั้งหมด
"เจ้าอ้วนจือหมิง!! มาเร็ว! มาเล่นไล่จับด้วยกัน" เด็กหญิงตัวน้อยอายุราว7-8ขวบปีตะโกนเรียกเด็กชายในวัยไล่เลี่ยกันที่นั่งหลบแดดอยู่ใต้เงาของร่มไม้ "เสี่ยวถัง เจ้าจะไปเรียกเจ้าอ้วนนั้นมาเล่นด้วยทำไมกัน เจ้าก็รู้ว่าเวลามันมาเล่นด้วยกันกับพวกเราทีไรก็หมดสนุกทุกที" เด็กชายวัย10ขวบในกลุ่มคนนึงถามขึ้นด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย ส่วนเด็กหญิงเด็กชายที่เหลือล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของเด็กชาย "ทำไมล่ะเอ้อร์ซาน จือหมิงเขาก็เป็นเพื่ิอนของพวกเรานะ"เด็กหญิงเสี่ยวถังถามด้วยความสงสัย
ในขณะที่เด็กๆในกลุ่มกำลังพูดคุยกัน เจ้าอ้วนจือหมิงที่พึ่งถูกเด็กหญิงเสี่ยวถังเรียกก็วิ่งเข้ามาหากลุ่มเด็กๆด้วยความว่องไวที่ดูขัดกับรูปร่างอันอวบอั๋นแสนน่ารักน่าชังของเขายิ่งนัก เมื่อมาถึงที่ที่กลุ่มเด็กๆยืนคุยกันอยู่เจ้าอ้วนจือหมิงก็กล่าวถามขึ้นด้วยความดีใจ"ข้าสามารถเล่นไล่จับกับพวกเจ้าได้เหรอ" เด็กคนอื่นๆในกลุ่มล้วนมองหน้ากันและกันแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะหัวหน้ากลุ่มอย่างเอ้อร์ซานยังไม่ได้อนุญาติ ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ยังคงถามแกมรบเร้าเอ้อร์ซานอยู่เนืองๆ ในที่สุดเอ้อร์ซานก็ต้องยอมแพ้ให้กับการรบเร้าของเด็กหญิงเสี่ยวถัง
เอ้อร์ซานจึงหันมาพูดกับจือหมิง"พวกข้าให้เจ้าเล่นด้วยก็ได้ แต่เจ้าต้องเล่นเป็นยักษ์ตลอดนะ ไม่อย่างนั้นก็อดเล่น" เมื่อจือหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมากจนกระโดดโลดเต้นไปมารีบตกลงยอมรับข้อเสนอของเอ้อร์ซานทันที ส่วนเด็กหญิงเสี่ยวถังก็ปรบมือชอบใจกับท่าทางตลกที่จื่อหมิงกำลังทำอยู่ ส่วนเด็กคนอื่นบ้างโล่งใจที่ไม่ต้องเล่นเป็นยักษ์บ้างก็หัวเราะชอบใจกับท่าทางของจื่อหมิง หลังจากนั้นเด็กๆทั้งหลายก็เล่นไล่จับกันทั้งวันโดยมีจื่อหมิงรับบทเป็นยักษ์ตลอดทั้งวันถึงแม้แต่ละรอบจะจบเร็วขึ้นกว่าปกติเกือบเท่าตัวก็เถอะ
เมื่อถึงยามเย็น เด็กๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนจือหมิงและเสี่ยวถังที่บ้านอยู่ใกล้กันก็เดินกลับบ้านด้วยกันเหมือนอย่างทุกๆวัน เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเสี่ยวถัง จือหมิงก็ตะโกนเข้าไปในบ้านของเสี่ยวถัง"ท่านป้าเซียวขอรับ ข้าพาเสี่ยวถังมาส่งแล้วนะขอรับ"เมื่อตะโกนเรียกแม่ของเสี่ยวถังแล้ว จือหมิงก็หันมากล่าวคำลากับเสี่ยวถังแล้วรีบวิ่งกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 จั้งทันที
เมื่อจือหมิงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที ภายในครัวสตรีวัยกลางคนผู้นึงและหญิงสาววัยแรกแย้มนางนึงกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็น "ท่านแม่ ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ทุกคนยอมให้ข้าเล่นด้วยล่ะ แล้วก็....""กลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำเดี๊ยวนี้เลยนะเสี่ยวจิ่ว ข้ากับท่านแม่กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่อย่าพึ่งเข้ามาวุ่นวาย"หญิงสาวแหวใส่จื่อหมิงที่กำลังจะเล่าวีรกรรมของวันนี้ให้ผู้เป็นมารดาได้ฟัง สีหน้าจื่อหมิงหน้าเจื่อนลงในทันที แต่เขาก็ยอมไปอาบน้ำตามที่หญิงสาวสั่งทันที สตรีวัยกลางคนผู้เป็นมารดาของทั้งสองหันไปมองจื่อหมิงแล้วยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยสัพหยอกกับลูกสาวของตน"อย่าได้ดุร้ายเกินไปนักเดี้ยวหนุ่มๆที่มาตามจีบเจ้าจะหนีหายกันหมด" หญิงสาวเมื่อได้ฟังที่มารดากล่าวก็เขินอายหน้าแดงยันใบหู"โธ่ ท่านแม่ ท่านอย่าได้เอาแต่เข้าข้างเจ้าเด็กแสบคนนั้นเชียว"ในขณะที่หญิงสาวทั้งกับพูดคุณหยอกล้อกัน เสียงเอะอะของชายสองก็ดังมาจากนอกตัวตัวบ้าน "ฮ่าๆๆ เมียข้า ข้ากลับมาแล้ว"ชายวัยกลางคนร่างยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามีความสุข "ท่านแม่ ดูนี่สิขอรับวันนี้นอกจากจะตัดฝืนได้ตามยอดที่ต้องการแล้วข้ายังล่ากวางตาทองได้อีกตัวนึงแน่ะขอรับ"ชายหนุ่มวัยใกล้ 20 หน้าตาใสซื่อแต่ร่างกายบึกบึนที่กำลังแบกกวางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแสนซื่อ
"โห พี่ใหญ่เก่งกาจยิ่งนัก ล่ากวางตาทองที่ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ ได้ด้วย"หญิงสาวกล่าวชมพี่ชายของตนด้วยความตกตะลึง "ที่รัก เจ้าเจ็ด เจ้าแปด เจ้าเก้า ไปไหนซะล่ะ อย่าบอกนะว่าหนีไปเที่ยวเล่นในป่ากันอีกแล้วน่ะ"ชายวัยกลางคนกล่าวถาม แน่นอนว่าบุรุษผู้นี้ย่อมเป็นบิดาของเจ้าอ้วนน้อยจือหมิง และชายหนุ่มผู้แบกกวางนี้ย่อมเป็นพี่ชายคนโตของบ้านตระกูลหวัง หลังจากนั้นไม่นานจื่อหมิงที่พึ่งล้างตัวเสร็จก็กลับเข้ามาในบ้าน
"หวังจื่อหมิง!! เจ้าตัวเเสบ วันนี้เจ้าไปซนที่ไหนมาบ้างมาเล่าให้พี่ใหญ่ฟังซิ" ทุกคนในบ้านรวมไปถึงเจ้าเจ็ด เจ้าเเปดที่กลับเข้าก่อนจื่อหมิงไม่นาน ต่างก็ยิ้มและหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ **********************************************
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที