แม้ว่าที่นี่จะให้ข้าวให้น้ำให้ที่ซุกหัวนอน แต่หล่อนก็ต้องเอาแรงกายเข้าแลกเพื่ออาหารประทังชีวิต ทุกคนที่นี่ล้วนต่างวนเวียนอยู่ในกลิ่นคาวของน้ำกาม
ตั้งแต่จำความได้ หล่อนก็เห็นผู้หญิงที่นี่แต่งเนื้อแต่งตัววับแวม และก็ออกไปนั่งในตู้กระจก รอให้ผู้ชายทุกเพศทุกวัยที่กระเป๋าหนักชี้นิ้วเลือก ก่อนจะหอบหิ้วกันขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งแบ่งเอาไว้เป็นห้องพักให้แขกได้ขึ้นสวรรค์
ผู้หญิงจำนวนมากสมัครใจที่จะก้าวเท้าเข้ามาในวังวนโสมมนี้ แต่บางคนก็ถูกหลอกลวงให้มาขายตัว หล่อนยังจำเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงผิวขาวถูกเฆี่ยนตีในห้องพักเพื่อให้ยอมออกไปรับแขก จำได้ว่าตอนนั้นหล่อนขึ้นไปทำความสะอาดพอดี และพยายามจะช่วยแล้ว แต่ก็ถูกพวกแมงดาในซ่องชี้หน้าข่มขู่เอาไว้ ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ทำให้หล่อนช่วยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ จนกระทั่งหลายวันต่อมา หล่อนก็เห็นพี่สาวคนนั้นออกไปรับแขกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่น
มันคือความอัปยศยิ่งนัก ที่พวกผู้ชายหากินโดยใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ หล่อนไม่เคยชินกับเรื่องราวแบบนี้เลย แม้ว่าจะคลุกคลีอยู่กับมันมาเนิ่นนาน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร้อยแก้วรีบมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อเช็กความเรียบร้อยของตนเอง และเมื่อพบว่าตัวเองอัปลักษณ์พอแล้วจึงเดินไปเปิดประตู
ผู้หญิงผิวขาวที่เคยถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้ออกไปรับแขกเมื่อแปดปีก่อนยืนอยู่ตรงหน้าของหล่อน และมิ่งหล้าก็คือชื่อของผู้หญิงคนนั้น คนคนเดียวที่ให้ความช่วยเหลือหล่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่หล้า...”
มิ่งหล้ากวาดตามองใบหน้าของร้อยแก้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับดึงบานประตูให้ปิดสนิทลง และลงกลอนอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ดึงร่างอรชรของหล่อนให้กลับไปที่หน้ากระจกเงาอีกครั้ง
“สีดำยังไม่ทั่วหน้าเลยน้องแก้ว เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอก”
แล้วมิ่งหล้าก็จัดการเอาผงถ่านละเลงใบหน้าของร้อยแก้วเพิ่มเติมสักพักก็หยุดมือ และมอง
“ต้องดำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะไม่รอด เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”
“ขอบคุณพี่หล้ามากค่ะ ที่คอยช่วยเหลือแก้ว” หล่อนมองมิ่งหล้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
มิ่งหล้ายกมือขึ้นตบบ่าของร้อยแก้วเบาๆ “พี่ไม่อยากให้เด็กสาวบริสุทธิ์อย่างน้องแก้ว ต้องมาแปดเปื้อนราคีแบบพี่ มันทรมานมากที่ต้องนอนกับผู้ชายกักขฬะพวกนั้น”
“เราหนีไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนบอกความต้องการกับมิ่งหล้า แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยมองเห็นทางรอด
“น้องแก้วก็รู้ว่าเราไปไหนไม่ได้ ขนาดน้องแก้วอยากเรียนหนังสือ ยังต้องเรียนทางไปรษณีย์เลย ไปสอบก็ต้องให้แมงดาตามไปคุม เห็นไหมว่าเราไม่มีทางหนีไปไหนได้”
มิ่งหล้าถอนใจออกมาอย่างอับจนหนทาง เพราะหล่อนเคยพยายามหนีแล้ว แต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้งไป และแต่ละครั้งที่ถูกจับมาได้ พวกแมงดาก็ซ้อมหล่อนปางตาย
“นี่เราจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้เลยเหรอจ๊ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วกะพริบตาไล่หยาดน้ำตา เพราะเกรงว่าสีดำบนใบหน้าจะจางลงไป
“ทางเดียวที่เราจะไปจากที่นี่ได้ นั่นก็คือ... ต้องมีแขกซื้อเรา แต่จะมีผู้ชายคนไหนยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโสเภณีอย่างเราล่ะ ไม่มีหรอก”
“แต่แก้วจะพยายาม... ยังไงซะแก้วก็จะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ เราไปด้วยกันนะพี่หล้า”
มิ่งหล้ายิ้มบางๆ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ร้อยแก้วหวังมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถึงแม้ที่นี่จะเปลี่ยนจากซ่องมาเป็นภัตตาคารแล้ว แต่ก็ยังมีแอบแฝงการขายบริการเอาไว้เหมือนเดิม
“น้องแก้ว ออกไปทำความสะอาดเถอะ แล้วระวังอย่าให้น้ำโดนหน้านะ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะเดือดร้อน”
“ค่ะ พี่หล้า”
มิ่งหล้าฝืนยิ้มเศร้าหมอง ขณะเดินนำร้อยแก้วออกไปจากห้องพัก เดินไปตามทางแคบๆ ที่แบ่งเอาไว้ให้พนักงานได้อยู่อาศัย
“อ้อ พี่ลืมบอกแก้วไป คืนนี้ที่นี่จะมีลูกค้าระดับไฮเอ็นมาใช้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงถูกเรียกไปรับใช้ น้องแก้วก็เข้าที่พักเร็วๆ นะ แล้วก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
“ขอบคุณพี่หล้ามากจ้ะที่เตือนแก้ว”
“งั้นพี่ไปเสิร์ฟอาหารก่อนนะ แวบมานานเดี๋ยวถูกเล่นงานเอา”
“จ้ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วยืนมองร่างอวบอัดของมิ่งหล้าที่รีบย่ำเท้าเดินจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ เมื่อไหร่ผู้หญิงทุกคนที่นี่จะได้อิสรภาพเสียที
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ขณะย่ำเท้าเดินตรงไปยังด้านหลังของภัตตาคาร เพราะงานที่ตนเองได้รับมอบหมายอยู่ที่นั่น
“นังแก้ว แกนี่มาช้าตลอดเลยนะ เห็นไหมว่าในครัวยุ่งแค่ไหน”
ป้าสมศรีส่งเสียงตำหนิทันทีเมื่อเห็นหล่อนเดินเข้ามาภายในห้องครัว
“เอ่อ... แก้วขอโทษค่ะ”
“มึงก็ขอโทษทุกทีนั่นแหละ ตั้งกี่ปีมาแล้วก็พูดแต่คำเนี้ย”
ป้าแม่ครัวใหญ่พูดอย่างเบื่อหน่าย หล่อนทำได้แค่ก้มหน้าไร้โอกาสโต้แย้ง
“มาๆ เลย มาช่วยล้างหม้อนี่ เดี๋ยวจะต้องเคี่ยวน้ำซุป”
“จ้ะป้า”
หล่อนก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่ง ในขณะที่ภายในห้องครัวเกิดเสียงสนทนาขึ้นเมื่อบัวคำ สาวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
“นี่แกรู้ไหมว่าคืนนี้จะมีมหาเศรษฐีมาใช้บริการที่นี่”
“จริงเหรอนังบัว”
“จริงสิ กูจะหลอกมึงทำไมอีเอื้อง แล้วเขาก็ร่ำลือกันว่าหล่อมากด้วยนะโว้ย”
สองสาวที่เมื่อก่อนเคยทำหน้าที่รับแขกอยู่หน้าร้าน แต่ตอนนี้สภาพร่างกายอวบอ้วนจึงถูกปลดระวางมาทำงานในห้องครัวแทน
“ว้า! เสียดายจัง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราสองคนจะต้องได้รับเลือกไปปรนนิบัติแน่ๆ”
“พวกมึงเลิกพล่ามได้แล้ว อ้วนยังกับหมูตอนยังจะมีหน้าอยากจะไปปรนนิบัติแขกอีก มานี่... มาหั่นคะน้าให้กูนี่ กูจะต้องรีบใช้ เร็วเข้า” ป้าสมศรีพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“แหม ป้าศรีก็... ฉันฝันบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ” เอื้องฟ้าตัดพ้อหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างอ้วนไม่แพ้กันเสียงออดอ้อน