“มิว่าภพใด..ข้าจักเฝ้าติดตามถามหา จนกว่าอรุณรุ่งของข้า..จักมาถึง” เมื่อวาระแห่งกรรมเวียนมาบรรจบ เมื่อนั้นกงล้อกฎแห่งกรรมจะได้รับการสะสาง ภายใต้ซากเรือสำเภาใต้ท้องทะเลอ่าวไทย เสียงครวญจากทะเลถูกเล่าขานยาวนานจากรุ่นปู่ย่าจนถึงรุ่นหลาน อาถรรพ์เล่าลือเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ที่หลงไปกับเสียงชักพา ทว่าทรัพย์สมบัติอันไม่สามารถประเมินค่าได้จาก.. ซากสำเภาทองที่แสดงถึงความรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดแห่งเมืองสุโขทัย กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้นักล่าสมบัติใต้ทะเลยอมที่จะเสี่ยง แม้ว่าจะต้องเดิมพันด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ตาม วิญญาณหนึ่งถูกจองจำด้วยความแค้นในรักที่ถูกหลอกลวงและการถูกฆ่าให้ตายอย่างเลือดเย็น ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติเธอก็จะรอคอยจนกว่าวาระแห่งกรรมนั้นจะหมุนมาเยือน บุรุษหนึ่งยึดมั่นในรักเพียงนางเดียว เมื่อไม่อาจครองคู่ในชาตินี้ คำสัตย์ปรารถนาจึงขอมีเพียงนางเดียวทุกภพทุกชาติไป เมื่อกงล้อแห่งกรรมเวียนมาบรรจบ ผู้ก่อกรรมจะต้องได้รับผลแห่งกรรมเป็นสัจธรรม
ท่ามกลางความมืดมิดและเย็นเยียบอย่างที่สุดแห่งท้องทะเล มีเพียงสปอร์ตไลท์กันน้ำได้เท่านั้นที่ส่องนำทางลงสู่ด้านล่าง “ยิ่งลึกยิ่งมืด” นั่นคือสิ่งที่มองเห็น ทว่าที่รู้สึกมากไปกว่านั้นก็คือ ยิ่งใกล้ถึงจุดหมายความหนาวที่รับรู้ได้แถวสันหลังช่างสามารถแยกแยะได้แตกต่างไปจากความเย็นที่ลอดผ่านชุดประดาน้ำ อันจะรับรู้ได้เมื่อร่างกายค่อยๆ เคลื่อนที่จากผิวน้ำที่ซึมซับความอุ่นของแสงอาทิตย์มาตลอดทั้งวัน ลงสู่จุดหมายเบื้องล่างที่แสงอาทิตย์สาดส่องไปไม่ถึง
“ดำน้ำลึกตอนเที่ยงคืน”
ช่างเป็นเรื่องที่น่าโง่เขลาเบาปัญญาอย่างยิ่งสำหรับคนที่กล้าเสี่ยงจะทำเช่นนี้ แต่ว่าความโลภไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งต้องทนอยู่ท่ามกลางสิ่งของที่จะสามารถบันดาลให้เขาเป็นเศรษฐีได้เพียงชั่วข้ามคืนแต่กลับไม่สามารถหยิบฉวยออกไปได้สักชิ้นนั้น เขายิ่งทรมานเสียยิ่งกว่าไม่ได้พบได้เห็นเสียอีก
ตลอด 3 วันที่ผ่านมาที่ต้องทนเก็บความโลภไว้และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักโบราณคดีใต้น้ำจากกรมศิลปฯ กำหนดพื้นที่ของแหล่งขุดค้นที่ชัดเจน อาณาเขตที่กรมศิลปฯ ประกาศเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ชาวบ้านลงงมโบราณวัตถุนั้นมีระยะทางเป็นรัศมีกว้างกว่า 2 ไมล์ แค่ 3 วันที่ผ่านมายังสำรวจได้ไม่ถึงเสี้ยว แต่แค่ดำสำรวจโดยรอบๆ ก็พบว่ามีซากวัตถุโบราณกระจายอยู่จนทั่ว
สิ่งของที่เหมือนวางล่อตาล่อใจโดยไม่มีใครเคลื่อนย้ายนอกจากทำบันทึกสำรวจ ถ้วยโถโอชามที่มีมากเป็นพันๆ ชิ้นนี้ หากขาดหายไปเพียงชิ้นสองชิ้นหรือว่าสิบชิ้นก็คงจะไม่มีใครสงสัยหรือติดใจแน่แล้วเขา.. จะช้าอยู่ไย หากโชคดีเขาอาจได้สิ่งของที่มีค่ามากกว่าที่เห็นก็ได้ ของโบราณที่ได้ยินพวกนักสำรวจพูดคุยกันว่าคงมีอายุประมาณสัก 700 ปี ในสมัยนั้น...
“สมัยสุโขทัย”
เวลาเดินทางจะมีอะไรใช้แลกเปลี่ยนสินค้าได้ดีไปกว่า “ทองคำ” เข้มเหมือนจะแสยะยิ้มทั้งที่ปากนั้นอมท่ออากาศไว้แน่น เขารู้ว่าตัวเองยิ้มเพราะอะไร เพราะวิมานในฝันขณะนี้สิ่งที่เขาเห็นก็คือตัวเองนั่งอยู่บนกองเงินกองทองที่มากมายเสียจน ตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นของจริงสักครั้ง แต่หลังจากวันนี้ไปเขาคงต้องปรับชีวิตของตัวเองให้ชินกับการเป็นเศรษฐีใหม่เสียที ดีกว่าต้องคอยแต่เป็นลูกมือนักสำรวจใต้น้ำเช่นนี้ หรือหากจะดียิ่งกว่าก็คือทำงานต่อไปเพราะว่าแหล่งสำรวจที่ลงบันทึกทั่วทั้งทะเลอ่าวไทยนั้นที่ยังตกสำรวจอยู่มากกว่า 100 จุด ถึงตอนนั้นเขาคงจะรวยไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว
ทว่า.. ความคิดของเข้มต้องหยุดลงเพราะเสียงบางอย่างที่แล่นเข้ามากระทบโสตประสาท เสียงร่ำไห้ คร่ำครวญของอะไรหรือใครบางคน เสียงที่ไม่มีทางจะสื่อผ่านเข้ามาได้ในสถานที่เย็นเยียบใต้น้ำลึกอย่างนี้ เสียงที่บ่งชี้ไม่ได้ว่าเป็นสัตว์ มนุษย์หรือว่าอมนุษย์ ขนกายทั่วตัวเหมือนจะลุกชันโดยพร้อมเพรียง แต่ก็เพียบแวบเดียวที่รู้สึก.. คนอย่างเจ้าเข้มเสียอย่างจะกลัวอะไรเล่า ถ้ากลัวคงไม่มา
ของเก่ามี “เจ้าของ” เรื่องนี้เขารู้ดีเพราะลูกน้ำเค็มอย่างเขาออกเรือไดหมึกเรือหาปลามาก็มาก เรื่องลี้ลับผิดธรรมชาติเขาเคยชินและรู้ดีว่ามีอยู่จริง และสิ่งที่มักจะติดตามกันมาก็คือ ของชิ้นไหนอาถรรพ์แรงเจ้าของหวง ของชิ้นนั้นยิ่งมีราคาอันประเมินค่าไม่ได้ ประสบการณ์นักโจรกรรมที่สั่งสมบ่งบอกมาอย่างนั้น
ร่างแกร่งกำยำสะบัดตีนเป็ดพาว่ายตรงไปยังจุดหมายไม่สนใจกับเสียงคร่ำครวญส่อให้ขนกายลุกชันที่ก็เพียงข่มขู่ให้กลัวเหมือนเช่นเหตุการณ์หลายๆ ครั้งที่เคยพานพบมา ทว่าพอเอาเข้าจริงก็ไม่เคยมีอมนุษย์ตนไหนทำอะไรเขาได้เพราะทุกครั้งที่ทำมาหากินแบบนี้ ก็ไม่เห็นจะมีวิญญาณหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ผี” นั้นจะทำอะไรเขาได้สักตัว ว่ากันว่า “คนชั่วแม้แต่ผียังกลัว” สงสัยว่าเขาจะจัดอยู่ในคนประเภทนั้นและของดีที่บรรพบุรุษมอบให้ “ตะกรุดภูติ” กันภูติผีและคุณไสยร้ายไม่ให้กล้ำกรายก็เป็นสิ่งที่เขาพกติดตัวอยู่เสมอ
เข้มดำดิ่งสู่จุดหมายพร้อมกับความกระหยิ่มในใจที่ทั้งท้องฟ้าและใต้ท้องทะเลนี้ดูเหมือนจะเป็นใจไปกับเขา สถานที่ที่แม้แต่ตอนกลางวันแสงอาทิตย์ยังสาดส่องลงไปได้ยาก ทว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าในคืนนี้กลับกลายเป็นลำแสงของจันทร์เดือนเพ็ญที่ลอดผ่านลงมาเป็นสายและไปหยุดอยู่ ณ บริเวณปีกซ้ายของลำเรือ
ลำแสงสิ้นสุดที่เห็นเหมือนมีอะไรบอกกับเขาว่า สิ่งที่รอคอยอยู่สุดปลายแสงนั้นต้องเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการเสี่ยงในวันนี้อย่างแน่นอน ไม่รอช้าเข้มเบนร่างไป ณ จุดนั้นทันที ทว่าสายเชือกที่ผูกโยงร่างกับลำเรือที่รอคอยอยู่เบื้องบนกลับเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาไปไม่ถึง แค่อึดใจเท่านั้นที่เขาคิด สิ่งเร้าตรงหน้ามีค่ามากกว่าที่จะทิ้งไป หากพลาดครั้งนี้เขาคงต้องรอคอยอีกนานจึงจะได้ลงมาอีกหน
เข้มไม่รอช้าค่อยๆ กระถดตัวจนฝ่าเท้าสัมผัสผืนทรายก่อนจะวางสปอร์ตไลท์ไว้แทบเท้าอย่างเบาที่สุด เพราะไม่ต้องการให้ฝุ่นทรายใต้น้ำมาบดบังสิ่งตรงหน้าไปมากกว่านี้ กระแสน้ำด้านใต้ที่พัดเอื่อยไม่รุนแรงทำให้ตัดสินใจเด็ดขาด มือค่อยๆ แกะเชือกบริเวณเอวและผูกไว้กับซากเรือที่พอจะจับยึดได้ แค่นี้ก็หมดปัญหาการจับทิศของเรือที่รอคอยเขาอยู่บนผืนน้ำและไม่ต้องกลัวว่ากระแสน้ำจะพัดพาร่างให้ลอยคว้างออกไปไกล
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"