เพราะถูกสามีเก่าทุบตีทำร้ายร่างกาย ‘เมลลี่ มัลเบิร์ต’ สาวจากเมืองทางใต้จึงทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วดิ้นรนมาตายเอาดาบหน้า เธอขนข้าวของขึ้นมาหางานทำทางภาคเหนือ ที่นี่...เธอได้งานแม่บ้านในไร่แห่งหนึ่ง หลายคนบอกว่า ‘คุณทรัค’ ชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นเจ้าของไร่วัยเพียง 25 นั้น ดุร้ายเหมือนเสือ แต่ทำไมกับเธอ...เขาถึงใจดีนัก ดี...จนน่าใจหาย แต่แล้ว...เขาก็แสดงธาตุแท้ออกมาไม่นานจากนั้นว่าสุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรจากชายที่เธอวิ่งหนีมาทั้งชีวิต
ไอ้หนุ่มมังกรดุ
บทที่ 1 เริ่มต้นชีวิตใหม่
“ฮึก...ฮึก”
ฉันสะอึกสะอื้นอยู่กลางสถานีขนส่งโคโลโดร่ารัฐทางใต้ในฮัทเทรียน่า ตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าจะเลิกกับ ‘เมิร์ล’ สามีคนนี้ ตลอดเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมามันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยนอกจากมีแต่จะยิ่งแย่ลง
“รถไปเอมาซอว์มาแล้วค่ะ เชิญผู้โดยสารที่มีตั๋วตั้งแถวคอยได้เลยนะคะ” เสียงประกาศของพนักงานชุดขาวในสถานีขนส่งเอ่ยดังขึ้น ฉันจึงรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วดีดตัวลุกขึ้น พร้อมกับลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ไปต่อคิวเพื่อขึ้นรถบัสไปเมืองที่อยู่เหนือสุดของแคว้น
ฉันจะไปตายเอาดาบหน้า...ดีกว่าจมปลักอยู่ที่โคลด์ เป็นไงก็เป็นกัน
รถบัสสองชั้นคันใหญ่จอดเทียบลานจอด ฉันก้าวขึ้นรถแล้วหาที่นั่งของตัวเอง
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ฉันพึมพำกับตัวเอง เอาหัวพิงเบาะ หันหน้าออกทางหน้าต่าง
ในไม่ช้ารถบัสก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีวิ่งไปตามถนนใหญ่ออกสู่ชนบทที่มีทุ่งนาแห้งๆ เมืองทางใต้ค่อนข้างร้อน ผิดกับทางเอมาซอว์หิมะจะตกตลอดปี อากาศเย็นสบาย ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
ฉันภาวนาขอกับพระผู้เป็นเจ้า
ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว
“ถึงแล้วเหรอคะ...” ฉันถามกับพนักงาน
“ใกล้แล้วค่ะ พี่จะลงที่ไหนคะ”
“ปลายทางเลยค่ะ”
“อ๋อ งั้นก็อีกสิบห้านาทีค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ ยืดตัวนั่งหลังตรง มองถนนนอกหน้าต่าง ทุกตารางนิ้วเป็นสีขาวโพลนไปหมดแม้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนแต่ที่เอมาซอว์จะมีหิมะตกทั้งปีหนักบ้าง ปรอยๆ บ้างแล้วแต่ช่วงเดือน
ดีจริงๆ
ในเวลาต่อมา บัสคันใหญ่ก็มาจอดที่สถานีหลักกลางเมือง ฉันต่อคิวลงไปรับกระเป๋าเดินทางใต้ท้องรถ รอพักหนึ่งก็ได้มาก่อนหาลู่ทางไปชานเมืองบนภูเขาเอลซอว์เอล ที่นั่นเขาประกาศรับสมัครเกษตรกรใน ‘ไร่องุ่นทรัคเกิลทรัค’ พอดี ฉันจะลองไปดู
“จะไปไหนครับคุณผู้หญิง” เสียงคนขับแท็กซี่ร้องเรียกขึ้น
“สวัสดีค่ะลุง หนูจะไปไร่องุ่นทรัคเกิลทรัคบนเขาเอลซอว์เอลค่ะ”
“โห ไกลเชียว ทางก็ขับยาก ลุงไม่ไปหรอก หาคันอื่นเถอะ” คนขับรถแท็กซี่สะบัดหน้าใส่ฉัน อะไรกัน
ฉันยืนงงอยู่สองสามวินาทีก็ตัดใจหาคันใหม่ แต่ก็ไม่มีคันไหนไปเลย ทำยังไงดีนะ...
จ๊อกๆ
จู่ๆ ท้องก็ร้อง จริงสิ... ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อเย็น ไปหาอะไรรองท้องหน่อยดีกว่า
คิดได้ดังนั้น ก็หาร้านอาหารเล็กๆ ริมถนนนั่งกินมือเช้าไปพลางๆ ระหว่างคิดว่าจะจัดการกับปัญหาการเดินทางอย่างไรดี ในเมื่อรถแท็กซี่ไม่ไปก็ต้องหารถโดยสารอย่างอื่นไปแทน
“น้องจ๊ะ...” ฉันรั้งแม่ค้าที่เอาก๋วยเตี๋ยวไก่มาเสิร์ฟไว้
“คะพี่ ?”
“พี่จะไปไร่องุ่นทรัคเกิลทรัคบนเขาเอลซอว์เอลน่ะค่ะ จะหารถอะไรไปได้บ้าง ถามแท็กซี่กี่คันๆ ก็ไม่มีใครไปเลย”
“โอ้...” แม่ค้าสาวถึงกับร้อง “รถแท็กซี่ที่นี่ไม่มีใครไปหรอกค่ะ ที่นั่นถนนขับยาก หิมะก็ตกหนักด้วย ถ้าจะไปจริงๆ ก็ต้องจ้างกระบะไปต่างหาก”
“ตายจริง” ฉันเป็นกังวล ยกมือทาบอก “ค่าจ้างคงแพงน่าดู”
“ใช่ค่ะ”
“แล้ว...เอ่อ พี่จะไปหารถกระบะรับจ้างได้ที่ไหน”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไก่ตอบ “แต่หนูว่าพี่ขึ้นรถเมล์โดยสารจากขนส่งไปลงตีนเขาจะง่ายกว่านะคะ แล้วค่อยจ้างรถแถวนั้นขึ้นไปจะสะดวกกว่ามาก”
“อ้าว มีด้วยเหรอ” ฉันร้องอุทาน
“มีค่ะ”
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่กินเสร็จจะรีบไปขึ้นเลย”
“แต่หนูรู้สึกว่ารถมันจะออกสามสี่ชั่วโมงคันหนึ่งนะคะ รอบแรกตอนเจ็ดโมงเช้า รอบที่ต่อไปน่าจะสิบหรือสิบเอ็ดโมงนู่นเลย”
“เหรอ” ฉันก้มดูนาฬิกา นี่เจ็ดโมงครึ่งคันแรกเพิ่งออกไป แต่ไม่เป็นไรฉันรอได้ “โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่จะไปนั่งรอที่ขนส่ง”
“ค่า”
“ขอบคุณนะ”
“ยินดีค่ะพี่ ต้องรับสู่รัฐเอมาซอว์นะคะ” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวยิ้มหวานก่อนหมุนตัวเดินไปรับลูกค้าที่เดินเข้ามาซื้อ
ฉันลงมือกินเรื่อยๆ มีเวลาอีกถม ไม่ต้องรีบ...
###
11.00 น.
รถมินิบัสคันกลางเก่ากลางใหม่มาจอดเทียบทางขึ้น ฉันรีบกระโดดไปบนรถแล้วหาที่นั่ง โชคดีที่มาคอยก่อนไม่อย่างนั้นต้องยืนไปแน่ คนโดยสารเยอะจริงๆ จอดรับผู้โดยสารสักสิบนาทีตัวรถก็เคลื่อนออกไปตามถนน
ช่วงแรกรถในตัวเมืองเอมาซอว์ค่อนข้างหนาแน่น ผู้คนขวักไขว่ ตึกรามบ้านช่องขึ้นเรียงรายติดๆ กัน แต่หลังจากนั้นก็เป็นทุ่งนากว้างๆ เต็มไปด้วยสนสูงชะลูด มีหิมะปกคลุมขาวโพลน อากาศเย็นบาดผิวเนื้อ ดีที่ค้นเอาแจ็กเกตตัวใหญ่ออกมาคอยท่าไม่งั้นคงได้หยิบลำบากและต้องทนหนาวไปตลอดทางแน่
“หวัดดีค่ะ” อยู่ๆ เด็กผู้หญิงวัยสิบขวบที่นั่งข้างๆ ฉันก็ร้องเรียกขึ้น
“หวัดดีจ้ะ” ฉันยิ้มให้แม่หนูน้อยที่นั่งอยู่บนตักแม่
“คุณจะไปไหนคะ” เด็กหญิงถามเสียงแจ้ว
“ไร่องุ่นบนเขาเอลซอว์เอลจ้ะ”
“จริงเหรอคะ แม่หนูก็ไป” เด็กหญิงพยักพเยิดไปที่มารดา ฉันเงยหน้ามองเด็กสาววัยไม่เกินสามสิบปีผู้เป็นแม่ของหนูน้อยเชิงคำถาม
“ใช่ค่ะ พวกเรากำลังจะไปที่นั่น”
###
#Yaoi ชีวิตเขาตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้นักโทษแหกคุกในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นทางสายกลาง ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับความต้องการของหัวใจ จะรักก็ไม่ได้...จะเกลียดก็ไม่ลง ใช่...มังกรไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเลว เป็นนักโทษ เป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนคนดีๆ กับโจรย่อมอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องกักเก็บความรักที่เขามีต่อมังกรเอาไว้ภายใน โดยที่เขาไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาให้มังกรเห็นได้เลย รักของเขากับมังกรมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะทำหรือใช้วิธีไหนก็ตาม !
ดวงใจในไอรัก...เป็นเรื่องราวของ ‘บรูซ’ และ ‘คิมซอนมิน’ สองศิลปินชื่อดังจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ พวกเขาเจอกันเพราะงานภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน วินาทีแรกที่สองหนุ่มสบตาทั้งคู่ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกเขาตกหลุมรักกัน ซึ่งมันเป็นความรักต้องห้ามที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ ทั้งสองจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซ้ำยังปัญหาร้อยแปดประการที่โถมใส่พวกเขาจนยากที่จะหาทางออก มาร่วมกันค้นหาบทสรุปของบรูซและคิมซอนมินกันนะครับ “ผะ...ผมทำให้ชีวิตคุณ ขะ...เขวหรือเปล่า” “ทะ...ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?” ซอนมินตกใจ หันขวับมาจ้อง “อะ...อนาคตคุณกำลังจะไปได้สวย ตะ...แต่พอเราเจอกันทุกอย่างก็วูบดับลง” “บะ...บรูซ !!!” “...” “คะ...คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้เลย !” “ฮะ...ฮึก...” บรูซสะอึกสะอื้น “คุณเองก็ยังยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอ ?” “ชะ...ใช่ครับ ตะ...แต่มันต่างกัน ผะ...ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่สามขวบ ผิดกับคุณ...ที่เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาได้ไม่กี่ปี คะ...คุณไม่เสียดายหรือไง !” ซอนมินจอดรถตรงข้างทาง ตะโกนก้องด้วยความเจ็บช้ำ “ทะ...ทำไมคุณถึงดูถูกความรู้สึกผมขนาดนี้ !!!” “ฮือออออ...” ที่สุดแล้วนักแสดงหนุ่มก็ร้องไห้โฮ ละล่ำละลักอย่างหมดอาย “ผะ...ผมกลัว กะ...กลัวจะเสียคุณไปไง !”
เป็นเรื่องราวดราม่าในครัวเรือน เน้นความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ยังมีกลิ่นอายความรักของหนุ่มสาวที่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องไว้ด้วย ตามสไตล์หนังฝรั่ง --- ฟาร่า เตฮะราน นักร้องสาวสวยชื่อดัง เชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด กลับมาบ้านเกิดปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเธอเคยทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงกับอดีตคนรักเก่าเพื่อแลกกับการเดินตามความฝัน... วันนี้...เธอจึงกลับมาแก้ไขเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร...เธอจะยอมรับมันให้ได้ ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่คิดทำอะไรเลย “ยะ...อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะคะ ---” “…” “ฉะ...ฉันกลับมาเพื่อขอโทษคุณ และฉันมา...เพื่อขอโอกาส จะ...จากคุณอีกครั้ง” เธอกลืนลมหายใจสะท้าน รอคอยคำตอบจากเขาแม้เพียงสักนิด “...” ทว่าเขาก็ยังเงียบสนิท ไม่ปริปากใดๆ “คะ...คุณจะให้อภัยฉันได้ไหม ?” “ฮึ ! ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปเสียเถอะ” เสียงทุ้มเย็นชากล่าวขึ้นในท้ายที่สุด “กลับไป...แล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยทำมาตลอด” “ฉะ...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น กะ...กว่าฉันจะตามหาคุณเจอต้องใช้เวลาเกือบสองปี !” ดัรวีชทำสีหน้าเจ็บปวด “คะ...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นะ...ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ทะ...ที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง ยะ...อย่างไม่ไยดี ละ...แล้วตอนนี้คุณจะมาเอาอะไรอีกไม่ทราบ ฮะ คุณนักร้องฮอลลีวู้ด ?!!!” ฉันเหมือนโดนมีดกรีดแล่ไปในเนื้อหัวใจ ปวดร้าวทุรนทุราย “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว ฉะ...ฉัน ฉันรู้สึกผิดและละอายแก่ใจจริงๆ กะ...กับทุกสิ่งที่ทำกับคุณเอาไว้ คะ...คุณ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม” เธอร้องไห้ระงม ระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมา “เฮอะ ! ช่างน่าขันสิ้นดี คุณทำกับผมเอาไว้เจ็บแสบมาก...คุณฟาร่า แล้วอยู่ๆ คุณคิดเหรอว่ากับการที่คุณแค่มาขอโทษผมง่ายๆ แบบนี้มันจะทำให้ผมยกโทษให้คุณได้ ตลกนัก...ฮะๆ” เขาหัวเราะหยัน “ความรู้สึกคนนะครับไม่ใช่แผ่นกระดาษที่หน้าขาดแล้วคุณจะใช้สกอตเทปแปะติดคืนกลับไปใหม่ได้ !!!” “…” “มันสายไปแล้วละครับ ทุกอย่าง...มันสูญสิ้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ไอ้เด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นที่คิดว่าความรักสวยงามก็ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเช่นกัน !” “…” “อย่ามายุ่งกับผมอีก เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่า...ผมเกลียดคุณ --- คุณฟาร่า เตฮะราน !!!” เรื่องราวของพวกเขาสองคนจะเป็นยังไงต่อไป จะดำเนินไปในทิศทางไหน อุปสรรคและปัญหาที่มาในรูปแบบต่างๆ กันก็ถาโถมโจมตีมาทดสอบไม่จบสิ้น ฟาร่าจะหาทางออกได้ไหม แล้วจะเอาชนะใจ ‘ดัรวีช’ ได้หรือเปล่า ต้องติดตามได้ในเล่มครับ ###
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"