เฟอร์นัลโด เวลัสโค หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ ชายหนุ่มเป็นเพลบอยนักรักชื่อก้อง แต่แล้วพญามัจจุราชดันมากระชากขาของเขาให้ตกลงไปในขุมนรก เมื่อจู่ๆ เขากลับกลายเป็นพ่อของเด็กชายคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เขาดันด้นข้ามขอบฟ้าบินไปเมืองไทยเพื่อจัดการกับผู้หญิงแพศยาที่บังอาจทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องมามัวหมอง แต่ครั้นได้สบตาแม่กวางสาว หัวใจหนุ่มกลับสั่นไหวรุนแรงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับหญิงใดมาก่อน แล้วแบบนี้เขาจะจัดการกับหล่อนยังไงดีล่ะ ให้ตำรวจลากหล่อนเข้าคุก หรือว่าจับแม่คนสวยโยนขึ้นเตียงดี?! เฟอร์นัลโด เวลัสโค หนุ่มหล่อเพลบอยผู้เพียบพร้อม ชีวิตของเขาเสมือนอยู่บนสรรค์ แค่เพียงกระดิกนิ้วเท่านั้น สิ่งที่ต้องการก็ลอยมากองอยู่แทบฝ่าเท้า แต่แล้วจู่ๆ สวรรค์ก็พลิกกลับด้านกลายเป็นนรกอเจเวจี เมื่อข่าวลือหนาหูดังกระฉ่อนปิดกันให้แซ่ดว่าผู้ชายหล่อเร้าเป้าเลิศอย่างเขาแอบซุกลูกเอาไว้ที่เมืองไทย เอาละซิ งานนี้ไม่หมู่ก็จ่าแน่ๆ เขาต้องรีบบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปลากแม่สาวตัวต้นเรืองเข้าซังเตเสียให้เข็ดหลาบ จะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับใครอีก แต่ให้ตายเถอะ... เพียงแค่สบตากับแม่กวางสาวเท่านั้น เลือดหนุ่มในกายก็พลันเดือดพล่าน ความต้องการเฉกเช่นบุรุษนักรักอบอวลจนถึงขั้นมึนเมา จากที่เคยอยากจะลากแม่สิบแปดมงกุฎเข้าซังเต ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจอยากลากขึ้นเตียงมากกว่า?! “ฉันยอมแล้ว...” “ยอมอะไร... ยอมให้ฉันทำเหมือนเดิมใช่ไหม” ปากร้อนจัดของเฟอร์นัลโดกดนาบลงกับผิวนุ่มที่ซอกคอระหง พร้อมกับดูดแรงๆ จนเกิดรอยแดงช้ำแห่งใหม่ “อา...” ณัชชาอรเผลอตัวครางเบาๆ ก่อนจะรีบเรียกสติคืนมา “ฉันหมายถึง... ยอมเล่าทุกอย่าง...” เฟอร์นัลโดหัวเราะหึหึในลำคอ และยอมที่จะปล่อยให้ร่างเล็กลุกขึ้นนั่ง “เล่ามาสิ ก่อนที่ฉัน... จะรอไม่ไหว” นัยน์ตาสีสนิมเป็นประกายวาววับ ณัชชาอรรีบหลบสายตา และก็รีบฉวยโอกาสลุกขึ้นหนีไปยืนอยู่ห่างๆ เฟอร์นัลโดหัวเราะขบขัน “ถ้าฉันต้องการ เธอคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือ” “คุณ... ไม่มีทางต้องการฉันหรอกค่ะ ฉันก็แค่...” คนตัวเล็กน้ำตาซึม ก่อนจะรีบกะพริบไล่มันให้กลับไปด้านใน “สิบแปดมงกุฎ คนโกหกหลอกลวง และน่ารังเกียจ” “ใช่... ถูกต้อง...”
ปุยนุ่นสีขาวสะท้อนแสงแดดที่ลอยอยู่นอกหน้าต่างเครื่องบินเป็นภาพที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับมหาเศรษฐีชื่อก้องโลกอย่าง เฟอร์นัลโด เวลัสโค เพราะด้วยอาชีพและธุรกิจมากมายที่ล้นมือทำให้เขาต้องเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลเดือนละหลายๆ ครั้ง จนบางครั้งเขาก็อยากจะวางมือและเดินทางไปหาที่สงบๆ พักผ่อนหย่อนกายบ้าง
แต่กลับไม่มีโอกาสนั้นสำหรับเขาเลยให้ตายสิ!
“ผมขอร้องล่ะพี่ฟรานซ์ ช่วยไปดูแลงานที่เมืองไทยให้ผมหน่อยนะครับ ตอนนี้กำลังมีปัญหาหนัก และผมก็ไม่สามารถปลีกตัวไปจัดการเองได้ด้วย”
คำพูดวิงวอนของอาลันโด เวลัสโคผู้เป็นน้องชายดังผ่านสายโทรศัพท์และกระเด็นมาเข้าหูของเขาในตอนกลางคืนของเมื่อวานซืนที่ผ่านมายังติดแน่นอยู่ในสมอง
“นายว่าอะไรนะ อาลัน?”
“งานของผมที่เมืองไทยกำลังมีปัญหา และผมก็ไม่สามารถปลีกตัวไปจัดการกับปัญหานี้เองได้ ผมจึงอยากรบกวนพี่ฟรานซ์...”
ทุกคำพูดของอาลันโดค่อยๆ ดังเข้ามาในหู และสมองที่ถูกเรียกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกก็กำลังแปรความหมายทีละพยางค์
“นายคงไม่ได้หมายความว่าจะให้พี่ไปที่เมืองไทย ไปจัดการกับปัญหาของนายหรอกใช่ไหม อาลันโด”
ใช่... เขาคาดหวังแบบนั้น แต่แล้วก็...
“ผม... รบกวนพี่ฟรานซ์บินไปเมืองไทย และจัดการปัญหาแทนผมด้วยครับ”
เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะในยามค่ำคืน เฟอร์นัลโดที่เปลือยเปล่าไปทั้งตัวแทบจะทรุดตกลงมาจากเตียงนอน
“ให้พี่บินไปเมืองไทย?”
“ครับ ผมมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ พี่ฟรานซ์ช่วยผมหน่อยนะครับ”
เฟอร์นัลโดแค่นยิ้มหยัน พลางก้าวลงจากเตียง มือหนาสีแทนกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบประเทศแถบเอเชียเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมืองไทย”
“ผมรู้ครับ แต่ว่าผมมองไม่เห็นใครที่จะช่วยผมได้เลยนอกจาก... พี่ฟรานซ์”
“เจ้าคริส เจ้ามาร์ค หรือว่าพี่บิลก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่พี่”
“โธ่ พี่ฟรานซ์ ผมขอร้องทุกคนแล้วครับ แต่ไม่มีใครว่างเลย พี่คริสติดช่วยคุณดาหลาเลี้ยงลูก ส่วนพี่มาร์คก็กำลังมีปัญหาที่บริษัทเหมือนกันเลยไปไม่ได้”
“แล้วพี่บิลล่ะ พี่บิลเก่งฉลาด และแน่นอนว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้อยู่แล้ว”
เฟอร์นัลโดมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ช้าก็ถูกคำพูดของอาลันโดทำลายจนพินาศยับเยิน
“พี่บิลต้องบินไปที่รัสเซียครับ ต้องไปเป็นประธานเปิดตัวสาขาใหม่ที่นั่น”
“ทุกคนยุ่งหมด?”
เฟอร์นัลโดทวนคำเยาะหยันไม่อยากเชื่อในลำคอ
“ใช่ครับ ผมถึงต้องมาขอร้องพี่ฟรานซ์ยังไงล่ะครับ ผมมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ ครับ”
หลังจากผ่านความเงียบงันไปนานหลายอึดใจ เฟอร์นัลโดก็เค้นเสียงเครียดถามน้องชายออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ซ่อนเร้นไม่ได้
“แล้วทำไมนายไม่ไปเอง”
“ผมก็อยากไปเองนะครับพี่ฟรานซ์แต่ว่า... พี่ก็รู้นี่ว่าผมกำลังฮันนีมูนอยู่กับแสนรัก ผมไม่อยากทำให้เธอเสียความรู้สึก”
“นี่นายเห็นแก่เมียมากกว่างานอย่างนั้นหรือ”
เฟอร์นัลโดถามออกไปเสียงเหลือเชื่อ ก่อนที่อาลันโดจะหัวเราะขบขันระคนขัดเขิน
“ก็ผมรักแสนรักมากนี่ครับ ก็เลย...”
“บอกแล้วว่าผู้หญิงน่ะทำให้สมองของผู้ชายทำงานน้อยลง และทั้งนายและเจ้าคริสก็ทำให้พี่เห็นแล้วว่าควรอยู่ห่างจากสตรี”
เสียงของเฟอร์นัลโดเต็มไปด้วยความสยดสยอง
“แหม พี่ฟรานซ์ก็พูดเกินไปครับ”
“พี่ไม่ได้พูดเกินไปหรอก แต่มันคือเรื่องจริง แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องมารบกวนพี่อีก ทั้งๆ ที่พี่ไม่ชอบเมืองไทยเอาเสียเลย”
“ผมขอโทษครับพี่ฟรานซ์ แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ”
อาลันโดขอโทษขอโพยมาตามสาย เห็นใจพี่ชายไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าเฟอร์นัลโดไม่ชอบประเทศแถบๆ เอเชียนัก เนื่องจากในอดีตเคยถูกผู้หญิงไทยมาแบล็คเมย์บอกว่าท้องด้วย แม้จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ แต่กระนั้นก็ทำให้พี่ชายของเขาเข็ดขยาดมาถึงทุกวันนี้
“เอาอย่างนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะหาผู้หญิงให้สักคน ในระหว่างที่พี่ฟรานซ์อยู่ที่เมืองไทย พี่จะได้ไม่เหงายังไงล่ะครับ”
“ไม่เอา อย่าเด็ดขาดเชียว พี่ไม่ชอบผู้หญิงไทย”
“ผมรู้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นแบบที่พี่ฟรานซ์เคยเจอหรอกครับ ดูอย่างแสนรักสิครับ เธอเป็นคนดี และใจดีมากๆ”
แม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชายในกรณีของแสนรัก แต่เฟอร์นัลโดก็อดที่จะเบ้ปากด้วยความเยาะหยันไม่ได้
“ก็มีแค่คุณแสนรักคนเดียวเท่านั้นแหละมั้งที่เป็นคนดี เอาล่ะ นายไม่ต้องพูดมากแล้ว เอาเป็นว่าพี่จะไปจัดการปัญหาให้ แต่...”
“แต่อะไรครับ”
“แต่พี่จะอยู่เมืองไทยแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ต่อจากนั้นถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก นายจะต้องเป็นคนมาจัดการเอง โอเคไหม”
อาลันโดยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ
“ได้ครับพี่ฟรานซ์ และก็ขอบคุณมากครับ”
“น้ำเสียงนายนี่ยินดีราวกับได้แก้วได้แหวนเลยนะเจ้าอาลันโด”
เฟอร์นัลโดประชดประชันน้องชายของตัวเองอย่างหมั่นไส้ยิ่งนัก
“ผมก็ต้องดีใจสิครับ ได้ฮันนีมูนต่อกับแสนรักทั้งที”
“นายดีใจ แต่พี่กำลังทุกข์ใจ”
อาลันโดได้ยินคำพูดของพี่ชายก็อดที่จะปลอบใจไม่ได้
“ผมคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์แบบเมื่อสามปีก่อนเกิดขึ้นอีกหรอกครับ”
“แน่นอน เพราะพี่จะไม่เผลอไปนอนกับใครที่เมืองไทยอีก”
น้ำเสียงของเฟอร์นัลโดหนักแน่น
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่จะนอนต่อ นายก็ไปสวีตกับเมียเถอะ”
เมื่อเห็นพี่ชายจะวางสาย อาลันโดก็รีบเรียกเอาไว้ทันที
“เดี๋ยวครับพี่ฟรานซ์”
“มีอะไรอีกล่ะอาลัน”
น้ำเสียงของเฟอร์นัลโดเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“คือผมแค่จะบอกว่า เลขาฯ ของผมจัดการจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้ให้กับพี่ฟรานซ์แล้วครับ พี่ฟรานซ์แค่พาตัวเองนั่งเครื่องไปเมืองไทยก็พอ”
“พี่หวังว่าคงไม่ใช่ภายในอาทิตย์นี้ใช่ไหมที่พี่ต้องไปเมืองไทย”
เสียงของอาลันโดหัวเราะเบาๆ มาตามสาย ก่อนที่คำตอบของเขาจะทำให้เฟอร์นัลโดแทบทรุดลงกองกับพื้นห้อง
“พรุ่งนี้ครับ”
“พรุ่งนี้?”
“ครับพี่ฟรานซ์ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสามโมงเย็น เหลือเวลาอีกตั้งสิบห้าสิบหกชั่วโมง เตรียมตัวทันอยู่แล้วล่ะครับ”
“พี่ไม่ได้นึกถึงเรื่องเตรียมตัว แต่ที่พี่สงสัยก็คือทำไมมันเร็วนักวะเจ้าอาลัน”
คนถามเค้นเสียงหงุดหงิด และก็อดกระแทกลมหายใจออกมาไม่ได้
“นายกำลังทำให้พี่อึดอัดมาก”
“ผมขอโทษครับพี่ฟรานซ์ แต่มันจำเป็นจริงๆ ครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เล็กๆ ผมถึงต้องรีบให้พี่ฟรานซ์บินด่วนไปจัดการยังไงล่ะครับ เพราะถ้าช้าไปอาจจะไม่ทันการ”
เฟอร์นัลโดไม่มีอะไรจะพูดอีกนอกจาก ถอนใจออกมาอย่างปวดกบาล
“โอเค พี่เข้าใจแล้ว และขอตัวไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเตรียมตัวบินไปเมืองไทยไม่ทัน”
อาลันโดรู้ดีว่าพี่ชายประชดประชันแต่ก็อดทำเป็นไม่สนใจ
“ครับพี่ฟรานซ์ ฝันดีนะครับ และก็ขอบคุณมาก”
“นายยังคิดว่าพี่จะยังฝันดีได้อีกหรือ อาลัน”
คำถามยอกย้อนของพี่ชายทำให้อาลันโดหัวเราะแห้งๆ ออกมา ก่อนที่เขาจะรีบวางสายไป ในขณะที่เฟอร์นัลโดหมุนตัวเดินกลับมาที่เตียงนอน สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเครียดขรึมเย็นชา
“นี่เราต้องกลับไปที่นั่นอีกจริงๆ หรือ”
เขาได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นหลายต่อหลายครั้ง และคำตอบที่ได้ก็คือเขาต้องไป ต้องเดินทางกลับไปยังเมืองไทยอย่างไม่มีทางเลือก
และนี่ไงคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาต้องจำใจนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยแบบนี้ ต้องมาทั้งๆ ที่เกลียดยิ่งนัก เฟอร์นัลโดถอนใจออกมาหลายครั้งติด จากนั้นเขาก็เลือกที่จะละสายตาจากก้อนเมฆสีขาว และปิดเปลือกตาลงช้าๆ เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าด้วยความเข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย