เขาคือซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของแดนกิมจิ ส่วนเธอเป็นแค่ไกด์สาวชาวไทยคนหนึ่ง ดวงชะตานำพาให้เขาได้พบเธอ และเกิดความประทับใจไม่รู้ลืม สามปีผ่านไปเขาได้พบเธอใหม่อีกครั้ง เขาจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเรียกร้องหาแต่เธอ
เขาคือซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของแดนกิมจิ ส่วนเธอเป็นแค่ไกด์สาวชาวไทยคนหนึ่ง ดวงชะตานำพาให้เขาได้พบเธอ และเกิดความประทับใจไม่รู้ลืม สามปีผ่านไปเขาได้พบเธอใหม่อีกครั้ง เขาจะทำอย่างไร เมื่อหัวใจเรียกร้องหาแต่เธอ
บทที่ 1 เปลี่ยนตัว
พิษนุกวาดสายตามองพนักงานบางส่วนที่ยังไม่ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ ดวงตาหวานฉ่ำคู่นั้นหยุดนิ่งที่หญิงสาวคนหนึ่งที่สบตามาทางเขาพอดี ส่งยิ้มบางเบาแทบมองไม่เห็นผิดกับแววตาให้เธอ
“แยมไม่เข้ามาเหรอวันนี้”
นนทิยาหลุบสายตาลงต่ำเมื่อได้ยินคำถามของเจ้านายหนุ่มรูปหล่อ ไม่ยอมตอบคำถามของเขา
วาสนามองไกด์สาวรุ่นน้องที่ทำเป็นไม่สนใจเจ้านายและตอบคำถามแทน “เธอโทรมาบอกว่าไม่เข้าเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย เย็นนี้จะตรงไปที่สนามบินเลยค่ะ”
“พี่จัดการเรื่องเอกสารลูกค้าให้เรียบร้อยด้วยนะ” พิษนุพยักหน้ารับ กล่าวย้ำกับไกด์อาวุโสสุดของบริษัท แล้วหมุนตัวกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
“คุณเต้จะไปไหนหรือคะ” นนทิยารีบตั้งคำถามด้วยความลืมตัวเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังจะออกไปทั้งที่เพิ่งเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่า” พิษนุตั้งคำถาม ฉีกยิ้มรอฟังคำตอบ “ถ้ามีงานให้ผมจัดการก็บอกได้นะ ผมจะทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไป.. พี่หนา”
“พี่ไม่มีค่ะ” เห็นเจ้านายเลิกคิ้วเป็นคำถาม วาสนาจึงรีบส่ายหน้าเล็กน้อยกล่าวปฏิเสธ
“ก้อย..”
“ไม่มีค่ะ”
“คนอื่นมีไหม” พิษนุกวาดสายตาหวานฉ่ำมองทุกคนในสำนักงาน เมื่อไม่เห็นมีใครท้วงติงจึงเดินออกไป
“แกจะบ้าหรือไงก้อย ไปถามเจ้านายแบบนั้นได้ยังไง” วาสนาเอ็ดเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทันทีที่พ้นสายตาเจ้านายไปแล้ว
“ก้อยลืมตัวนี่ป้า”
วาสนาหรือที่ไกด์รุ่นน้องต่างยกย่องเรียกว่าป้าหนาบ้าง พี่หนาบ้างแล้วแต่อารมณ์ มองนนทิยาด้วยสายตาพิจารณาเงียบๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ
“พี่ว่าเจ้านายเราคงรีบไปดูอาการแฟนสาวคนสวยของเขากระมัง” ในบริษัทแห่งนี้ใครก็รู้ว่าเจ้าของบริษัทสบายทราเวลเป็นแฟนกับไกด์สาวคนสวยนามว่าดาวลดาหรือที่ทุกคนเรียกสั้นๆ ว่าแยม ไกด์สาวมากความสามารถพูดได้ถึงห้าภาษา
“ป้าหนาคะ ทัวร์ญี่ปุ่นรอบนี้ป้ากับพี่แยมดูแลใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่ใช่ป้านะ เป็นพี่ก้อยกับพี่แยมต่างหาก” วาสนาปฏิเสธ เพราะถ้าพูดกันตามจริงแล้วเธอมีหน้าที่แค่กระจายงานให้ไกด์หนุ่มสาวทั้งหลายเท่านั้นเนื่องจากอาวุโสที่สุดจึงได้เป็นหัวหน้าไกด์ที่ประจำอยู่ในบริษัทเป็นหลัก จะเป็นตัวเสริมยามที่ขาดคนจริง ๆ เท่านั้น “ดูผิดหรือเปล่าน้องหนู ป้าคงไม่เบลอจนใส่ชื่อตัวเองเพราะอยากไปหรอกนะ” วาสนาพูดติดตลก
“คุณเต้เขาเปลี่ยนให้ป้าไปแทนก้อยค่ะ แล้วให้ก้อยเป็นหัวหน้าไกด์ดูแลลูกทัวร์ไทยที่ไปสัมมนาที่เกาะช้างแทน” นนทิยารีบอธิบายแทนพนักงานฝ่ายการเงินที่คงไม่รู้เรื่องอะไร “เขาบอกว่าจะเรียกป้าไปคุยนี่คะ”
“ป้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย” วาสนาแปลกใจว่าทำไมพิษนุไม่ให้ตนซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าดูแลลูกทัวร์ไทยกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้น.. หรืออย่างน้อยเขาก็น่าจะเลือกให้ดาวลดาอยู่มากกว่า เพราะประสบการณ์การทำงานและความสามารถของเธอดีกว่าหญิงสาวคนนี้มาก
“คุณเต้อาจจะบอกกับแยมไว้แล้วก็ได้”
“สงสัยไอ้เจ้าแยมลืมบอกพี่..” วาสนารำพัน แววตามีแววลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“พี่แยมไม่ค่อยสบายไม่ใช่เหรอป้า เธออาจะเบลอก็ได้” พนักงานสาวโต้แย้ง วางเอกสารของลูกทัวร์ทั้งหมดลงบนโต๊ะทำงานของวาสนา “รายละเอียดทั้งหมดของทัวร์กับเงินสำรองค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ” วาสนาหยิบตารางเวลามาอ่าน ตั้งแต่เวลานัดหมายที่สนามบินสุวรรณภูมิไปจนถึงรายละเอียดการนัดหมายกับรถบัสและไกด์ ที่ต้องร่วมงานด้วยทางประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วยเอกสารอื่น ๆ จนครบและเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่ของตน “อีกสองชั่วโมงป้าจะกลับแล้วนะ ใครอยากฝากซื้ออะไรที่ญี่ปุ่นบ้างก็รีบฝากพร้อมเงินนะจ๊ะ ไม่รับฝากทางโทรศัพท์และปากเปล่า เพราะป้าไม่มีเงินสำรองจ่าย” สาวใหญ่หัวเราะตบท้ายก่อนเริ่มต้นงานเอกสารที่ทำค้างไว้
ประมาณสิบห้านาทีวาสนาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นไกด์สาวรุ่นน้องทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก หลังจากรับโทรศัพท์ของเจ้านาย
“ไปไหนก้อย”
“คุณเต้โทรให้ก้อยเอาเอกสารไปส่งให้บริษัทลูกค้าจ้ะป้า” นนทิยาตอบขณะหยิบเอกสารใส่กระเป๋า “ก้อยไปก่อนนะคะป้า”
“จ้ะ” วาสนาพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง แต่ในใจนั้นเกิดความสงสัยมากมาย..
นนทิยาเหลียวมองกลับหลังเข้าไปในสำนักงาน เห็นวาสนาให้ความสนใจกับงานบนโต๊ะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเดินเร็วๆ ตรงไปที่รถ.. ตอนที่โกหกว่าเอาเอกสารไปให้ลูกค้าดู เธอนึกว่าฝ่ายนั้นจะสงสัยซะแล้ว เพราะงานแบบนี้ไม่ใช่หน้าที่ของไกด์อย่างตน...
ดาวลดาฉีกยิ้มกว้าง โบกมือเล็กน้อยให้คนรักที่เดินเข้ามาในร้านขายข้าวแกงของครอบครัวเธอ ซึ่งในที่นี้หมายถึงป้าดวงดาวและป้าดวงเดือนพี่สาวฝาแฝดของบิดาซึ่งครองตัวเป็นโสดด้วยกันทั้งคู่ สาเหตุที่ต้องเป็นโสดก็อาจจะมาจากเธอกับพี่สาว ที่ท่านทั้งสองต้องช่วยกันเลี้ยง เนื่องจากมารดาเสียชีวิตตั้งแต่ผ่าตัดเอาเธอออกจากท้องได้ไม่ถึงชั่วโมงจากอุบัติเหตุรถชน
เธอจึงกลายเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดถึงสองเดือนและต้องอยู่ในตู้อบอีกเป็นเดือน ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าถึงทำให้เธอกลายเป็นเด็กฉลาด ไอคิวสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ในความฉลาดก็มักจะแฝงด้วยความบกพร่อง นั่นก็คือความขี้ลืม ถึงจะฉลาดแต่ก็ต้องกระตุ้นอยู่เสมอ ไม่งั้นมันจะถูกฝังลึกอยู่ในสมองทันที หรือไม่ก็ต้องใช้เวลานึกนานสักหน่อย.. ซึ่งป้าทั้งสองชอบพูดอยู่เสมอ
“ทานอะไรดีคะคุณลูกค้าสุดหล่อ” ล้อคนรักที่เดินเข้ามาใกล้
“จะมาหักเงินคนอู้งาน ไอ้เราก็นึกว่าป่วยจริง พอรู้ข่าวก็รีบบึ่งรถมาดู ที่แท้ก็หลอกให้เราเป็นห่วง” พิษนุแกล้งทำหน้านิ่วขณะพูดกับคนรัก “พี่ขอไปไหว้ป้าก่อนนะ” เขาบอกกับเธอเมื่อเห็นป้าฝาแฝดคนหนึ่งของคนรักคิดเงินลูกค้าเสร็จแล้ว ส่วนอีกคนคงจะเป็นแม่ครัวใหญ่ควบคุมลูกจ้างทำอาหารอยู่ในครัวหลังร้าน
“ค่ะ เดี๋ยวแยมไปเก็บเงินโต๊ะนั้นก่อน แล้วเราค่อยมาทานข้าวด้วยกันนะคะ” เธอบอกคนรักเมื่อเห็นลูกค้าโต๊ะหนึ่งยกมือเรียกให้เก็บเงิน
ถึงแม้ร้านของป้าเธอจะเป็นแค่ร้านขายข้าวแกง แต่ก็เป็นร้านที่มีทำเลดีมากจึงทำให้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย และเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ถึงสามสิบโต๊ะ นอกจากข้าวแกงแล้วยังมีขนมหวานและขนมประเภทของฝากอีกหลายอย่าง
"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด