เขากับเธอถูกจับคลุมถุงชนหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็กๆ
เขากับเธอถูกจับคลุมถุงชนหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็กๆ
ซีรีส์แซ่บสยิว
เล่ม 1 แซ่บสยิว
อาชวิน อาจารย์หนุ่มวัย 37 กำลังเดินไปตามอาคารของตึกเรียนโดยมีลูกศิษย์สาวๆ ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
เขาเป็นอาจารย์หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำมหาวิทยาลัย มีสาวๆ ทอดสะพานให้อย่างไม่ขาดสาย ทั้งส่งสายตา ทั้งยังแอบส่งจดหมายน้อยมานัดเขาออกไปรับประทานอาหารหลังจากเลิกสอน แม้กระทั่งทักไลน์มาขอนัดเดท จนถึงขั้นตามมาหาที่บ้านแต่เขาก็หลบหลีกได้ทัน ความเนื้อหอมของอาชวินเป็นที่ประจักษ์ นั่นทำให้ตัวจริงอย่างหอมจันทร์ถึงกับหึงหวง
-ชิ! สาวๆ มองกันใหญ่-
หอมจันทร์ส่งข้อความมาหาสามี อาชวินอ่านไลน์พร้อมสติ๊กเกอร์ทำท่างอนของภรรยาสาวก็ถึงกับยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า...
-ก็แค่มองครับ เอาอะไรไปไม่ได้ รักเมียคนเดียว-
ประโยคของเขาทำให้คนอ่านถึงกับอมยิ้ม หอมจันทร์อยู่อีกซีกหนึ่งของอาคารเรียน เธอเห็นหรอกว่าสาวๆ มองเขาตาเป็นมัน แม้เขาไม่สนใจใครจริงๆ แต่ก็อดจะหวงตามประสาภรรยาเสียไม่ได้ ด้วยว่าเธอกลัวว่าสักวัน อาชวินอาจจะใจอ่อนหรือตกหลุมพรางไปกับสาวๆ คนไหนสักคน
-คิดถึง-
ข้อความสั้นๆ ที่พิมพ์กลับมาทำให้คนอ่านถึงกับอมยิ้ม เรื่องของเธอกับอาชวินเป็นความลับ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างชบาไพรก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอกับอาชวินเป็นสามีภรรยากัน
อาชวินกับเธอหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กๆ บิดามารดาของเธอกับเขาเป็นเพื่อนรักกัน จึงจับหมั้นกันเอาไว้
พอบิดามารดาของเธอเสีย บิดามารดาของอาชวินก็ทวงสัญญาจัดการแต่งงานให้เธอกับอาชวิน ซึ่งเขาเรียนจบเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ในขณะที่เธอเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายและกำลังจะเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
-เย็นนี้หอมไปงานเลี้ยงวันเกิดชบานะคะ-
เธอพิมพ์ข้อความไปหาอาชวินผู้เป็นสามี
-ครับ-
เขาตอบรับคำเบาๆ ไม่ได้บอกเธอว่าชบาไพรก็มาชวนเขาถึงห้องทำงานแล้วเหมือนกัน กะให้เธอเซอร์ไพร้ส์ตอนเจอกันที่บ้าน
นวลจันทร์อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปงานวันเกิดของเพื่อนรัก ซึ่งเธอก็อยู่บ้านหลังเดียวกันกับเขา แต่ก็มีหอพักเช่าเอาไว้ต่างหากเวลาเพื่อนๆ มาทำรายงานหรือทำการบ้านด้วยก็จะไปอยู่ที่หอ แล้วค่อยให้อาชวินมารับ
เธอเองไม่ปรารถนาจะให้ใครรู้สถานะของตัวเองกับเขาเพราะว่าไม่อยากเป็นเป้าสายตา
“พี่วินส่งหอมตรงนี้แหละค่ะ” เธอรีบบอกเขาเมื่อถึงหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของชบาไพร
“ครับ” อาชวินรับคำของภรรยาสาวอย่างว่าง่าย หอมจันทร์เดินลงจากรถของอาชวินอย่างรีบร้อน เดินไปเกือบร้อยเมตรก็ได้ยินเสียงเรียกของเพื่อนๆ ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยง
“หอม มายังไงเหรอ”
“มามอเตอร์ไซค์รับจ้างน่ะ” คนตอบรีบรวบรวมสติโกหกคำโต ดีที่ไม่มีใครเห็นว่าเธอลงมาจากรถของอาชวิน
“บอกว่าจะไปรับก็ไม่เชื่อ มามอเตอร์ไซค์รับจ้างทำไมก็ไม่รู้” เพื่อนๆ เอ่ยขึ้นก่อนจะชวนหอมจันทร์ขึ้นรถ
อาชวินที่ขับรถตามไปเงียบๆ มองภรรยาเขม็ง ไอ้คนที่มันรับภรรยาของเขาขึ้นรถคือ ทัศพงศ์ เพื่อนชายในห้องเดียวกันกับหอมจันทร์ ดูแล้วหมอนั่นสนใจภรรยาของเขาเอามากๆ เห็นแล้วระคายสายตาไม่น้อย
อาชวินรอให้ภรรยาเข้าไปในบ้านของชบาไพรเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินตามเข้าไป
ทุกคนดูตื่นเต้นกรีดกร๊าดกันใหญ่ที่เขาเดินเข้าไป ยกเว้นหอมจันทร์ เธออ้าปากค้างตาโต ใบหน้าเหลอหลา เอ่ยถามขึ้นมาเสียงดังอย่างลืมตัว
“พี่ เอ๊ย! อาจารย์มาทำอะไรคะ”
“อะไรกันยายหอม ฉันก็ชวนอาจารย์มางานวันเกิดน่ะสิ แล้วแกเป็นอะไร ทำหน้าเหมือนเห็นผี” เสียงของชบาไพรดังขึ้น
“แกชวนอาจารย์วินมางานวันเกิดด้วยเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เลย”
“ฉันลืมบอกแกน่ะ แต่อาจารย์ก็มาแล้ว เชิญค่ะอาจารย์ หนูเตรียมอาหารเอาไว้เยอะแยะเลย” ชบาไพรรีบเอ่ยชวน ยิ้มหวานหยดให้อาชวิน ในขณะที่นวลจันทร์กะพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างเอาเรื่อง เขาถูกเชิญมางานวันเกิดด้วยแต่ทำไมถึงไม่บอกเธอกันเล่า
“ทำไมพี่วินไม่บอกหอมคะ ว่าชบาเชิญมางานวันเกิดด้วย” เธอเอ่ยถามเขาหลังจากออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอกับเขาเข้าโดยบังเอิญ
“ถ้าบอกจะเห็นเหรอว่าไอ้หมอนั่นมองเมียพี่ตาเป็นมัน!!!”
“หมอไหนคะ” คราวนี้เธอทำหน้างง
“ไอ้ทัศพงศ์ไง น่าหักคะแนนความประพฤตินัก”
“พี่วินจะหักคะแนนความประพฤติอะไรของพงศ์คะ”
“หักคะแนนที่มันยุ่งกะเมียชาวบ้านไง ผิดศีลข้อสาม” ได้ยินประโยคนั้นของสามีก็ทำเอาหอมจันทร์ถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา
“น่าขำอะไรนักหนา ชอบเหรอที่ตัวเองเนื้อหอมนัก” เขาทำหน้าบึ้งใส่เมียรัก
“พี่วินหึงด้วย”
“กลับบ้านไปจะจับหวดก้นเสียให้เข็ด”
“ใจร้ายจังเลยค่ะ” เธอยังยิ้ม อย่างน้อยคนหน้านิ่งแบบอาชวินก็หึงหวงเธอเป็นเหมือนกัน
เธอจำได้ว่าตอนแต่งงานกับเขาเธอกลัวเขา เพราะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมาก่อน รู้แค่ว่าหมั้นกันแต่เด็กเท่านั้นที่สำคัญเธอไร้ญาติขาดมิตรไม่เหลือใครอีกแล้ว เลยจำต้องแต่งงานกับอาชวิน
“อ้าว... อาจารย์อยู่นี่เอง ยายหอมด้วย หาตัวแทบแย่”
“มีอะไรเหรอจ๊ะ” หอมจันทร์ถึงกับสะดุ้งในขณะที่ อาชวินเพียงแค่มีใบหน้าเรียบเฉยเท่านั้น
“ได้เวลาเป่าเค้กวันเกิดแล้วไงจ้ะ” เสียงของเพื่อนๆ เรียกให้อาชวินและหอมจันทร์ต้องเดินออกไปร่วมงานในทันที
หลังจากชบาไพรเป่าเค้กวันเกิดเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ตัดเค้กมาส่งให้อาชวินเป็นคนแรก เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆ ทุกคนในงาน
“ให้อาจารย์คนแรกค่ะ เพื่อเป็นเกียรติที่มาร่วมงานวันเกิดของชบาในครั้งนี้”
“ชิ!” หอมจันทร์เบ้ปากใส่เพื่อนรักกับสามี ก่อนที่ทุกคนจะหันไปฉลองวันเกิดกันต่ออย่างออกรสและไม่มีใครคิดอยากจะกลับบ้านกันเลย อาจเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และบ้านของชบาไพรก็ใหญ่โตกว้างขวาง มีสระว่ายน้ำ มีสนามหญ้ากว้างๆ ทำให้การปาร์ตี้วันเกิดเต็มไปอย่างสนุกสนานเป็นอันมาก
อาชวินจับตามองภรรยาสาวไม่วาง ทัศพงศ์คอยพะเน้าพะนอตักโน่นตักนี่ให้ตลอด และสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับกัดกรามเข้าหากันคือการที่ทัศพงศ์แอบใส่บางอย่างลงในแก้วเครื่องดื่ม
“ดื่มสิครับหอม” ทัศพงศ์ยื่นเครื่องดื่มให้หอมจันทร์ แต่ก่อนที่เธอจะรับไปดื่ม เสียงของอาชวินก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ทัศพงศ์”
“ครับอาจารย์”
“เพื่อนเธอเรียกน่ะ”
“เพื่อนคนไหนครับ”
“นิวัติ” อาชวินตอบเสียงดุๆ นั่นทำให้ทัศพงศ์ต้องละความสนใจจากหอมจันทร์อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
“รีบไปเถอะ นิวัติรออยู่เห็นว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย”
“ครับ” ทัศพงศ์ตอบรับด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ มองหญิงสาวที่เขาหมายตาเอาไว้ ก่อนจะผละห่างออกไปด้วยความเสียดาย
หลังจากทัศพงศ์ลับหายไปแล้ว อาชวินก็ดึงเครื่องดื่มในมือของภรรยาสาวไปเททิ้ง
“อ้าว... พี่วินทำอะไรคะนี่ หอมโตแล้วนะคะ จิบนิดจิบหน่อยไม่เมาหรอกค่ะ” เธอทำหน้างอใส่สามี
“มันวางยาเธอ คราวหลังระวังหน่อย เดี๋ยวได้ตกเป็นนางเอกหนังโป๊โดนข่มขื่นแล้วแบล็กเมล์หรอก” ประโยคดุเข้มของสามีทำให้หอมจันทร์ถึงกับตาโต
“จริงเหรอคะ”
“หาว่าพี่โกหกเหรอ พี่เห็นกับตาว่ามันใส่ยาลงในแก้ว”
“ไม่ได้หาว่าพี่วินโกหกเสียหน่อยนี่คะ ทำไมต้องทำเสียงดุขนาดนั้นด้วย”
“กลับได้แล้ว ดึกแล้ว”
“ค่ะ”
“อาจารย์อยู่นี่เอง ไปสนุกกับพวกเราเถอะค่ะ”
“ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ มันดึกมากแล้ว”
“แหม... พรุ่งนี้วันหยุดนี่คะ”
“พรุ่งนี้ผมมีธุระที่ต่างจังหวัดด้วยครับ” ประโยคของอาชวินทำให้สาวๆ หลายคนผิดหวัง อาชวินไว้ตัว เข้าหายาก แม้จะใจดี สอนหนังสือเข้าใจง่าย แต่ก็ไม่ใช่จะยอมให้ใครเข้าใกล้ได้ง่ายๆ เหมือนอาจารย์หนุ่มๆ คนอื่น
“หอมจันทร์เธอก็จะกลับแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ กลับพร้อมอาจารย์สิ” ประโยคของสามีทำให้หอมจันทร์ใบหน้าเหลอหลา ก่อนจะหาเสียงเจอ หลุดประโยคตอบรับออกมาเมื่อหายงง
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
รักแรกพบ อาจเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก แต่เมื่อได้เกิดกับหัวใจของผู้ชายที่ชื่อพระนาย ชายหนุ่มจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ ขวัญข้าว ดวงใจของเขา ++++ “นายช่วยฉันหน่อย ฉันทรมาน” ขวัญข้าวพร่ำบอกความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย ความต้องการส่วนลึกดูจะมีอิทธิพล จนทำให้ขวัญข้าวเอ่ยพูดสิ่งนั้นออกไป สติของเธอตอนนี้แทบจะหลุดลอย “ทรมาน คุณเป็นอะไร?” “ไม่รู้... แต่ฉันแค่ต้องการ น่ะ... นาย... ขอร้องทำอะไรก็ได้ ฉัน... ฉัน... ทนไม่... หวะ... ไหว” ขวัญข้าวพูดติดขัดปานจะขาดใจ พูดจบก็หอบเหนื่อย ใบหน้าร้อนผ่าวๆ เพราะความเขินอายที่ตัวเองเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาไปตรงๆ ก่อนจะก้มหน้าต่ำมองพื้นห้อง พระนายรั้งใบหน้าของขวัญข้าวให้มองมายังเขา
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
[ตามง้อเมียแบบเจ็บลึก + รักสองทางต่างมุ่งหน้าเข้าหากัน + โฟกัสเรื่องงาน/สร้างอาชีพ] แต่งงานกันแบบปิดเงียบมาได้สามปี เหอซือชิงเคยคิดว่าความอุ่นร้อนจากหัวใจเธอจะละลายหลู่เป่ยหลินได้สักวัน แต่สุดท้าย ต่อให้เธอทุ่มเททั้งใจเท่าไหร่ ก็สู้การหวนคืนอย่างสวยงามของหญิงคนรักเก่าที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดไม่ได้เลย “หย่ากันเถอะ ในเมื่อเราทั้งคู่เห็นหน้ากันก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย งั้นปล่อยให้เราต่างคนต่างเป็นอิสระจะดีกว่า ”หัวใจของเหอซือชิงเหมือนมอดไหม้จนไร้ความรู้สึกแล้ว หลู่เป่ยหลินปฏิเสธอย่างเย็นชา “ฉันไม่เห็นด้วย เธอไม่มีวันได้หย่าจากฉันเด็ดขาด!” เขาคิดจะกักเธอไว้ข้างกาย แต่ยิ่งบีบก็ยิ่งผลักเธอให้ห่างออกไปเรื่อย ๆจนสุดท้าย…ก็สูญเสียเธอไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เธอกลับรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน ชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ ผู้ชายที่ตามจีบล้อมรอบไม่ขาดสาย ชีวิตไปได้สวย และที่สำคัญ เธอลืมเขาไปอย่างหมดสิ้น หลู่เป่ยหลิน “ลืมเหรอ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอนึกขึ้นได้เอง!” จากนั้นเป็นต้นมา— เหอซือชิงกุมเอว หน้าแดงจัดพร้อม “ต่อว่า” ไปว่า “หลู่เป่ยหลิน คุณมันเผด็จการ จะพอได้รึยัง!” หลู่เป่ยหลินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่มีวันพอหรอก!”
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY