นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ในห้องขนาดใหญ่ เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงอันปราณีตดังสั่นอย่างต่อเนื่อง สร้างความรำคาญให้กับนรีรัตน์อยู่ไม่น้อย
เธอเอื้อมมือไปเพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์ แต่ชายที่อยู่บนตัวเธอกลับออกแรงเพิ่มขึ้น
“ชยุด คุณ” “อ่า”
ยังไม่ทันที่นรีรัตน์จะได้พูดอะไรต่อ มือของเธอนั้นกลับต้องขยำผ้าปูที่นอนจนแน่น คำตำหนิก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจ
หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง นรีรัตน์ขบฟันแน่นจ้องมองไปที่เขา ร่างกายเธออ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ
คืนนี้เขาหยาบคายมาก
ชายคนนั้นได้ผละออกจากร่างของนรีรัตน์
เขายิ้มมุมปาก การแสดงออกของเขาช่างเอ้อระเหยเอื่อยเฉื่อย
ในขณะนรีรัตน์มองค้อนอยู่นั้น เขาได้เอื้อมมือออกไปกดรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “ครับที่รัก ผมอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วจะลงไปหานะครับ รอผมแป๊บนึงนะเด็กดี”
ชายคนนี้สูง 189เซนติเมตร รูปร่างสง่างาม มัดกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วน ผสมลงตัวกับหยดเหงื่อจากกิจกรรมออกกำลังกายเมื่อสักครู่ ยิ่งทำให้มีเสน่ห์เป็นที่น่าหลงใหลแก่ผู้ที่ได้พบเห็น ดวงตาคู่งามหรี่ลงช่างดูเชื้อเชิญน่าเสน่หาเป็นเท่าตัว
มีเพียงแต่นรีรัตน์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาไร้ซึ่งความปราณีและโหดเหี้ยมเพียงใด
ความอบอุ่นอ่อนโยนของเขามีไว้ให้แต่เพียงบุคคลผู้เปรียบเสมือนเป็นดั่งแสงจันทร์ที่ส่องกลางใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว
แววตาและสีหน้าของนรีรัตน์เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อห่อร่างกายอันเปลือยเปล่าของตัวเองเอาไว้ ขณะนี้ชยุด ได้เข้าไปในห้องอาบน้ำแล้ว
ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ เสียงน้ำไหลมาจากด้านใน
ห้องขนาดใหญ่และสะอาด สิ่งของตกแต่งในนั้นล้วนส่งมาจากประเทศ D ทั้งนั้น
ถึงแม้ที่นี่คือวิลล่าของชยุด แต่นรีรัตน์กลับรู้สึกว่ามันไม่ต่างอะไรกับโรงแรม
“ลงไปข้างล่างแล้วถ่ายรูปให้ผม”
ชยุด ซึ่งออกมาจากห้องอาบน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
นรีรัตน์รู้ดีว่าชยุดนั้นเกลียดเธอมาก ถึงแม้เธอเป็นภรรยาของเขา แต่เขาไม่ได้รู้สึกชอบเธอเลยสักนิด
พวกเขาทั้งสองก็แค่ทำตามพันธสัญญาก็เท่านั้น
พันธสัญญาที่ว่า ชยุดจะต้องทำให้นรีรัตน์ตั้งครรภ์ลูกของเขาให้ได้ภายในหนึ่งปี
นี่คือสัญญาของพวกเขา
หากภายในหนึ่งปีนี้เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ลูกของชยุด หุ้นของAN กรุ๊ปที่อยู่ในมือเธอทั้งหมดก็จะถูกเพิกถอน และเธอก็จะถูกขับไล่ออกจากเมือง A
‘AN กรุ๊ป’คือบริษัทชั้นนำความมั่งคั่งอันดับหนึ่งโดยการจัดอันดับของฟร์อบส์ ซึ่งทิ้งห่างจากอันดับสองอย่างไม่ติดฝุ่น
‘ชยุด เกียรติโรจนปรีชา ’ผู้เป็นประธานของ AN กรุ๊ป คือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และได้รับการขนานนามสามปีซ้อนว่าเป็น ‘ชายหนุ่มในฝันที่ผู้หญิงต้องการจะแต่งงานมากที่สุด’จากการจัดอันดับของนิตยสารโกล์ดบอล รีเจ้นท์
เขาได้นำพา AN กรุ๊ป ทะยานอย่างก้าวกระโดด จากอันดับที่ 7 ขึ้นที่อันดับ 1 จากการจัดอันดับความมั่งคั่งของฟร์อบส์ ด้วยอายุเพียงสิบเจ็ดปี
คนที่ชยุดเพิ่งคุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่ คือคนที่เป็นยอดดวงใจของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังรอเขาอยู่ด้านล่าง
แววตาของนรีรัตน์ดูเยือกเย็น เธอกล่าวกับชยุดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพสักหน่อย”
“ผมใช้ให้เธอถ่ายรูป เธอก็ถ่ายไปเถอะอย่าเรื่องมากนักเลย” ส้าวฉาวถลึงตาใส่นรีรัตน์ “ถ้าเรื่องมากนัก ตำแหน่งรองประธานบริษัทก็ไม่ต้องเป็นมันแล้ว”
“คุณ” นรีรัตน์จ้องไปที่ชยุดด้วยความแค้นเคือง
พูดจบชยุดก็เดินหันหลังมุ่งไปยังประตูโดยไม่หันกลับไปมองเธออีกแม้แต่ปลายหางตา พร้อมกล่าวว่า “อ่อ แล้วอย่าลืมหล่ะว่า คืนนี้เธอมีนัดทานข้าวที่สวรรค์เพลส ถ้าชักช้าล่ะก็เธอจะต้องชดใช้”
นรีรัตน์มองดูเขาหันหลังเดินออกไป ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความแค้น
สำหรับชยุดไม่มีใครสำคัญเกินไปกว่ายอดดวงใจของเขา‘ปรียาวดี เจริญพรอุดม ’
ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าที่นรีรัตน์จะสงบสติอารมณ์ลงได้ แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้า
เพื่อหุ้นของ AN กรุ๊ป เธอจำเป็นต้องอดทน
แต่ทำไมเมื่อเวลาที่เธอเห็นชยุดทำดีกับผู้หญิงคนอื่นเธอถึงได้เจ็บแปลบขึ้นมา
เมื่อคิดเช่นนี้แววตาของเธอค่อย ๆ เคลือบแฝงไปด้วยความเศร้าเล็ก ๆ
ความจริงแล้วภายในส่วนลึกของหัวใจเธอยังมีความปรารถนาอยู่
เธอหวังว่าจะได้รับความรักจากชยุด ตลกสิ้นดี
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าที่นรีรัตน์จะสามารถหยิบกระโปรงยาวพลิ้วขึ้นมาสวมใส่ นอกจากความไม่สบายส่วนล่างของเธอแล้ว ชยุด ก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอื่นบนร่างกายเธอแต่อย่างใดเลย
เขาไม่สนใจที่จะสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องให้กำเนิดลูกของครอบครัวฟู่ เกรงว่าเขาไม่อยากจะแตะต้องตัวของเธอเลยด้วยซ้ำ
นรีรัตน์ฝืนความเจ็บร้าวช่วงเอวของเธอ และเดินลงบันไดไปทีละขั้น
ณ ห้องโถง ชยุดกำลังประคองกอดปรียาวดีเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป
ปรียาวดี ตอนนี้อยู่ในชุดยาวสีขาวราวหิมะ เหมาะกับใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่ได้สัดส่วนของเธอ กำลังยิ้มบาง ๆ อย่างมีความสุข
เมื่อเธอและชยุดยืนเคียงข้างกัน ยิ่งทำให้ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
เมื่อเขาสังเกตเห็นนรีรัตน์ที่เพิ่งเดินลงมาถึง รอยยิ้มของเขาก็หุบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไมถึงได้ชักช้านัก”
เมื่อได้ยินคำถามบาดหูของชยุด นรีรัตน์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามสงบอารมณ์โกรธที่อยู่ภายใน
เธอค่อย ๆ เดินไปอย่างเงียบ ๆ ปรียาวดีซึ่งมีศักดิ์ลูกพี่ลูกน้องเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชยุดนั้น ส่งยิ้มให้นรีรัตน์พร้อมกล่าวขอโทษ“ขอโทษทีนะนรีรัตน์ แต่พอดีว่าชยุดเค้าอยากจะได้รูปคู่ให้ได้เลย บอกว่าจะเอาไปแชร์ในกลุ่มเพื่อน แถมยังบอกอีกว่าต่อไปนี้วันเกิดของฉันทุกปีจะต้องแชร์รูปคู่หนึ่งรูปเป็นอย่างน้อยล่ะ”
ปรียาวดีชอบพูดอวดอย่างนี้เป็นประจำ จนนรีรัตน์ชินชา
ดังนั้นนรีรัตน์จึงไม่แสดงท่าทีอื่นใด และแบบมือออกไปหาชยุดอย่างไม่ยินดียินร้าย “มือถือ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
ชยุดโยนโทรศัพท์ให้นรีรัตน์ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าเธอถ่ายได้ไม่ดี ก็อยู่บ้านเรียนถ่ายรูปมาใหม่ให้ดี ๆ เพราะจากนี้เรื่องพวกนี้คงจำเป็นต้องใช้เธอ
นี่เป็นการกลั่นแกล้งกันชัด ๆ เขารู้ทั้งรู้ว่าเวลาเธอมีไม่มาก น่ารังเกียจที่สุด
หัวใจของนรีรัตน์นั้นกำลังรุ่มร้อนดั่งไฟสุมอก แต่บนใบหน้านั้นกลับเรียบเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ
ชยุดเหล่มองนรีรัตน์ด้วยปลายหางตา กลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ บนใบหน้า ทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างไรก็ไม่รู้
เขารวบต้นขาของปรียาวดี และท่าทางการโพสท่าของพวกเขาดูคลุมเครืออย่างมาก
“คนบ้า” ปรียาวดีพูดด้วยใบหน้าที่แดงอย่างเขินอาย
เธออายมากจนแกล้งเอาหน้าลงไปซบที่อกของชยุด พลางมองไปทางนรีรัตน์ด้วยแววตาที่โอ้อวดยั่วยุอย่างมีนัยยะ
เมื่อชยุดกอดขาของปรียาวดีแล้วเอนกายแนบชิด ทำให้กระโปรงของปรียาวดีที่พะรุงพะรังเกี่ยวรั้งเข้ากับเสื้อ ก็ยิ่งทำให้ท่าทางของทั้งสองยิ่งดูคลุมเครือมากขึ้น
นรีรัตน์ไม่ได้แยแสการยั่วยุของปรียาวดี ถ่ายภาพต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชยุดทั้งโอบขาโอบเอวของปรียาวดี อีกทั้งยังประทับจูบลงบนใบหน้าของเธอ
ปรียาวดียิ้มแสร้งทำเป็นเขินอาย
นรีรัตน์รับรู้ทุกท่าทางการกระทำของพวกเขา
ชยุดโพสทุกท่าที่ล่อแหลม คลุมเครือทุกท่าเท่าที่เขานึกออก แต่สีหน้าของนรีรัตน์ก็ยังไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เมื่อเป็นดังนั้นยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิด เขาคว้าโทรศัพท์จากมือของนรีรัตน์ “ไหนขอดูรูปหน่อยสิ ถ้าถ่ายปรียาวดีของผมไม่สวยล่ะก็เธอต้องถ่ายใหม่”
นรีรัตน์อยู่ในท่าทีที่เงียบสงบ เธอยื่นโทรศัพท์ให้ชยุดอย่างใจเย็น
ปรียาวดีทุบแขนชยุดเบา ๆ แกล้งกล่าวคำตำหนิเล็ก ๆ “นี่คุณไม่วางใจในรูปร่างหน้าตาของฉันเหรอ”
ชยุดจูบลงบนหน้าผากหนึ่งที “ไม่ใช่หรอก ปรียาวดีของผมน่ะสวยที่สุดในโลกอยู่แล้ว” “แค่ผมกลัวว่าฝีมือถ่ายภาพของนรีรัตน์จะแย่เกินไปน่ะ”
ปรียาวดียิ้มอย่างเข้าใจและกล่าวว่า “คุณไม่วางใจยีนส์ของตระกูลฉันเหรอคะ”
ความหมายก็คือนรีรัตน์และปรียาวดีนั้นทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ทั้งสองคงไม่ต่างกันมากนักหรอก
ชยุดพยักหน้ารับ
ปรียาวดีสวยมาก ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ผมยาวตรงเงางาม ตาคู่โตสุกใส
เธอสูง186เซนติเมตร ทรวดทรงดูได้รูปได้สัดส่วน ผู้ชายได้เห็นเป็นต้องหลงรัก
อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหน อย่างไรเสียก็ออกมาสวยอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนรีรัตน์นั้นถ่ายรูปอย่างตั้งใจ
ชยุดเปิดดูรูปทั้งหมดที่นรีรัตน์ถ่าย พบว่ารูปถ่ายที่ออกมานั้นสวยอย่างไร้ที่ติ ทุกรูปปรียาวดีนั้นดูสวยงดงามราวกับภาพวาด ส่วนตัวเขาเองก็ดูดี ท่วงท่าสง่างาม ทำให้เขาไม่สามารถหาบกพร่องแม้แต่นิดเดียว
ดูเหมือนว่านรีรัตน์จะรับเอาเรื่องนี้เป็นภารกิจจริง ๆ เลยไม่แปลกใจเลยที่เธอจะไม่แสดงถึงอาการผิดปกติ
อย่างนี้แล้วชยุดก็ไม่สามารถหาข้อติได้ ทำให้ยิ่งรู้สึกร้อนรนขึ้นไปอีก
เขาเก็บโทรศัพท์มือถืออย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมพูดว่า“หมดเรื่องของเธอแล้ว จะไปไหนก็ไปซะ”
นรีรัตน์เดินหันหลังกลับด้วยท่าทีเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิม
“เดี๋ยวก่อน” เขาจ้องไปยังร่างของนรีรัตน์ “ไปเปลี่ยนชุดซะ สีชุดของเธอเหมือนกับของปรียาวดี” “อย่าใส่ชุดสีเดียวกับปรียาวดีไปงานเลี้ยงคืนนี้ เดี๋ยวปรียาวดีจะดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร”
หลังจากพูดจบใบหน้าของเขาก็เย็นชายิ่งขึ้นราวกับยมทูต “ปรียาวดีต้องเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นชุดของเธอที่มีสีเดียวกับปรียาวดีเอาไปทิ้งให้หมดซะ”
ทันทีที่ได้ฟังดังนั้น หัวของนรีรัตน์ก็เต็มไปด้วยความโมโหอีกครั้ง
เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่อาจระงับความโกรธได้อีกต่อไป ในที่สุด เธอก็ต้องกัดฟันตอบออกไป “คำสั่งของคุณฟู่ ดิฉันจะจำไว้แล้วนำไปปฏิบัติอย่างครบถ้วนค่ะ”
การที่เธอใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับปรียาวดีจะทำให้ปรียาวดีโดดเด่นน้อยลงงั้นเหรอ ฉันก็ไม่ได้อยากใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับผู้หญิงเสแสร้งพรรณนั้นหรอก
นรีรัตน์ค่อย ๆ คลายหมัดลงแล้วเดินขึ้นบันไดไป
เมื่อเห็นนรีรัตน์เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างโกรธเคือง มุมปากของปรียาวดีก็กระตุกขึ้นและยิ้มอย่างมีชัย
หลังจากขึ้นห้องไป นรีรัตน์ก็กระชากเสื้อผ้าสีขาวทั้งหมดลงไปกองกับพื้น
ปรียาวดีชอบเสื้อโทนสีอ่อน โดยเฉพาะสีขาว
สิ่งที่ปรียาวดีชอบ นรีรัตน์ก็ไม่อยากจะแตะต้องนักหรอก
“ตัวเอง คุณโพสต์รูปเราหรือยังคะ” ปรียาวดีซึ่งเอาหน้าแนบอกของชยุดอยู่ เงยหน้าขึ้นถามเขา
ชยุดที่เหม่อมองตามแผ่นหลังของนรีรัตน์อยู่นั้นก็รู้สึกตัวขึ้น ก้มหน้าตอบรับคำของปรียาวดี “อัปโหลดเดี๋ยวนี้แหละ”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปของเขากับปรียาวดี
ในภาพทั้งสองยิ้มอย่างมีความสุข ดูเหมาะสมกันอย่างสวรรค์สร้าง แต่ยิ่งดูก็ยิ่งเสียอารมณ์ จึงเลือกอย่างไม่ใส่ใจมาหนึ่งรูปแล้วแชร์ลงโมเมนต์
ตั้งแคปชั่นประกอบว่า“สุขสันต์วันเกิดครับที่รัก รักคุณตลอดไป”
ทันทีที่เขาแชร์โมเมนต์เสร็จก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์
คุณเห้อ “อิจฉา ตาร้อน”
คุณซุน “ตายสงบศพสีชมพู” ‘ฆ่าคนโสด’ ‘เหม็นความรัก’ ‘ทำร้ายจิตใจ’
มีข้อความดี ๆ อยู่บ้างเช่น‘สุขสันต์วันเกิดปรียาวดีคนสวย ขอให้อ่อนเยาว์และดูดีตลอดไป’ หรือ‘ชยุดรักคุณสามพัน’
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่รู้ว่าชยุดนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว แต่พวกเขายังรู้อีกว่า หัวใจของชยุดเป็นของใครคนนั้นคนเดียว
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ